ฉีดวิตามินผิวขาวขึ้นจริงหรือไม่? หลังฉีดจะมีอาการอะไรบ้าง? และควรดูแลตัวเองอย่างไร?
วิตามิน เป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ไม่เพียงแต่การซ่อมแซมอวัยวะในร่างกายต่างๆ ที่สึกหรอ แต่ยังเป็นอาหารผิวที่ช่วยทำให้ผิวดูสุขภาพดีอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งร่างกายได้รับผ่านการรับประทานผัก ผลไม้ หรือวิตามินแบบเม็ด แต่ปัจจุบันได้มีการฉีดวิตามินผิว เพื่อช่วยให้ร่างกายนำไปใช้ได้สะดวกขึ้น เห็นผลไว ผิวกระจ่างใสแบบเร่งด่วน สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักการฉีดวิตามินผิว บทความนี้จะมาแนะนำข้อดีและข้อควรรู้ให้ได้ทราบกัน
รูปภาพจาก freepik
ทำความรู้จักการฉีดวิตามินผิว
การฉีดวิตามินผิว เป็นการให้อาหารผิวผ่านทางเส้นเลือดดำ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมวิตามินเข้าไปฟื้นฟูและบำรุงผิวได้เห็นผลไวยิ่งขึ้น โดยในตัววิตามินที่ใช้ฉีดจะประกอบด้วย วิตามินซี (Vitamin C) หรือกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic Acid) เป็นตัวหลักในการออกฤทธิ์ มีหลากหลายสูตรให้เลือกเพื่อตอบโจทย์ปัญหาผิวที่แตกต่างกันตามความต้องการเฉพาะคน
ฉีดวิตามินผิวดีอย่างไร
การฉีดวิตามินสามารถช่วยฟื้นฟู ซ่อมแซมร่างกายส่วนต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็น ผิวหนัง กระดูก และฟัน รวมทั้งยังเพิ่มภูมิต้านทานของร่างกายได้ตามลิสต์ด้านล่างนี้
- กระตุ้นการเกิดสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายเพื่อป้องกันการเปิดปัญหาผิว
- เสริมสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวให้แข็งแรง ทำให้ผิวสุขภาพดี
- เพิ่มความกระจ่างใสให้ผิว ลดความหมองคล้ำได้ดี ผิวดูเปล่งปลั่ง
- สร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ไม่เป็นหวัดบ่อย หรืออ่อนเพลียง่าย
ฉีดวิตามินผิวช่วยแก้ปัญหาใดบ้าง?
เนื่องจากการฉีดวิตามินผิวเป็นประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้าน จึงเหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวคล้ำเสีย ผิวแห้ง ขาดน้ำ คนที่ร่างกายอ่อนแอ เป็นหวัดง่าย ซึ่งเป็นการรักษาที่ตอบโจทย์ เพราะเห็นผลได้ไว ดูเป็นธรรมชาติ และออกฤทธิ์ได้นานเมื่อฉีดเป็นประจำ
ฉีดวิตามินผิวดีกว่าการกินวิตามินยังไง?
การกินวิตามินแบบเม็ด ร่างกายจะสามารถนำไปใช้งานได้ก็หลังจากที่มีการย่อยสลายที่กระเพาะอาหารแล้วเท่านั้น และไม่สามารถดูดซึมได้ทั้งหมด ในขณะที่การฉีดวิตามินผิวจะลดกระบวนการในการย่อยออกไป ตัววิตามินสามารถเข้าตรงสู่เส้นเลือดและนำไปใช้ได้ทันที วิธีการนี้ยังช่วยให้ดูดซึมได้ในปริมาณที่มากกว่าอีกด้วย และเกิดการเปลี่ยนแปลงภายใน 3 – 7 วันหลังฉีด
บุคคลที่ไม่ควรฉีดวิตามินผิว
- คนที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์ และให้นมบุตร
- มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับระบบการไหลเวียน การแข็งตัวของเลือด และภูมิคุ้มกัน เช่น ความดันต่ำ มะเร็ง รวมทั้งภาวะบกพร่องเอนไซม์
- คนเป็นเบาหวานที่มีการฉีดอินซูลิน
- คนที่ไตมีปัญหา
- คนที่ร่างกายมีภาวะเหล็กเกิน
- คนที่แพ้ยาจำพวกวิตามิน
ฉีดวิตามินผิว อันตรายมั้ย?
หากฉีดวิตามินที่ผ่านการรับรอง มีเลขอย. กำกับ และฉีดกับคลินิกที่ใว้ใจได้จะสามารถเลี่ยงการเกิดปัญหาในการฉีดได้ นอกจากนี้ต้องได้รับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในการซักประวัติและตรวจร่างกายด้วย เนื่องจากการฉีดวิตามินผิวไม่เหมาะกับคนที่มีโรคประจำตัวบางประเภทนั่นเอง
รูปภาพจาก freepik
ฉีดวิตามินผิว มีสูตรแบบใดบ้าง?
โดยทั่วไปแล้ว การฉีดวิตามินผิวจะสามารถช่วยดูแลผิวหลักๆ ได้ก็คือ เร่งความกระจ่างใส เพิ่มความชุ่มชื้น และชะลอการเกิดริ้วรอย ในคลินิกส่วนมากจะมีสูตรวิตามินที่ตอบโจทย์ 3 ปัญหาผิวเหล่านี้ โดยแต่ละแบบมียี่ห้อดังตามด้านล่างนี้
1.เพิ่มความกระจ่างใส
- Meso Blink วิตามินเข้มข้น ฉีดตรงโดยไม่ผสมน้ำเกลือ เร่งให้ผิวกระจ่างใสแบบเป็นธรรมชาติ
- Aura White Skin วิตามินที่มีหัวกลูต้าเข้มข้น เน้นลดเม็ดสีผิว ช่วยให้ผิวขาว เนียนสม่ำเสมอ
- Vita Glow วิตามินเพิ่มความกระจ่างใส พร้อมเอฟเฟ็กต์ผิวเรียบลื่น เหมาะกับเป็นตัวแรกที่ฉีด
- Vitamin White Plus เพิ่มความกระจ่างใส พร้อมกับบำรุงเส้นผมและเพิ่มภูมิต้านทาน
- Fairy Cocktail สูตรเน้นความโกลว์เปล่งปลั่ง กระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิต้านทาน
2. เติมความชุ่มชื้นให้ผิว
- Extra White Plus เน้นเติมความชุ่มชื้น พร้อมการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูสุขภาพดีอิ่มน้ำ
3. ลดการเกิดริ้วรอย
- Perfect White Radiance สูตรที่เน้นแก้ปัญหาริ้วรอย เพิ่มความเรียบเนียน ผิวชุ่มชื้น
ฉีดวิตามินผิวช่วยให้ขาวขึ้นรึเปล่า?
วิตามินผิวช่วยให้ผิวกระจ่างใสขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับสูตรวิตามินที่เลือกฉีด โดยทั่วไปจะเห็นผลลัพธ์ความเรียบเนียน สม่ำเสมอ ผิวดูสุขภาพดีแบบเป็นธรรมชาติ และสามารถลดความหมองคล้ำ พร้อมเพิ่มความกระจ่างใสได้เป็นอย่างดี เมื่อฉีดอย่างต่อเนื่อง
ควรฉีดวิตามินผิวที่ไหน?
การฉีดวิตามินผิว นับเป็นหัตถการที่ต้องทำโดยผู้เชี่ยวชาญ เพราะมีการฉีดเข้าเส้นเลือด ต้องอาศัยการคำนวณปริมาณ และความสะอาดของอุปกรณ์ จึงควรฉีดกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน ไม่ควรหามาฉีดเอง เพราะเสี่ยงติดเชื้อและได้รับวิตามินที่ไม่มีคุณภาพได้
ขั้นตอนในการฉีดวิตามินผิว
วิตามินผิวจะเป็นการฉีดเข้าที่เส้นเลือด ก่อนฉีดจะมีการวัดความดันและตรวจร่างกายทั่วไป ก่อนเริ่มฉีดโดยการจิ้มเข็มเข้าที่ข้อพับแขน แล้วให้วิตามินดูดซึมเข้าสู่ผิวผ่านทางสายน้ำเกลือ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ซึ่งทำให้สารอาหารถูกนำไปใช้งานได้มากกว่า
ฉีดวิตามินผิว ต้องฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผล?
การฉีดวิตามินผิวให้เห็นผลต้องเน้นความสม่ำเสมอ ควรฉีดทุกๆ 2 สัปดาห์ต่อ 1 ครั้ง หลังจากฉีดไปประมาณครั้งที่ 3 จะเริ่มเห็นความกระจ่างใสเพิ่มขึ้นจากก่อนเริ่มฉีด และจะเห็นผลชัดที่สุดหลังจากฉีดแล้ว 5 ครั้ง
ความรู้สึกตอนฉีดวิตามินผิว เจ็บมั้ย?
ฉีดวิตามินผิวเป็นการให้วิตามินผ่านทางสายน้ำเกลือ จะรู้สึกเจ็บตอนแทงเข็มเข้าที่ข้อพับเล็กน้อย หากไม่ใช่คนที่กลัวเข็มเป็นพิเศษก็จะไม่รู้สึกเจ็บมาก สามารถทนต่อความรู้สึกระหว่างฉีดได้
นอกจากการฉีดวิตามินผิว ควรดูแลด้วยวิธีการใดร่วมด้วย?
การฉีดวิตามินผิวเป็นหนึ่งวิธีในการเร่งผลลัพธ์ให้ผิวขาวแบบเร่งด่วน แต่หากมีการดูแลตัวเอง ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลกระทบต่อผิวร่วมด้วย ก็จะช่วยให้ผิวขาวขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีวิธีดังนี้
- รับประทานอาหารที่มีวิตามิน เช่น ผัก ผลไม้ หรือกินอาหารเสริมวิตามินแบบเม็ด
- บำรุงผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่ช่วยเพิ่มความกระจ่างใส และความชุ่มชื้น
- สครับผิวเพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าออก กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่ดียิ่งขึ้น
- ทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านทุกวัน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดผิวคล้ำ ปัญหาฝ้า กระ
- หลีกเลี่ยงความเครียด เพราะสามารถส่งผลต่อสุขภาพผิวได้โดยตรง
- พักผ่อนให้เพียงพอ ให้ร่างกายมีเวลาในการฟื้นฟูซ่อมแซมผิว
- ดื่มน้ำเพื่อให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น
- ฉีดเมโสหน้าใส หรือมาเด้คอลลาเจนควบคู่เพื่อช่วยเร่งผลลัพธ์ได้อีกทาง
สรุป
การฉีดวิตามินผิว เหมาะกับคนที่ผิวอ่อนล้า หมองคล้ำ จากการพักผ่อนน้อย ความเครียด และอยากให้ผิวกลับมาดูมีสุขภาพดีอย่างรวดเร็ว เห็นผลไวกว่าการกินวิตามินแบบเม็ด หรือการดูแลด้วยวิธีการทั่วๆ ไป ซึ่งการฉีดวิตามินผิวให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีควรเลือกฉีดสูตรที่เหมาะกับตัวเอง ที่คลินิกที่ไว้ใจได้ เพื่อไม่ให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดอันตรายนั่นเอง