จริงไหมที่ ‘ความโสด’ ดีกับชีวิตคนเรามากกว่า?
จริงไหมที่ ‘ความโสด’ ดีกับชีวิตคนเรามากกว่า?
แล้วการเรียนรู้ที่จะสบายใจกับความโสดยังถือเป็นการเตรียมพร้อมที่ดีกว่าด้วย ไม่ว่าจะสำหรับความสัมพันธ์ในอนาคต หรือการอยู่ได้ด้วยตัวเอง
คนเราเป็นโสดกันนานขึ้น และเลือกที่จะใช้ชีวิตแบบนั้นจนแก่เฒ่า เพราะการเป็นโสด ไม่ใช่เรื่องที่น่าสงสาร หรือน่าเห็นใจ อย่างที่หลายคนเคยมีมุมมองต่อความโสด แต่ที่จริงแล้วการอยู่เป็นโสดนั้นมีประโยชน์กับคนเราทั้งในด้านสุขภาพกายและใจมากกว่าที่หลายคนเคยคิดอีกด้วย
และนี่คือเหตุผล 6 ข้อที่จะมาอธิบายว่า การอยู่เป็นโสดอาจเป็นเรื่องที่ ‘ดีกว่า’ สำหรับคุณก็ได้
1. คุณจะมีเวลาคิดทบทวนสิ่งต่างๆ
สำหรับบางคนที่เคยเจ็บปวดในอดีต อาจถูกดึงดูดให้เข้าไปสู่ความสัมพันธ์ใหม่กับคนที่ ‘ไม่ใช่’ สำหรับคุณได้ง่าย เพราะคุณพยายามที่จะซ่อมแซมความเจ็บปวดครั้งก่อนโดยที่ไม่รู้ตัว
การได้ใช้เวลากับตัวเองจึงเป็นเหมือนโอกาสที่ทำให้ได้เข้าใจตัวตนของเรา สิ่งที่เราเป็น รวมถึงสิ่งที่เราต้องการจริงๆ มากขึ้น และถ้าคุณลองใช้เวลาในการอยู่เป็นโสด คุณจะพบว่า ‘เวลา’ คือสิ่งเยียวยาที่ดีที่สุด และในขณะเดียวกันคุณจะได้เรียนรู้การก้าวผ่านอดีต พร้อมกับได้ท่องไปยังสถานที่ใหม่ๆ ลองประสบการณ์ใหม่ๆ เหมือนได้ออกกำลังกายกับตัวเอง และท้ายที่สุดคุณอาจได้รู้ว่าคนแบบไหน คือคนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
2. จิตใจและความคิดของคุณจะไม่ยุ่งเหยิง
Susan Winter ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ บอกว่า ‘ความสัมพันธ์นั้นมีราคาแพงต่อจิตใจมากๆ เพราะความใกล้ชิดและและการเป็นหุ้นส่วนกันในชีวิต ต้องใช้พื้นที่มากมายในหัวและความคิดของเรา แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ตาม และทำให้เราใช้ศักยภาพในการโฟกัสความคิดของตัวเองน้อยลง
หรือคุณอาจลองนึกถึงบรรดาคนมีคู่ ที่ใช้เวลามากมายไปกับความกังวลที่มีต่อคนรักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ หรือเวลาที่คนเราครุ่นคิดถึงความข้องใจเล็กๆ ระหว่างกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนราคาที่ต้องจ่ายของความรัก และจัดเป็นประเภทหนึ่งของความเครียดที่อาจขัดขวางความสุขของคนเราได้ จากการที่เราเก็บสิ่งเหล่านี้เอาไว้ให้มีอยู่ในหัวตลอดเวลา และความไม่ลงรอยกันทางอารมณ์ความรู้สึก ก็อาจเป็นสิ่งที่ดึงความสนใจและเวลาของคนเราไปจนหมด ไม่ว่าความยุ่งเหยิงภายในใจนั้นจะมาจากการทะเลาะกัน หรือความกลัว แม้กระทั่งความกังวลต่อสุขภาพและความสุขของคนที่เรารัก
ในทางกลับกัน การเป็นโสดจะตัดความยุ่งเหยิงเหล่านี้ออกไป และยังเป็นการสร้างพื้นที่ให้กับเราเราสำหรับความคิดและความฝันใหม่ๆ เพื่อให้เราได้มีเวลาหายใจและเติบโตขึ้น
3. คุณจะพร้อมเปิดรับสิ่งที่ชีวิตสรรหามาให้คุณมากขึ้น
Dr. Niloo Dardashti ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์และนักจิตวิทยาจากนิวยอร์ก กล่าวว่า ‘การเป็นโสดนั้นอาจทำให้คนเราเต็มใจที่จะรับมือกับความยุ่งยากหรืออุปสรรคต่างๆ ในชีวิตได้มากขึ้น เพราะเหมือนกับว่าคุณไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว และเมื่อคุณอยู่เพียงลำพังคุณจะต้องพึ่งตัวเองมากขึ้น’
ชีวิตของคนเรานั้นท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นของตัวเราเองโดยสมบูรณ์ และไม่มีใครขัดขวางคุณจากการออกเดินทางเพื่อจุดมุ่งหมายได้ และถ้าคุณเป็นอิสระจากความสัมพันธ์ก็มีแนวโน้มที่คุณจะกล้าเสี่ยงพร้อมออกผจญภัย เพื่อพบความแปลกใหม่จากการเดินทางมากขึ้น
4. คุณมีเวลาได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์
หลายครั้งที่มีความสัมพันธ์ พวกเขาจะสูญเสียตัวเองไปกับความสัมพันธ์นั้น ไม่ว่าจะเป็นความคิดหรือความสนใจ เพราะมีเวลาอยู่คนเดียวน้อยลง และไม่ได้โฟกัสกับการพัฒนาตัวเอง แต่เมื่อเราได้อยู่ลำพัง จะเป็นการสร้างโอกาสให้ได้เข้าใกล้สิ่งที่อยู่ภายในตัวเราเอง
ซึ่ง Dr. Dardashti ยังบอกเพิ่มเติมว่าการมีชีวิตคู่จะทำให้คนเราไม่ค่อยได้แตะด้านของความคิดสร้างสรรค์ แต่เมื่อคุณโสดจะมีพื้นที่ว่างมากขึ้นสำหรับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ แต่ถ้าถามว่าเราจะมีความคิดสร้างสรรค์ไปพร้อมกับมีความสัมพันธ์ได้ไหม คำตอบก็คือได้ แต่สำหรับคนทั่วไปแล้ว เป็นเรื่องค่อนข้างยากที่จะสร้างสมดุลให้กับสองสิ่งนี้
5. คุณมีโอกาสที่จะคิดหาสิ่งที่คุณต้องการในชีวิต
Dr. Jenny Taitz นักจิตวิทยาคลินิกแนะนำว่า ให้เรามองการเป็นโสดเป็นโอกาสที่เราจะได้ค้นพบเป้าหมายของตัวเอง และถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราจะได้คิดว่าตัวเรานั้นเป็นใครและมีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
เพราะเวลาที่เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ เราจะมีเวลาในการทำความเข้าใจว่าอะไรสำคัญกับตัวเราและอะไรคือสิ่งที่เราให้คุณค่า การเป็นโสดจึงเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบในการคิดทบทวนว่าตัวเรานั้นเป็นใครและเราอยากจะพาชีวิตตัวเองไปในที่แบบไหน หรือเราอยากจะสร้างการเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง มีทัศนคติความคิดใดที่เราอยากจะพัฒนาให้ดีขึ้น และการเป็นโสดก็ยังเป็นโอกาสที่คุณจะได้ค้นพบตัวเองด้วย
6. ระดับความมั่นใจของคุณจะพุ่งสูงขึ้น
บางครั้งคนเรามักจะขึ้นอยู่กับคนรักหรือแฟนมากกว่าที่จำเป็น แต่การเป็นโสดนั้นจะเป็นโอกาสให้เราได้เข้าถึงความแข็งแกร่งภายในตัวเอง ซึ่งส่งผลต่อระดับของความมั่นใจด้วย
เพราะความสันโดษก่อให้เกิด self-reflection และสิ่งนี้เองที่สร้างให้เกิดความมั่นใจ
ซึ่งความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดก็มักจะเกิดขึ้นเมื่อคนเรามีความเข้าใจที่ดีต่อความต้องการของตัวเอง รวมถึงคุณค่าต่างๆ ของตัวเอง
อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ชีวิตเป็นโสดหรือมีคนรัก สิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้อาจเป็นเรื่องการจัดสรรเวลาที่มีคุณภาพ และการสร้างสมดุลของตัวเองกับความสัมพันธ์ เพื่อการยกระดับชีวิตของตัวคุณเองให้ดีขึ้นในระยะยาว