แกงเขียวหวานปลากรายเกี้ยวปู
มื้อเย็นของค่ำคืนนี้ ใครทำเมนูอะไรทานกันบ้างคะ มาแชร์กันได้น้า ส่วนผู้เขียนทำเมนูอาหารคาวที่มีรสชาติจัดจ้านกลมกล่อม กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ หรือขนมจีนก็สุดแสนอร่อย ใครๆก็ชอบเมนูนี้เป็นหนักหนา เพราะมีสีสันหน้าตาและรสชาติอันโอชาเป็นที่โปรดปราน อาหารไทยเอกลักษณ์ของเครื่องเทศหอมอร่อยลิ้นเมื่อได้ตักลิ้มรส บางคนถึงกับตักซดน้ำแกงราวขนมหวาน
กล่าวมาถึงตรงนี้ คงมีหลายท่านที่ตอบถูกกันแล้วล่ะเนาะ เมนูอาหารคาวของค่ำคืนนี้ คือ แกงเขียวหวานปลากรายเกี้ยวปู สูตรนี้นำไปทำขายหรือทำกินในครอบครัวก็สุดแสนอร่อย เคี้ยวเพลินด้วยเนื้อปลากรายล้วนๆไม่ผสมแป้ง ที่บรรจงห่อหุ้มเนื้อปูไว้อีกชั้น เคี้ยวเพลินอร่อยกันตักเติมเบิ้ลหลายชาม ใครอยากลองทำตามก็ไม่หวง สูตรนี้พริกแกงตำมือเองถึงเครื่องเทศสมุนไพรที่สดๆใหม่ๆ แบะมีเคล็ดลับให้น้ำแกงสีเขียวสวย จะมีวิธีการอย่างไรนั้น ไปรังสรรค์พร้อมกันจ้า
เริ่มจากนำเนื้อปลากรายขูดมานวดเพื่อให้เนื้อปลาฟูนุ่ม แต่สูตรนี้ใช้เนื้อปลาเน้นๆไม่ผสมแป้งนะคะ
ใช้มือนวดเน้นเนื้อปลาไปเรื่อยๆ
โดยใช้น้ำเกลือผสมน้ำแข็ง คอยพรมเนื้อปลาเรื่อยๆขณะนวด และยกฟาดเนื้อปลาเพื่อช่วยให้เนื้อปลากรายเหนียวนุ่มเนื้อเด้งอร่อย
เมื่อได้เนื้อปลาที่นุ่มละเอียดได้ที่แล้วก็มาลุยปั้นกันนะคะ
ก้อนเนื้อปูสำหรับสอดไส้เนื้อปลากรายค่ะ
ตอนปั้นเนื้อปลากราย ให้นำมือไปจุ่มน้ำก่อนนะคะ ป้องกันเนื้อปลาติดมือนั่นเอง
ปั้นเนื้อปลากรายเป็นก้อนกลมแบนๆเพื่อนำก้อนเนื้อปูมาวางอีกชั้น และห่อหุ้มด้วยเนื้อปลากราย
เนื้อปลากรายที่ห่อเนื้อปูเรียบร้อยแล้ว
นำหม้อตั้งไฟกลางต้มน้ำจนเดือด เราจึงค่อยๆหยิบเนื้อปลากรายห่อเนื้อปูลงไปต้ม
เมื่อเนื้อปลากรายห่อเนื้อปูสุก จะสังเกตว่าเนื้อปลาจะลอยขึ้นมา
ใช้กระชอนตักเนื้อปลากรายห่อปูจึ้นมาให้สะเด็ดน้ำ แล้วนำไปน็อคน้ำแข็ง เพิ่มความกรอบเด้งนั่นเองค่า
เตรียมครกให้พร้อม
นำใบพริกขี้หนูประมาณ 40 ใบ มาตำให้ละเอียด
เมื่อตำใบพริกจนละเอียดแล้ว นำน้ำเปล่าประมาณ 1 แก้วเทใส่ลงไปเพื่อคนละลาย
จากนั้นนำกระชอนรองภาชนะและนำผ้าขาวบางรองอีก 1 ชั้น เพื่อกรองแยกน้ำใบพริกกับกากใยออก
เราก็จะได้น้ำใบพริกสีเขียวเข้มสด จุดนี้แหละคือเคล็ดลับที่ทำให้น้ำแกงมีสีเขียวสวย
นำเกลือครึ่งช้อนโต๊ะ และผิวมะกรูดฝานลงครกตำโขลกรวมกันให้ละเอียด
ถัดมานำเมล็ดยี่หร่าคั่ว และเมล็ดผักชีคั่วใส่ตามลงไป
โขลกให้ทุกอย่างละเอียดเข้ากัน
ขั้นต่อไปใส่ข่าแก่ลงไปตำ
ตามด้วยตะไคร้ซอยประมาณ 2 ต้น
เมื่อตำละเอียดแล้ว นำพริกขี้หนูสวน พริกจินดาลงไปโขลกต่อ อ้อ! เลือกใช้พริกเม็ดเขียวน้า เพื่อให้น้ำแกงของเราเน้นสีเขียวเข้าไว้ ส่วนเรื่องรสชาติไม่ต้องห่วงจ้า สีเขียวก็เผ็ดร้อยเปอร์เซ็นต์
ถัดมานำกระเทียมและหอมแดงลงโขลกต่อ
ใครจะเสร็จสรรพก็ยกทัพนำกะปิกุ้งหนึ่งช้อนโต๊ะ โขลกรวมกัน
ครบสมุนไพรก็ถึงเวลาโขลกให้ทุกอย่างเข้ากันจะละเอียดดี
หั่นซอยกระชายบางๆเตรียมไว้เพิ่มความหอมและดับกลิ่น
พริกชี้ฟ้าเขียวแดงเพิ่มสีสันของเมนูอาหาร
มะเขือเปราะหั่นผ่าซีก 1 ลูกได้ 4 ชิ้น
นำมาแช่น้ำเกบือ เพื่อป้องกันผิวเนื้อมะเขือไม่ให้ดำคล้ำ
นำหม้อตั้งไฟกลางค่อนอ่อน นำหัวกะทิใส่ลงไป
เคี่ยวจนหัวกะทิแตกมัน
นำพริกแกงที่โขลกเตรียมไว้ลงไปผัด
ผัดจนพริกแกงสุกส่งกลิ่นหอมฟุ้ง
เมื่อพริกแกงสุกแล้ว นำน้ำใบพริกที่คั้นไว้ใส่ลงไป
ถัดมาคือใส่หัวกะทิอีกส่วนลงไป
เคี่ยวต่อไปจนน้ำแกงเดือด สังเกตมีน้ำมันลอยตัวขึ้นมา
ขั้นตอนนี้ใส่กระชายที่ซอนลงไป และจัดการนำเนื้อปลาห่อปูที่น็อคน้ำแข็งไว้ใส่ตามลงไป
รอจนเดือดอีกครั้ง นำมะเขือเปราะ มะเขือพวงใส่ลงไป ใช้ทัพพีข่มมะเขือเปราะให้จม แล้วรีบปิดฝาหม้อทันที ค่อยเปิดอีกทีตอนน้ำแกงเดือดอีกครั้ง หรือประมาณ 5 นาทีจนกว่ามะเขือสุก เคล็ดลับนี้คือมะเขือของเราจะไม่ดำคล้ำเลยล่ะ
เมื่อมะเขือสุก ปรุงรสด้วยน้ำปลาและน้ำตาลปี๊บรสตามใจชอบ จากนั้นนำพริกชี้ฟ้าเขียวแดงใส่ลงไป
ตามด้วยใบมะกรูดฉีก
ขั้นสุดท้ายคือโรยใบโหรพา เพิ่มความหอม
คนให้ผักสลบ ก็เป็นอันเสร็จสรรพ แกงเขียวหวานที่มีรสชาติอร่อยกล่มกล่อม กลิ่นสมุนไพรต่างๆหอมคละคลุ้ง ชวนน้ำลายไหล
ปิดไฟยกลงจากเตา ตักใส่ถ้วย
โรยหน้าด้วยใยมะกรูดซอยอีกสักหน่อย แค่งแค้มด้วยใบโหระพา พร้อมเสิร์ฟกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆสักจาน หืม!!! มื้อนี้เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม เพราะมันช่างอร่อยและหอมเกินบรรยาย มาทานข้าวด้วยกันนะคะทุกคน...