คิดยังไง กับการที่มีเด็กเกิดน้อยลง
ข้อมูลสถิติศาสตร์ พบว่า เด็กไทย เกิดน้อยลงเท่าตัวในช่วง 20 ตัวที่ผ่านมา จาก 9 แสนกว่าคน เหลือแค่ 5 แสนกว่าคนเท่านั้น ทั้งยังมีแนวโน้มว่า เด็กจะเกิดน้อยลงกว่านี้อีกมาก จริงๆเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดแค่เมืองไทย แต่เป็นเหตุการณ์เดียวกันทั่วทั้งโลก อัตราการเกิดของหลายประเทศที่เจริญแล้ว โดยเฉพาะในยุโรปตอนเหนือ แถบสแกนดิเนเวีย เช่น นอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ ตัวเลขเด็กเกิดลดลงมานานแล้ว ยังไม่รวมอีกหลายประเทศในยุโรป แทบทุกประเทศ ที่อัตราการเกิดก็ต่ำมาก จนประชากรมีแนวโน้มจะลดลงมากเช่นกัน ในญี่ปุ่น ประชากรผู้สูงอายุก็เพิ่มขึ้น เด็กเกิดน้อยลงมากไม่ต่างกัน แต่ที่น่าสนใจคือ ไทยจะเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกที่ประชากรลดลง และมีคนแก่จำนวนมากที่จนตอนแก่
ดังนั้นเหตุการณ์นี้ จึงไม่ได้แปลกมากเท่าไหร่ในแง่ของสถิติ หากเรามองตัวเองให้ดีๆ แม้แต่ตัวเราเองก็มีหัวสมองในด้านไฮเทคน้อยมาก จริงมั้ย คนไทยไม่ได้มีมันสมองดีระดับที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ที่ไม่เคยมีมาบนโลกได้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเราเป็นประเทศรับจ้างผลิต โดยอาศัยค่าแรงที่ต่ำมาโดยตลอด ไม่มีแบรนด์อะไรเป็นของตัวเอง และนำเข้าเทคโนโลยีทุกอย่างเข้ามาทั้งหมด ลองมองสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำตัวดูก็ได้ล้วนมาจากประเทศยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น ในจีน สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ กันทั้งนั้นเลย แทบไม่มีแบรนด์ไทยเลย ด้วยเหตุนี้เราจึงติดกับดักรายได้ปานกลางที่ไปต่อในระดับที่สูงแบบประเทศที่เจริญแล้วที่พูดถึงไม่ได้ ดังนั้นเราจึงยังเป็นประเทศกำลังพัฒนาอยู่มาตลอดหลายสิบปี
ในเมื่อเป็นแบบนี้ การเพิ่มค่าแรงยิ่งจะทำให้ผู้ประกอบการ และพวกนักธุรกิจ หันหลังให้กับแรงงานไทย และพากันนำเข้าหุ่นยนต์ โรบอท เพื่อมาแทนแรงงานคนมากขึ้นไปอีก รายได้ภาคครัวเรือนจึงมีแนวโน้มลดลงหรือคงที่อย่างช่วยไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ภาคครัวเรือนจึงดูเหมือนว่าจะมีรายได้ลดลง แต่มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น หากจะมีเด็กเพิ่มขึ้นสักคนในครอบครัว ดูจะเป็นรายจ่ายที่มากเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ค่าใช้จ่ายในการศึกษาเล่าเรียน ที่สมัยนี้ เด็กสมัยนี้มีความจำเป็นจะต้องพูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วราวกับเจ้าของภาษา ไม่งั้นโตขึ้นไปก็คงหางานยากอย่างแน่นอน พ่อแม่สมัยนี้นิยมให้ลูกเรียนโรงเรียนอินเตอร์หรือไปเรียนต่างประเทศด้วยเหตุผลนี้ การลงทุนกับเรื่องพวกนี้ มีค่าใช้จ่ายสูงมาก จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้แต่ละครอบครัวเลือกที่จะไม่แต่งงาน เป็นโสด หรือ ไม่มีลูกแทน
ในเมื่อมันเป็นเทรนด์ จึงไม่มีทางเปลี่ยนแปลงแนวโน้มนี้ง่ายๆ แน่นอน ทีนี้คิดยังไงกับการที่ไทยมีเด็กน้อยลง ก็คงไม่ได้คิดไรมาก ตามที่เขียนมา การไปบังคับให้ใครมีลูกหรือไม่มี มันก็ทำไม่ได้ เพราะรัฐไม่ได้มารับผิดชอบค่าใช้จ่ายด้วย แม้ในต่างประเทศจะสนับสนุนให้มีลูกเพิ่มขึ้นในหลายประเทศผ่านมาตรการทางภาษี แต่ตัวเลขเด็กเกิดใหม่ก็ไม่ได้เพิ่มเลย นั่นหมายถึงว่า การที่รัฐบาลกระตุ้นให้ครอบครัวมีลูกเพิ่มขึ้นนั้น ในความเป็นจริงนั้น แทบจะช่วยให้ตัวเลขการมีลูกเพิ่มขึ้นไม่ได้เลย ส่วนตัวแล้ว ก็ไม่มีลูก มีความรู้สึกดี มีภาระน้อยลง ใช้เงินกับตัวเอง หาความสุขใส่ตัวเลข ส่วนเรื่องอนาคต ผมเองก็ไม่ใช่รัฐบาล แล้วก็ไม่ได้มีหน้าที่ไปช่วยคิดแทนใคร แค่เอาตัวเองให้รอดและไม่เป็นภาระในสังคมและต่อคนอื่นก็เพียงพอแล้ว