หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เทียบกันได้มั๊ย!! ไทย vs เวียดนาม ประเทศไหนดีกว่าสำหรับนักท่องเที่ยว?

แปลโดย nok59

สวัสดีค่ะ ในแต่ละปี ประเทศไทย และ เวียดนาม คือ 2 ประเทศที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางเข้ามาเที่ยวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้หลายสิบล้านคน แล้วเพื่อนๆ เคยสงสัยกันบ้างหรือไม่ว่าในมุมมองของชาวต่างชาติ ไทย หรือ เวียดนาม ประเทศไหนคือตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาเที่ยวในภูมิภาคนี้ และเช่นเคยนะคะเราก็ได้ไปหาคำตอบสำหรับคำถามดังกล่าวเพื่อนำมาเล่าสู่กันฟังแล้ว ส่วนเขาจะให้ความคิดเห็นเอาไว้อย่างไรบ้างนั้น ไปรับชมรับฟังกันได้เลยค่ะ

เอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียนจัดว่าเป็นหนึ่งในภูมิภาคการท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลก เป็นภูมิภาคที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เดินทางมาท่องเที่ยวได้เป็นจำนวนมากในทุกๆปี นักท่องเที่ยวต่างหลงใหลในทัศนียภาพที่สวยงาม สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนในภูมิภาคนี้ คุณสามารถสัมผัสเสน่ห์ที่แปลกใหม่ต่างๆ ได้โดยการท่องเที่ยวไปในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในบรรดาประเทศต่างๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้นั้น ไทยและเวียดนามนั้นคือจุดหมายปลายทางยอดนิยมในลำดับต้นๆ ทั้ง 2 ประเทศมีความคล้ายคลึงกัน แต่ในความคล้ายคลึงกันนั้นก็มีความแตกต่างอยู่มากมายด้วย และถ้าหากว่าคุณจะเลือกประเทศใดประเทศหนึ่งในระหว่าง 2 ประเทศนี้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับการท่องเที่ยวของคุณคุณจะเลือกไปเที่ยวที่ไหน ต่อไปนี้คือความคิดเห็นบางส่วนที่อาจจะช่วยให้คุณตัดสินใจได้มากขึ้น

มาเริ่มกันที่เรื่องของ สถานที่ท่องเที่ยว
ทั้งไทยและเวียดนามต่างก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอยู่มากมาย ซึ่งเราจะขอแบ่งสถานที่ท่องเที่ยวออกเป็น สถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ ทิวทัศน์ ชนบท และชายหาด
ในเวียดนาม ไล่ตั้งแต่ทุ่งนาสีเขียวทางตอนเหนือไปจนถึงความพลุกพล่านของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงทางตอนใต้ นักท่องเที่ยวต่างหลงใหลในความงามทางธรรมชาติอันน่าอัศจรรย์ของประเทศนี้ อ่าวฮาลอง ซึ่งตั้งอยู่ในเวียดนามเหนือ รอบแนวชายฝั่งยาว 120 กิโลเมตร อ่าวฮาลองเป็นแหล่งท่องเที่ยวชั้นนำของเวียดนาม ที่นี่มีเกาะอยู่หลายพันเกาะ แต่ละเกาะมีพืชพันธุ์ธรรมชาติอยู่เต็มไปหมด มีเสาหินปูนที่ทำให้ได้เห็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลอันตระการตา หลายเกาะเป็นโพรง มีถ้ำขนาดใหญ่ บางเกาะมีหมู่บ้านชาวประมงอยู่ด้วย คุณสามารถล่องเรือในอ่าวฮาลองและเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจได้อย่างไม่รู้เบื่อ นอกจากนี้ก็ยังมีฮอยอันซึ่งตั้งอยู่ทางชายฝั่งของทะเลจีนใต้ แต่เดิมนั้นที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านชาวประมงแต่ก็ได้ผันตัวเองให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวไปแล้ว ใจกลางเมืองของฮอยอันยังคงเป็นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยตรอกคดเคี้ยวและร้านค้าสไตล์จีน ซึ่งมักจะเรียกกันว่า เวนิสแห่งเวียดนาม เพราะมีคลองแคบๆ ที่ตัดผ่านบางส่วนของเมือง คุณสามารถเที่ยวชมเมืองนี้ได้อย่างสนุกสนาน

มาที่ประเทศไทยกันบ้าง ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่ไม่เคยตกเป็นอาณานิคม ทำให้ที่นี่มีสถานที่ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งอยู่มากมาย รวมทั้งซากปรักหักพังของเมืองเก่าที่มีอายุนับร้อยปีรวมอยู่ด้วย ประเทศไทยยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่เป็นแก่นแท้ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์อันเป็นเอกลักษณ์ของตนเองเอาไว้ได้เป็นอย่างดี ที่นี่ผู้คนเต็มไปด้วยร้อยยิ้มและทำให้เมืองนี้มีชื่อเสียงโด่งดังอันเนื่องมาจากรอยยิ้มของพวกเขาด้วย พระบรมมหาราชวังอาจจะจัดได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงที่สุดในเขตเมืองอย่างกรุงเทพ ที่นี่เคยเป็นที่ประทับอย่างเป็นทางการของกษัตริย์สยาม พระบรมมหาราชวังตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา มีกำแพงล้อมรอบ และประกอบไปด้วยศาลา ห้องโถง วัด และอาคารอื่นๆ ที่น่าสนใจกระจายตัวอยู่ในสนามหญ้าที่กว้างใหญ่ มีสวนอันโอ่อ่าสวยงาม และวัดพระแก้ว หรือวัดพระศรีรัตนศาสดาราม น่าจะเป็นสถานที่ที่น่าจดจำที่สุดสำหรับการมาเยือนพระบรมมหาราชวัง และถ้าหากว่าคุณอยากใกล้ชิดกับธรรมชาติ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ก็น่าจะเป็นสถานที่ที่ดีที่สุด อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศไทย อุทยานแห่งนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านานาชนิด รวมทั้งช้างเอเชียและหมีดำ อุทยานแห่งนี้มีหอสังเกตการณ์ เส้นทางเดินป่า บ้านพัก กระท่อมและที่ตั้งแคมป์ มีแม้กระทั่งรอยเท้าไดโนเสาร์ ดังนั้นอุทยานแห่งนี้จึงสร้างความประหลาดใจให้กับคุณได้ทุกเมื่อ และถ้าหากให้พูดถึงชายหาด ทั้งเวียดนามและประเทศไทยต่างก็มีชายหาดที่สวยงาม ในเวียดนามมีญาจางซึ่งเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับการฮันนีมูนของคุ่รัก หาดญาจางหรือที่รู้จักกันในชื่อของซิตี้บีช ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอ่าวที่สวยที่สุดในโลก ที่นี่ได้รับการพัฒนาให้เป็นแหล่งดำน้ำยอดนิยมในตลอดหลายปีที่ผ่านมา ส่วนในประเทศไทย คุณสามารถเลือกไปยังจุดที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างภูเก็ตได้เลย ที่นั่นมีแนวชายฝั่งกว้าง หาดทรายขาวละเอียด มีโรงแรม ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งอยู่มากมาย ซึ่งแต่ละจุดนั้นคุณสามารถเดินไปถึงได้อย่างสบายๆ ซึ่งแน่นอนว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่มีความสุขและสุดแสนจะสบายเมื่อได้ไปที่นั่น

และถ้าจะให้สรุปกันในเรื่องของสถานที่ท่องเที่ยวแล้วหละก็ ถ้าหากว่าคุณสนใจในเรื่องของสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์ และสัตว์ป่า ประเทศไทยจะเหมาะสำหรับการเดินทางของคุณมากกว่า แต่ถ้าคุณชอบการทัวร์ชนบทเพื่อชมทิวทัศน์ที่สวยงาม เวียดนามจะเหมาะสำหรับการเดินทางของคุณมากกว่า

มาต่อกันที่เรื่องของปากท้อง เรื่องของอาหารพื้นเมือง
ทั้งไทยและเวียดนามต่างก็มีชื่อเสียงในด้านของอาหารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ซึ่งคุณเองก็อาจจะชอบส่วนผสมบางชนิดหรือไม่ชอบอาหารในบางประเภทก็ได้ และเนื่องจากอาหารท้องถิ่นนั้นก็อาจจะสามารถส่งผลต่อการตัดสินใจไปเดินทางท่องเที่ยวของใครหลายๆ คนได้ด้วย ดังนั้นการค้นหาความเหมือนและความแตกต่างระหว่างอาหารเวียดนามและอาหารไทยจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม
ในเวียดนาม ชาวเวียดนามชอบเส้นก๋วยเตี๋ยว อาหารเวียดนามแต่ละจานมีรสชาติที่โดดเด่นซึ่งสะท้อนถึงองค์ประกอบเหล่านี้อย่างน้อยหนึ่งอย่าง นั่นคือ น้ำปลา กะปิ ซีอิ๊ว ข้าว สมุนไพรสด ผักและผลไม้ นอกจากนี้สูตรอาหารของเวียดนามยังมีการใช้ตะไคร้, ขิง, มิ้นต์, สะระแหน่เวียดนาม, ผักชีฝรั่ง, พริกขี้หนู, มะนาว การปรุงอาหารเวียดนามแบบดั้งเดิมนั้นมักจะใช้แต่วัตถุดิบที่สดใหม่ ใช้ผลิตภัณฑ์จากนมและน้ำมันเพียงเล็กน้อย เสริมด้วยการใช้สมุนไพรและผัก และด้วยความสมดุลระหว่างสมุนไพรสดกับเนื้อสัตว์และการเลือกใช้เครื่องเทศเพื่อให้ได้รสชาติที่ดี อาหารเวียดนามจึงถือได้เป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีที่สุดของโลก อาหารขึ้นชื่อของเวียดนามก็อย่างเช่น เฝอ เป็นต้น

มาที่ประเทศไทยกันบ้าง คนไทยใช้ส่วนผสมและวิธีการเตรียมอาหารที่แตกต่างจากเวียดนาม อาหารไทยขึ้นชื่อในเรื่องของการใช้สมุนไพรสดและเครื่องเทศต่างๆ รสชาติทั่วไปของอาหารไทยมาจากกระเทียม ข่า ผักชี ตะไคร้ หอมแดง พริกไทย ใบมะกรูด กะปิ น้ำปลา และพริก น้ำตาลปี๊บใช้เพื่อทำให้อาหารมีรสหวาน ในขณะที่มะนาวและมะขามจะทำให้อาหารมีรสเปรี้ยว เนื้อสัตว์ที่ใช้ในอาหารไทยมักจะเป็นเนื้อหมูและไก่ รวมถึงเนื้อเป็ด และเนื้อวัวด้วย และพวกเขาก็มักจะกินข้าวเป็นอาหารหลัก ซึ่งถ้าหากว่าคุณสนใจในอาหารไทยจริงๆ คุณน่าจะเคยได้ยินชื่อ ต้มยำกุ้ง, ส้มตำ, ผัดไทย และผัดกระเพราหมูแซ่บๆ

และถ้าจะให้สรุปกันในเรื่องของอาหารแล้วหละก็ ทั้งเวียดนามและไทยต่างก็มีชื่อเสียงในด้านอาหารเป็นของตัวเอง ซึ่งถ้าคุณชอบรสชาติเบา ๆ และบะหมี่ เวียดนามจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าสำหรับคุณ แต่ถ้าคุณชอบทานอาหารรสเผ็ดและข้าว ประเทศไทยจะเหมาะกับคุณมากกว่า อาหารของทั้งสองประเทศมีการใช้สมุนไพรเป็นจำนวนมากดังนั้นอาหารของพวกเขาจึงเป็นมิตรกับนักท่องเที่ยวที่มีธาตุที่แข็งแกร่งเท่านั้น

มาต่อกันที่เรื่องสำคัญอย่างเงินที่จะใช้เพื่อการท่องเที่ยวกันบ้าง
เนื่องจากทั้งเวียดนามและไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา ดังนั้นคุณจึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เงินของคุณให้มากมายนักสำหรับการท่องเที่ยวในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นค่าอาหาร ที่พัก ค่าเดินทางรายวัน ค่าช้อปปิ้ง เรื่องของค่าใช้จ่ายในสองประเทศนี้เป็นมิตรกับเงินในกระเป๋าของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก คุณสามารถเลือกกินอาหารข้างทางและเลือกใช้การคมนาคมขนส่งราคาถูกเพื่อลดงบประมาณในการเดินทางของคุณได้อย่างสบายๆ

และถ้าจะให้สรุปกันในเรื่องของเงินที่จะต้องใช้แล้วหละก็ ทั้งประเทศไทยและเวียดนามนั้นมีค่าใช้จ่ายที่เป็นมิตรสำหรับนักท่องเที่ยวเหมือนๆ กัน คุณสามารถเลือกเดินทางไปประเทศใดก็ได้ที่คุณชอบ แต่ถ้าคุณต้องการประหยัดเงินมากขึ้นอีกนิด เวียดนามน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าแต่ก็ต้องแลกกับความทันสมัยที่น้อยกว่าประเทศไทยด้วยนะ

มาต่อกันที่เรื่องของเวลาที่เหมาะสำหรับการไปเที่ยวในแต่ละประเทศกันบ้าง
ในเวียดนามมีสภาพอากาศที่หลากหลายและอบอุ่นตลอดทั้งปี ไม่มีเวลาที่ดีที่สุดหรือแย่ที่สุดในการไปเที่ยวที่นั่น ภาคเหนือของเวียดนามมีสองฤดูกาลที่แตกต่างกัน ฤดูหนาวเริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม ส่วนฤดูร้อนและฝนเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงตุลาคม เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมเวียดนามตอนเหนือ อย่างเช่นที่ฮานอยคือในช่วงฤดูใบไม้ผลิตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเมษายน และฤดูใบไม้ร่วงตั้งแต่เดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน ส่วนเวียดนามกลางนั้นเป็นส่วนเปลี่ยนผ่านของภาคเหนือและภาคใต้ ดังนั้น สภาพภูมิอากาศจึงอยู่ระหว่างเหนือและใต้ มักจะแห้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงตุลาคมและเปียกตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงกุมภาพันธ์ซึ่งเป็นเวลาที่ดีที่สุดที่จะเยี่ยมชม ภาคใต้ของเวียดนามมีภูมิอากาศแบบเขตร้อนที่มีอากาศร้อนชื้น ฤดูฝนคือตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงพฤศจิกายน โดยเฉพาะระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม แม้ว่าฤดูแล้งจะเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายนถึงธันวาคม แต่ก็เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชม

ส่วนสภาพภูมิอากาศของไทยนั้นสามารถใช้คำอธิบายได้ว่า ร้อนและชื้นเกือบทั้งปี หากคุณกำลังวางแผนท่องเที่ยวประเทศไทย คุณต้องรู้ว่าสภาพอากาศในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยแบ่งออกเป็นสามฤดูกาลในขณะที่ภาคใต้มีเพียงสองฤดูเท่านั้น และโดยทั่วไปแล้ว เวลาที่ดีที่สุดในการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศไทยคือตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ ซึ่งที่นั่นจะมีอากาศเย็นและแห้งเพื่อให้คุณได้เพลิดเพลินกับทิวทัศน์ และช่วงพีคของซีซั่น และช่วงเวลาถัดไปคือตั้งแต่เดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ถ้าเป็นไปได้ พยายามหลีกเลี่ยงเดือนเมษายน เพราะเป็นเดือนที่ร้อนที่สุดในประเทศไทย และถ้าหากว่าการที่คนจำนวนมากทำให้คุณรู้สึกอึดอัดและงบประมาณของคุณมีจำกัด คุณควรที่จะลองมาเที่ยวประเทศไทยในช่วงหน้าฝน คือเดือนกรกฎาคมถึงตุลาคม ราคาห้องพักมีส่วนลด อุณหภูมิที่เย็นกว่า และมีนักท่องเที่ยวน้อยลง ซึ่งมันจะทำให้คุณมีวันหยุดพักร้อนที่แสนวิเศษ

และถ้าจะให้สรุปกันในเรื่องของสภาพอากาศแล้วหละก็ เวียดนามมีความหลากหลายทางสภาพอากาศที่มากกว่าไทย แต่มันก็เป็นการยากมากที่จะบอกว่าประเทศใดน่าเที่ยวมากกว่ากัน ดังนั้นคุณจึงควรเลือกเดินทางตามช่วงเวลาที่เหมาะกับตัวคุณเองมากกว่า

มาต่อกันที่เรื่องของความปลอดภัยกันบ้างนะคะ
โดยทั่วไปแล้วทั้งเวียดนามและไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัยสำหรับการเดินทางไปท่องเที่ยวอยู่แล้ว แต่ในระหว่างการเดินทางที่เวียดนาม คุณควรที่จะใส่ใจและตื่นตัวต่อขโมยและพวกนักล้วงกระเป๋าให้มากขึ้นสักหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเดินไปตามถนนหรือในที่ที่มีผู้คนอยู่เป็นจำนวนมาก ขณะที่การเดินทางในประเทศไทยนั้นให้ระวังเรื่องการหลอกลวงของพวกคนขับรถตุ๊กตุ๊ก เนื่องจากคนขับเหล่านั้นอาจจะเรียกราคาที่สูงขึ้นเนื่องจากคุณเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

และถ้าจะให้สรุปกันในเรื่องของความปลอดภัยใน 2 ประเทศนี้แล้วหละก็ ทั้งสองประเทศมีความปลอดภัยสำหรับการเดินทางที่ไม่ต่างกัน แต่คุณเองก็ควรที่จะใส่ใจในทรัพย์สินของตัวเองให้มากขึ้นด้วย ซึ่งไม่ใช่แค่ใน 2 ประเทศนี้เท่านั้น แต่รวมถึงการเดินทางไปเที่ยวในที่อื่นๆ ของโลกด้วยเช่นกัน

โดยสรุปแล้ว ทั้งไทยและเวียดนามต่างก็เป็นประเทศที่มีทัศนียภาพที่สวยงาม มีสถาปัตยกรรม มีประวัติศาสตร์ มีวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนที่น่าชื่นชมเหมือนๆ กัน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวจะต้องพิจารณาและตัดสินใจเลือกเองว่า ไลฟ์สไตล์ของเขาเหมาะกับการท่องเที่ยวในประเทศไหนมากกว่ากัน

แปลโดย: TopMent Thailand
ที่มา: https://bit.ly/31AwNp8
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
nok59's profile


โพสท์โดย: nok59
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: แหวนดอกไม้วงนั้น
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบAI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปีเขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิตเซียนหวยคึกคัก ม้าสีหมอกปล่อยแนวทางเลขเด็ด งวด 2 มกราคม 2568เปิดใจ "เหมย หมึกเป็นซาซิมิ" นาทีช็อกเห็นภาพบาดตาผ่านกล้องวงจรปิด บทเรียนของความไว้ใจเมื่อตัวแม่ปะทะเจ้าของบริษัท! "ป้ารัตนา" โชว์สกิลสัมภาษณ์งาน ทำเอา "มอส มัดจุก" ถึงกับไปไม่เป็นความงามที่ไม่เสื่อมคลายของ คิมซารัง แม้จะอายุเกือบ 50 ปีแล้วก็ตาม
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สาวปริศนาปล่อยอึในร้านมินิมาร์ท พนง.เก็บกวาดปล่อยโฮ เพราะต้องตามเช็ด (เหตุเกิดที่ไทย)วัฒนธรรมของ สัตว์เลื้อยคลาน ที่มันคือกิ้งก่าขนาดใหญ่นี่หน่ะหรือ ขนมที่ใช้ในพิธีขันหมากศึกเดือดกลางเมืองชล! "ไอซ์ รักชนก" ปะทะคารมกลุ่มแม่ยก "พี่เฮ้ง" ปมแก้รัฐธรรมนูญและตรวจสอบทุจริต
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
เผยโฉม "Dracula’s Chivito": จานก่อกำเนิดดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในจักรวาลเท่าที่เคยพบ“ทำไมคนขยันหลายคนยังไม่ประสบความสำเร็จ? ความจริงที่ไม่มีใครบอกคุณ”ทึ่งทั่วโลก : "ทะเลสาบเพโท" ทะเลสาบสีฟ้าเทอร์ควอยซ์แสนสดใสที่มองจากมุมสูงแล้วมีรูปร่างเหมือน "หัวสุนัขจิ้งจอก" ด้วยน๊าจะว่าไปแล้ว "น้ำผึ้ง" นั้นคือ อุจจาระของผึ้งหรือไม่ ?
ตั้งกระทู้ใหม่