หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กรุงเทพฯ คือเมืองที่คนทำงานหนักที่สุดอันดับ 3 ของโลก

โพสท์โดย Ciphatha

เคยลองคิดดูเล่น ๆ กันบ้างไหมว่าใน 1 วัน เราหมดเวลาไปกับใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการทำงานวันละกี่ชั่วโมง ทั้งเวลาที่นั่งทำงานจริง ๆ และเวลาที่ใช้ในการเดินทางไปทำงาน รวมถึงเคยลองคิดบ้างไหมว่าเรามีเวลาที่เหลือว่างจากการทำงานวันละกี่ชั่วโมงเพื่อมาใช้ชีวิตของตนเอง

ถ้าหากคุณกำลังรู้สึกเหนื่อยอยู่ตลอดเวลาในการทำงาน (โดยที่ไม่ได้มีปัญหากับเนื้องาน) มันก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะมีข้อมูลสำรวจเรื่องความสมดุลในการทำงานของคนในเมืองใหญ่ทั่วโลก “Cities with the Best Work-Life Balance 2021”

เป็นผลสำรวจของ Kisi บริษัทเทคโนโลยีผู้ให้คำปรึกษาด้านการทำงาน ระบุว่าเมืองที่ผู้คนมีชีวิตการทำงานที่สมดุลที่สุดในโลกคือ กรุงเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ส่วนกรุงเทพฯ ประเทศไทย อยู่รั้งท้ายตารางในอันดับที่ 49 จากทั้งหมด 50 ประเทศ! ดีกว่าแค่เพียงคนทำงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซียเท่านั้นเอง

ผลสำรวจนี้ ได้นำเอาปัจจัยหลายอย่างมาเป็นเกณฑ์ในการวิเคราะห์ เช่น ชั่วโมงการทำงานในแต่ละวัน, จำนวนวันลาขั้นต่ำ, สิทธิในการลาคลอด/เลี้ยงดูลูก, การเข้าถึงระบบสาธารณสุขในเมือง, ผลกระทบและการเยียวยาในช่วงโควิด-19, ความปลอดภัยในเมือง, คุณภาพของอากาศในเมือง

ซึ่งรวมถึงมลพิษ PM 2.5 และ PM 10 ด้วย ฯลฯ แต่จะเน้นดูที่ชั่วโมงการทำงานในแต่ละวัน ผลที่ได้ก็คือ กรุงเทพมหานคร ถือเป็นเมืองที่ประชากรมีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนานและชีวิตก็ขาดความสมดุลด้วย พูดง่าย ๆ ก็คือ เมืองแห่ง “Work-Life Balance ยอดแย่” นั่นเอง

 

ส่วนเมืองที่มีการทำงานสมดุลที่สุดในโลกของปี 2021 อยู่ที่ไหนบ้าง

  1. เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ (ได้ 100 คะแนนเต็ม)
  2. ออสโล ประเทศนอร์เวย์ (ได้ 98.6 คะแนน)
  3. ซูริค ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ (ได้ 91.5 คะแนน)
  4. สตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน (ได้ 91.4 คะแนน)
  5. โคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก (ได้ 90.4 คะแนน)

 

ในขณะที่หากดูเฉพาะปัจจัยเรื่องชั่วโมงในการทำงาน เมืองที่คนทำงานหนักสุดในโลกของปี 2021 ได้แก่

 

คุณภาพชีวิตของคนทำงานที่ไม่ค่อยดีนัก

ผลสำรวจตามตารางใหญ่ ที่แสดงผลเมืองที่มีสมดุลการทำงานมากที่สุด กรุงเทพฯ อยู่ในอันดับรั้งท้ายตาราง คือ อันดับที่ 49 จาก 50 เมืองทั่วโลก มีคะแนนรวมชนะเฉือนชนะเพียงเมืองเดียวคือกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย (ชนะมาได้เพียง 1.3 คะแนน) และทิ้งห่างจากเมืองอันดับ 1 ของโลกอย่างเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ถึง 48.7 คะแนนเลยทีเดียว และเมื่อมองเรื่องชั่วโมงการทำงาน ก็พบว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีคนทำงานหนักมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของผลสำรวจนี้ (50 ประเทศ) ดังข้อมูลข้างต้น

การที่คนทำงานในกรุงเทพฯ มีชั่วโมงในการทำงานสูงเช่นนี้ ก็แปรผกผันกับประสิทธิภาพในการทำงาน ที่พบว่าหลายคนมีประสิทธิภาพในการทำงานอยู่ในเกณฑ์ต่ำ ซึ่งอันที่จริงมันก็มีผลถึงกัน หลักง่าย ๆ ก็คือถ้าวันหนึ่ง ๆ คนเราทำงานหนักมากขนาดนั้น ทั้งสภาพร่างกาย สมอง จิตใจ คงไม่สามารถที่จะรับรู้อะไรได้อีกแล้ว

อย่างไรก็ตาม เกณฑ์ในพิจารณาการทำงานหนักมากเกินไปหรือไม่นั้น พิจารณาจาก ช่วงระยะเวลาในการทำงาน งานวิจัยนี้ใช้มาตรฐาน จากองค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ International Labour Organization (ILO) ที่ระบุว่า ผู้ที่ทำงานตั้งแต่ 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ขึ้นไป (นับวันทำงานอยู่ที่ 6 วัน วันละ 8 ชั่วโมง)

จะถือว่าเป็นคนที่ทำงานหนัก (Overworked) ง่าย ๆ คือทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์ เฉลี่ยวันละ 8 ชั่วโมงขึ้นไป ซึ่งคนทำงานในกรุงเทพฯ หลายคนทำงานมากกว่า 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ บางคนทำงานโดยไม่มีวันหยุดเลยด้วยซ้ำไป!

ซึ่งองค์การแรงงานระหว่างประเทศหรือ International Labour Organization (ILO) ระบุว่า การทำงานที่สมดุลคือการทำงานสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง หรือคิดเป็นทำงานวันละ 8 ชั่วโมง และทำงานเพียง 5 วันต่อสัปดาห์เท่านั้น ซึ่งถ้าหากทำงานด้วยชั่วโมงการทำงานที่น้อยกว่านี้ ก็จะส่งผลถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้นั่นเอง

 

ทำงานหนักโดยไม่หาพัก แย่ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต

จากผลการศึกษาที่พบว่ากรุงเทพฯ เป็นเมืองที่มีคนทำงานหนักมากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยมีค่าเฉลี่ยจำนวนชั่วโมงการทำงานเกินกว่า 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

นั่นก็เท่ากับว่าผู้คนที่ทำงานในกรุงเทพฯ แห่งนี้ ล้วนทำงานหนักเกินกว่าที่คนเราควรจะทำเพื่อรักษาสมดุล เนื่องจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างที่เป็นตัวกำหนดให้คนกรุงเทพฯ ต้องทำงานให้มากและหนักขึ้น เพื่อแลกกับรายได้ที่มากขึ้น 

เงื่อนไขที่จำเป็นต้องหาเงินให้มาก เพื่อให้เพียงพอต่อการดำรงชีวิตในกรุงเทพฯ ที่มีค่าครองชีพสูง คนจึงต้องทำงานอย่างหนักและไม่ได้รับการพักผ่อนหรือการดูแลสุขภาพที่ดีพอ สำหรับแรงงานหลาย ๆ คน พบว่าการพักก็จะเท่ากับการขาดรายได้

การทำงานที่หนักมากเกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำให้หลายคนพักผ่อนน้อยและละเลยเรื่องการดูแลสุขภาพไป ส่วนสุขภาพจิตก็มีความเครียดในระดับสูง ทั้งที่ชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสมของคนเราควรอยู่ที่ 40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์และทำงานสัปดาห์ละไม่เกิน 5 วันเท่านั้น

 

จัดสมดุลของชีวิต ก่อนที่จะสายเกินไป

“งานหนักไม่เคยฆ่าคน” มักเป็นคำพูดที่สื่อถึงการทุ่มเทให้กับการทำงาน แล้วจะได้รับผลตอบแทนที่ดี อย่างไรก็ตามถ้าใครคิดว่างานหนักไม่เคยฆ่าใคร ก็คงต้องคิดใหม่เสียแล้ว เพราะองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เปิดเผยผลการศึกษาว่าในแต่ละปี มีคนที่เสียชีวิตจากการทำงานหนักจำนวนมาก

ดังนั้น ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ว่า “งานหนักฆ่าคนได้นั้นมีอยู่จริง” ข้อมูลจากองค์กรอนามัยโลกระบุว่า มีคนที่ตายอันเนื่องมาจากการทำงานหนักปีละเกือบ 8 แสนคน! โดยในปี 2016 มีผู้เสียชีวิตจากการทำงานหนักมากถึง 745,000 คน เพิ่มขึ้นถึง 29 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2000 โดยจำนวนผู้ที่เสียชีวิตจากการทำงานหนักนี้ แบ่งออกเป็นเสียชีวิตจากเส้นเลือดในสมองแตก 398,000 คน และเสียชีวิตจากโรคหัวใจ 347,000 คน

นอกจากนี้ ผลการศึกษานี้ยังได้บอกว่า การทำงาน 55 ชั่วโมงขึ้นไปต่อสัปดาห์ มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้นประมาณ 35 เปอร์เซ็นต์ และความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตจากโรคหัวใจขาดเลือดสูงขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับการทำงานจำนวน 35-40 ชั่วโมงต่อสัปดาห์

ถึงอย่างนั้น ไม่ได้หมายความว่าคนที่ทำงานหนักจะมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตทันทีหรือจะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้ เพราะผลการศึกษาพบว่าคนที่เสียชีวิตจากการทำงานหนักในช่วงอายุ 60-79 ปีนั้น เป็นคนที่เคยทำงานหนักมากกว่า 55 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ตั้งแต่ช่วงอายุ 45-74 ปีมาก่อน

เพราะฉะนั้น ถ้าไม่อยากตายไวหรือตายก่อนที่จะได้ใช้เงินที่พยายามทำงานอย่างหนักเพื่อหามา อย่าลืมหันมาใส่ใจกับสมดุลของชีวิด รักษาช่วงเวลาการทำงานไม่ให้มากเกินไปจนตัวเองรับไม่ไหว หมั่นดูแลสุขภาพของตนเองทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจเป็นอย่างดี เพื่อที่จะได้มีโอกาสได้มีชีวิตอยู่ต่อเพื่อค้นพบความสุข

ขอบคุณเนื้อหา และสามารถติดตามเพิ่มเติมได้ที่: https://pluto134340.com/บทความ/14142/
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Ciphatha's profile


โพสท์โดย: Ciphatha
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
10 VOTES (5/5 จาก 2 คน)
VOTED: น้องสาวคนเล็ก, มยุริญ ผดผื่นคัน
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ตำรวจ ตามรวบจนครบ 3 โจ๋เหิมเกริม ใช้มีดฟันคู่อริ กลางสถานี BTS5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้น1 ใน 8 ของนักเรียนร.ร.รัฐในนิวยอร์ก'ไร้บ้าน'!รีวิวหนังดัง ALIEN ROMULUS เอเลี่ยน โรมูลัสนางเอกดังสุดเศร้า กับการสูญเสียครั้งใหญ่ โพสต์อาลัยรักสุดหัวใจ"ช็อกแป๊บ! เจอ 'หลวงพี่เท่งตัวจริง' เดินบิณฑบาต คนถามหนังหรือชีวิตจริง"อีกมุมของ "ยายสา" ตำนานแม่มดแห่งสมิหลา กับความลึกลับที่ไม่มีใครกล้าท้าทาย"ล่าแม่มดทริบูร์: ความกลัวที่ทำให้ชีวิตกลายเป็นเพียงเงาในประวัติศาสตร์"วิธีสร้างบ้านสวยด้วยต้นไม้: การออกแบบสวนในบ้านที่ช่วยให้คุณผ่อนคลายและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หวังเซียนเฉา นักการทูตผู้ยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ถัง‘ขนม ศศิกานต์’ เลิก ‘ครูเต้ย อภิวัฒน์’ ทั้งที่เพิ่งคลอดลูก คนที่ 2 จากกันด้วยดี ไม่มีมือที่ 3เพียง 3 วินาที หญิงสาวสามารถขโมยนมผงในร้านสะดวกซื้อโดยไม่มีใครเห็น"ช็อกแป๊บ! เจอ 'หลวงพี่เท่งตัวจริง' เดินบิณฑบาต คนถามหนังหรือชีวิตจริง"ฝรั่งเผยชีวิตไทยสุดชิล! ไม่คิดกลับอเมริกา แถมซึ้งใจเมืองพุทธจนใจละลาย5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้น
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
แม้รวยเท่าใดอย่างไรก้ต้องเกิดตายไม่สิ้นสุด จะหยุดได้ก็เพียงด้วยยอดแห่งบุญ"ตารางลดน้ำหนัก" ฉบับกินยังไงก็ผอม5 เทคนิคเพิ่ม Productivity ที่ช่วยให้คุณทำงานสำเร็จเร็วขึ้นวิธีการด่าแบบอ้อมๆ
ตั้งกระทู้ใหม่