ชม 12 เรื่องราวทั่วโลก กับกรณีธนาคารอสุจิ หรือ Sperm Bank

ธนาคารอสุจิ หรือ sperm bank เป็นการให้บริการเก็บตัวอย่างน้ำอสุจิ เพื่อการใช้ต่อไปในอนาคต เช่น การผสมเทียม ความผิดปกติทางด้านร่างกาย หรือเพื่อใช้เป็นตัวอย่างงานวิจัย เป็นต้น ธนาคารอสุจิแห่งแรกของโลกเปิดที่เมือง ไอโอวาซิตีในรัฐไอโอวา สหรัฐอเมริกา และ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยที่อสุจิที่ถูกแช่แข็งจะหยุดการเคลื่อนไหว ฉะนั้นก่อนจะนำเชื้ออสุจิมาใช้จึงต้องนำหลอดบรรจุเชื้อไปละลาย และเข้าเครื่องปั่นล้าง แล้วจึงนำเชื้ออสุจิไปใช้ต่อไป ถือว่าเป็นกระบวนการสุดท้ายของธนาคารอสุจิ และต้องทำในห้องที่ปลอดเชื้อเท่านั้น

มาชมเรื่องราวทั่วโลก กับกรณีธนาคารอสุจิ หรือ Sperm Bank

1. ในการรับผู้บริจาคนั้นต้อง ให้ผู้บริจาคเก็บน้ำอสุจิด้วยการสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง ในห้องที่จัดไว้ให้ แล้วนำมาใส่ในขวดปากกว้างที่ปราศจากเชื้อ ก่อนนำไปส่งให้กับห้องแล็บเพื่อนำไปเก็บแช่เแข็ง ห้องจัดเก็บจะนำน้ำอสุจิไปวิเคราะห์ (Semen Analysis) เพื่อให้ผลว่าอสุจิมีความสามารถในการผสมกับไข่ได้หรือไม่ดังนี้ จำนวนตัวอสุจิไม่ต่ำกว่า 40 ล้านตัวต่อซีซี  จีนได้ผลิด  Sperm Extractor หรือเครื่องดูดสเปิร์มอัตโนมัติ  ราคาเครื่องละราวๆ  5,000 ยูโร (ประมาณ 180,000 บาท) ซึ่งก็ขายออกราว 10,000 เครื่องต่อปีเลยทีเดียว และว่ากันว่าเจ้าเครื่องนี้ก็ถูกสั่งซื้อนำเข้าไปที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เยอรมัน รัสเซีย และฝรั่งเศส

มีคลิปลองชมกัน

2.อายุของอสุจิ เมื่อมีการหลั่งน้ำอสุจิออกมานอกร่างกายแล้ว อสุจิจะมีชีวิตอยู่นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย  แต่มีงานวิจัยพบว่าการแช่แข็งมีผลกระทบต่ออสุจิ ทั้งต่อ รูปร่าง ,เยื่อหุ้ม , acrosome , หาง ไปจน DNA แต่มีรายงานการเกิดของทารกจากอสุจิที่แช่แข็งไว้นาน 21 ปี และทารกที่เกิดจากการฉีดเชื้อผสมเทียมด้วยอสุจิที่แช่แข็งไว้นาน 28 ปี

3. มีการค้นพบการเก็บอสุจิหากแช่แข็งไว้ภายใต้อุณหภูมิที่ -196 ℃  ภายใต้ปฏิกิริยาเคมีต่างๆ ภายในเซลล์จะหยุดนิ่ง สิ่งเดียวที่จะมีผลต่ออสุจิแช่แข็งคือรังสีคอสมิก ซึ่งสามารถทำลายดีเอนเอของอสุจิได้ นักวิทยาศาสตร์คาดว่าหากไม่มีผลกระทบจากรังสีคอสมิกแล้วอสุจิสามารถเก็บแช่แข็งไว้ได้นานเป็น 1000 ปีกันเลยทีเดียว  (รังสีคอสมิกที่มาจากดวงอาทิตย์นั่นเอง)

4.สเปิร์มคุณภาพดี ปลอดเชื้อในปริมาตร 17 มิลลิลตร ซึ่งในการบริจาคเสปิรืมนั้น ไม้ใช่ใครก็ได้มี่มีสิทธิ์ สำหรับผู้ที่สนใจบริจาคสเปิร์มนั้นมีข้อจำกัดด้านสุขภาพ และต้องผ่านการตรวจเลือดอย่างละเอียดเพื่อคัดกรองโรค น้ำอสุจิที่ได้ต้องผ่านมาตรฐานของธนาคารด้วย ตามข้อกำหนดมาตรฐานการบริจาค

5.หลังจากได้เชื้ออสุจิที่มีผู้บริจาคแล้วจะยังไม่สามารถนำไปแช่แข็งได้ทันที จนกว่าจะผ่านการตรวจจากห้องแล็ป เพื่อตรวจสภาพเชื้ออสุจิของคุณว่ามีความสมบูรณ์มากน้อยแค่ไหน โดยปกติแล้วผู้ชายเราจะมีเชื้ออสุจิเฉลี่ยราว 15-40 ล้านตัวต่อหนึ่งซีซี (แต่สำหรับคนเป็นหมันแล้วจะมีเชื้อเพียง 1-2 ล้านตัวเท่านั้น) เชื้ออสุจิที่ดีนั้น หัวต้องกลมมน ไม่ใช่หัวกลมเป็นลูกแตงโม มีลักษณะคล้ายรูปไข่ มีหางยาวเป็นสาย เคลื่อนไหวเร็วอย่างน้อย 40-50% ด้วยนะ

6.เมื่อผ่านการตรวจจากห้องแล็ปแล้ว เชื้ออสุจิของคุณจะถูกใส่สารละลายกลีเซอรอล โซเดียมซิเตรท กลูโคส ฟรุกโตส ไข่แดง เพื่อเป็นอาหารหล่อเลี้ยง แล้วจึงนำไปใส่หลอดพลาสติกเล็กๆ แขวนเหนือระดับถังไนโตรเจนเหลว 15 เซนติเมตร ที่อุณหภูมิลบ 196 องศาเซลเซียส โดยไม่แช่ลงไป เพื่อไม่ทำให้เซลล์อสุจิเสียหาย ระหว่างนี้เชื้ออสุจิจะหยุดเคลื่อนไหว แต่ยังมีชีวิตอยู่และสมบูรณ์พร้อม สามารถเก็บได้นานนับสิบๆ ปีเลยทีเดียว

7.ในปี 2557 เคยมีข่าวว่า คู่หญิงรักหญิง ผิวขาวชาวสหรัฐฟ้องร้องศูนย์บริจาคสเปิร์ม หลังให้เชื้อผิดพลาดทำให้ได้ลูกมีผิวสี มีการฟ้องร้องกับศูนย์บริจาคสเปิร์ม ให้รับผิดชอบในความผิดพลาด โดยชี้แจงว่าการรับมือชีวิตเด็กคนหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตท่ามกลางสังคมคนผิวขาวของผู้เป็นพ่อและแม่ ซึ่งในอนาคตอันใกล้มีแนวโน้มสูงว่าจะต้องย้ายที่อยู่อาศัยไปยังชุมชนอื่นที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ เรียกค่าเสียหายที่ต้องการขั้นต่ำเป็นจำนวนกว่า 50,000 เหรียญและให้ธนาคารแก้ไขระบบที่ผิดพลาดนี้

8.ในปี 2557 นศ.แพทย์จีนเสียชีวิตระหว่างบริจาคอสุจิ ให้ธนาคารสเปิร์ม โดยที่นักศึกษาแพทย์ชาวจีน วัย 23 ปี ที่เสียชีวิตหลังพบว่าเขาอาจเสียชีวิตจากการช่วยตัวเองเพื่อผลิตอสุจิระหว่างการบริจาคอสุจิ  โดยที่นักศึกษาแพทย์จีนรายนี้ได้บริจาคอสุจิเป็นรอบที่ 4 ภายในสัปดาห์เดียว โดยใช้หนังสือผู้ใหญ่เป็นเครื่องกระตุ้นทางเพศ เพื่อให้ตัวเองหลั่งอสุจิออกมาได้ ครอบครัวของเขาที่ได้ยื่นฟ้องธนาคารรับบริจาคอสุจิ เรียกเงินชดเชย 27,000 ปอนด์ หรือราว 1.39 ล้านบาท แต่ศาลปฎิเสธการร้องขอเงินชดเชยดังกล่าว เพราะเป็นการสมัครใจ

9.ปี 2561 ธนาคารสเปิร์มแห่งหนึ่งในกรุงปักกิ่ง ตั้งคุณสมบัติของผู้ที่จะบริจาคสเปิร์มว่าต้องรักพรรคคอมมิวนิสต์ และรักประเทศ จนเป็นที่วิจารณ์หนักมากโลกโซเชี่ยลของจีน โดยกฏที่ว่าด้วยผู้บริจาคจะต้อง “รักพรรคคอมมิวนิสต์และยอมรับความเป็นผู้นำของพรรคคอมมิวนิสต์ จงรักภักดีต่อพรรคและเป็นพลเมืองที่ปฏิบัติตามกฎหมาย โดยปราศจากปัญหาทางการเมือง” ซึ่งผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะได้รับเงินค่าตอบแทนในการบริจาคราว 5,500 หยวน หรือราว 27,000 บาท หลายคนมองว่า มันจำเป็นที่จะต้องปลูกฝังความจงรักภักดีต่อพรรคตั้งแต่เป็นแค่เพียงสเปิร์มเลยหรือ

10.ปี 2563 ชายเชื้อสายเวียดนามคนหนึ่งที่ได้สมยานามว่า “ผู้บริจาคสเปิร์มที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในออสเตรเลีย” เขาโดนสอบสวนหลังจากให้กำเนิดทารก 23 คนในหนึ่งปี จากที่มีแผนจะบริจาคพียง 9 ครั้ง แต่พบว่าไม่สามารถปฏิเสธผู้หญิงบางคนได้ ในที่สุดเขาก็บริจาคอสุจิเกินขีดจำกัด ภายใต้กฎหมายของรัฐวิกตอเรีย ซึ่งระบุว่าผู้บริจาคสามารถช่วยให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ได้เพียง 10 คน รวมทั้งคู่ของตนเองด้วย จนมีรับสเปิร์มไปและมีการกำเนิดทารกมากถึง 23 คน

11.ปี2564 ทางธนาคารอสุจิมนุษย์เซี่ยงไฮ้ เคยมีการเปิดการการแข่งขันบริจาคอสุจิ  เชิญเหล่านักศึกษาที่สนใจให้ลงทะเบียนแข่งขันเพื่อตัดสินว่าใครเป็นเจ้าของ “อสุจิแข็งแกร่งที่สุด” โดยผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนจะได้รับการปกปิดตัวตน ส่วนผู้จัดงานรับประกันว่าจะมีการจัดเก็บข้อมูลเป็นความลับ ใครมีอสุจิเข้มข้นมากที่สุด ใช้งานได้มากและสวยงามมากที่สุด รับเงินรางวัลไป 7,500 หยวน หรือราว 37,000 บาท

12. ในไทย กรมประชาสัมพันธ์เตือน!!ห้ามโพสต์หรือแชร์ข้อความเชิญชวนซืัอขายอสุจิ ไข่หรือตัวอ่อน ฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายโทษถึงจำคุก 3 ปี ปรับ 6 หมื่นบาท  เพราะปัจจุบัน ประเทศไทยได้มีการบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 เพื่อช่วยให้คู่สมรสที่ถูกต้องตามกฎหมายและมีบุตรยากได้มีบุตรตามต้องการโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ฯ และควบคุมการศึกษาวิจัย มิให้มีการนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง ตั้งแต่วันที่ 30 กรกฎาคม 2558 ส่งผลให้การโพสต์ หรือแชร์ข้อความเชิญชวนให้มีการซื้อ ขาย อสุจิ ไข่ หรือตัวอ่อน ถือว่ามีความผิดตามกฎหมาย

**ส่วนภาพนี้ ที่ลือกันว่าธนาคารสเปิร์มในจีน ผุดอาชีพใหม่งานนี้ฟินแน่  โดยสาวที่ให้บริการรีดน้ำอสุจิแต่ละคนนั้น สวยและน่ารักมากๆ ถ้าเป็นบางคนก็อาจจะเขินอายกันไปเลยทีเดียว แต่พวกเธอเหล่านี้มาทำงานนี้ด้วยใจจริงๆ พวกเธอเหล่านี้สูงมากถึง 1200 ยูโรต่อเดือนนั้นเป็นข่าวปลอม ภาพนี้มาจากฉากหนึ่ง ในหนังผู้ใหญ่นั่นเอง