ประวัติพระพุทธรูปผาหินใหญ่ที่สุดในโลก ที่สร้างด้วยการสละดวงตาของพระภิกษุ
พระพุทธรูปองค์นี้ชาวจีนเรียกกันว่า "เล่อซานต้าฝอ" (樂山大佛; Lèshān Dàfó) หรือเรียกสั้นๆว่า "ต้าฝอ" (大佛)
องค์พระหันพระพักตร์เข้าหาภูเขา "เอ๋อเหม" (峨嵋山; éméi shān) มีความใหญ่โตมหึมายิ่งนัก แค่เพียงพระบาทนั้น ยาวถึง 36 ฟุต เฉพาะนิ้วพระบาทใหญ่เสียยิ่งกว่าห้องทานอาหารทั่วๆไปเสียอีก เศียรขององค์พระมีเส้นพระศกขดม้วน 1051 เส้น มีรางระบายน้ำซ่อนอยู่ตามพระศก (ผม) พระอุระ (อก) พระกรรณ (หู) เป็นต้น เพื่อป้องกันการกัดเซาะและช่วยต้านลม
พระใหญ่เล่อซาน เป็นการสร้างพระพุทธรูปโดยเลือกภูเขาที่ติดริมแม่น้ำ องค์พระแกะสลักขึ้นมาอย่างประณีต ตามส่วนต่างๆ ของร่างกายมีสมมาตรที่ได้สัดส่วนเหมือนคนจริงๆ มีลักษณะความน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก สะท้อนออกมาถึงความยิ่งใหญ่ของวัฒนธรรมและความเจริญรุ่งเรืองในสมัยราชวงศ์ถัง พระใหญ่เล่อซานคือหนึ่งในงานศิลป์ในการแกะหน้าผาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของราชวงศ์ถังเลยก็ว่าได้ พระพุทธรูปเล่อชานได้รับการลงทะเบียนเป็นมรดกโลกร่วมกับภูเขาเอ๋อเหมยเมื่อปีพ.ศ. 2539 โดยองค์กรสหประชาชาติ ได้บันทึกสถานที่แห่งนี้ไว้เป็น มรดกโลกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติอีกด้วย
เมื่อกล่าวถึงประวัติศาสตร์การสร้างพระพุทธรูปนี้ยิ่งน่าทึ่ง เพราะผู้สร้างเป็นเพียงพระภิกษุจีนธรรมดาๆ รูปหนึ่ง นามว่า สมณะ “ไห่ทง” (海通)
แต่ความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวของท่านนั้น ทำให้ท่านมีความอัศจรรย์เหนือคนทั่วไป ตามประวัติ ท่านเดินทางมาจากเมืองกุ้ยโจว ตามคำบอกเล่าแต่อดีต สถานที่นี้เป็นจุดรวมของลำน้ำทั้งสามสาย ทำให้เรือที่เดินทางผ่านไปมามักจะประสบอุบัติเหตุที่จุดนี้บ่อยๆ ด้วยเหตุนี้พระไห่ทงจึงตั้งใจสร้างพระพุทธรูปองค์ใหญ่นี้ขึ้นมาก็เพื่อให้พระคุ้มครองเเก่ผู้เดินทางเพื่อเวลาเรือผ่านไปมาจะได้มองเห็นตั้งแต่ระยะไกลๆ ช่วยให้เตรียมตัวได้ไวยิ่งขึ้น และยังถือเป็นโอกาสในการแนะนำพระพุทธศาสนาให้ผู้คนในถิ่นนี้ด้วย ท่านจึงเดินทางไปตามฝั่งแม่น้ำแยงซีเกียงเพื่อประกาศพระธรรมพร้อมกันนั้นก็ได้สะสมเงินบริจาคมาเพื่อดำเนินการสร้าง
เมื่อท่านเดินทางกลับมา ได้ถูกข้าราชการใจชั่วคิดจะยึดทรัพย์ สมณะไห่ทงไม่ยอมถึงกับประกาศว่า "ถ้าจะต้องให้เงินเหล่านี้ไป จะยอมควักดวงตาเสียยังจะดีกว่า" ข้าหลวงนั้นกลับโกรธตะโกนว่า “ถ้าเช่นนั้น ท่านก็จงควักดวงตาเสียเดี๋ยวนี้แหละ” พระไห่ทงผู้มีใจเด็ดเดี่ยวก็ควักดวงตาข้างหนึ่งออกมา ณ บัดนั้นเอง การกระทำของท่านทำให้พวกช่างและคนงานทั้งหลายต่างมีแรงฮึดสู้ที่ช่วยทำมโนปณิธานของท่านให้สำเร็จ เป็นเหตุให้การก่อสร้างได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อปี คศ. 713 โดยสมณะไห่ทงได้ให้ช่างทำตัวอย่างพระพุทธรูป “พระเมตไตรย” จำลองขนาดเล็กเพื่อเป็นแม่แบบ
การสลักหน้าผาหินขนาดใหญ่ แน่นอนว่า เป็นไปด้วยความยากลำบาก ว่ากันว่า ต้องนำฆ้อนเหล็กขนาดใหญ่ขี้นลงเขานับพันๆ ด้าม เสียงตีกระทบกับหินนั้นดังสนั่นเกรียวกราวราวกับฟ้าแลบ การก่อสร้างใช้เวลานานหลายปี แต่ไม่สำเร็จเพราะต้องใช้ทรัพย์เป็นจำนวนมาก ที่โชคร้ายคือสมณะไห่ทงต้องมามรณภาพกลางคันในขณะกำลังก่อสร้างตัวไหล่ขององค์พระ ทำให้การก่อสร้างต้องหยุดลง ภายหลังได้เงินจากข้าราชการใจบุญ จึงดำเนินการต่ออีกครั้ง พอสร้างพระชงฆ์ (เข่า) ของตัวองค์พระเสร็จ ก็ต้องมาหยุดอีก กว่าจะเสร็จสิ้นต้องทำๆ หยุดๆ นานถึง 3 ชั่วอายุคน จนมาสำเร็จสมบูรณ์เมื่อปี ค.ศ. 803
... สิ่งก่อสร้างที่ยิ่งใหญ่นั้น ล้วนแต่เกิดจากความเสียสละอุทิศแรงกาย แรงใจ กำลังทรัพย์ กำลังสติปัญญา โดยเฉพาะสิ่งก่อสร้างในทางพุทธศาสนา ล้วนแต่บังเกิดจากแรงศรัทธาที่มีต่อพระรัตนตรัย ผู้สร้างยอมพลีร่างกาย อวัยวะ และแม้แต่ชีวิต เพื่อให้ผู้คนได้มาเคารพสักการะกราบไหว้บูชา จึงไม่อาจคำนวณนับได้ว่าบุญนั้นจะเกิดแก่ผู้สร้างมากมายเพียงใด ผู้เขียนขออนุโมทนาบุญกับผู้สร้างพระพุทธรูปองค์นี้ ที่ไม่ใช่เพียงแค่สร้างองค์พระ แต่ยังถือว่าเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ตำนานแห่งพระพุทธศาสนาที่โลกต้องจดจำไปอีกนานเท่านาน
อ้างอิงจาก: Place to Visit