เลาะรั้ววังมาเลเซีย มงกุฏเพชรแห่งราชวงค์
มาเลเซีย มีอยู่ประมาณ 13 รัฐ และมีอยู่ 9 รัฐที่มีสุลต่านปกครองในฐานะประมุขรัฐ และมีมุขมนตรีเป็นผู้นำฝ่ายบริหารในระดับรัฐนั้นๆ โดยทุกๆ 5 ปี จะมีการผลัดเปลี่ยนตำแหน่งประมุขแห่งสหพันธรัฐ หรือเรียกว่า ยังดีเปรอะตูวันอากง (Yang di-Pertuan Agong)
Gendik Diraja Tiara มงกุฏเกียรติยศสูงสุดของพระราชินีแห่งมาเลเซีย
ถูกสร้างขึ้นในปี 2500 โดย Garrard และได้รับการออกแบบใหม่สร้างขึ้นในปี 1984 สามารถสวมใส่เป็นจี้และชุดเข็มกลัด มงกุฏนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งมาเลเซีย พระราชินีแห่งมาเลเซียเท่านั้นที่จะทรงสวมได้ และพระราชินีแต่ละพระองค์ (ราชา เปอร์ไมซูรี อากอง) สวมใส่ระหว่างที่พระสวามีเป็นกษัตริย์ในระบอบราชาธิปไตยของมาเลเซีย
ราชวงศ์แรก รัฐโจโฮร์ หรือ ยะโฮร์ The Sultanah of Johor Tiara
รัฐยะโฮร์ถือว่าเป็น 1 รัฐที่เจริญรุ่งเรืองอย่างมาก เพราะครั้งหนึ่ง บรรพบุรุษของราชวงศ์เคยเป็นถึงสุลต่านแห่งมะละกา ซึ่งเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของชนชาติมลายูตั้งแต่การเข้ามาของศาสนาอิสลาม อย่างไรก็ตาม มะละกาต้องเสียเมืองให้กับโปรตุเกสและสร้างอาณาจักรใหม่ในทางตะวันออก กลายเป็นรัฐยะโฮร์ในปัจจุบัน ซึ่งด้วยความที่เป็นทั้งเมืองท่าและวิสัยทัศน์ที่โดดเด่น ทำให้ยะโฮร์ในปัจจุบัน กลายเป็นรัฐที่รุ่งเรืองมากรัฐหนึ่ง และรุ่งเรืองจนถึงขั้นมีกองกำลังของรัฐเอง ซึ่งเป็นรัฐเดียวในมาเลเซียที่จะมีกองทัพเฉพาะแบบนี้ได้
รัฐกลันตัน Tengku Anis Tiara of Kelantan
รัฐกลันตันเป็น 1 ในจุดที่น่าสนใจสำหรับคนไทย เพราะเป็นรัฐที่ค่อนข้างผูกพันกับ 3 จังหวัดชายแดนใต้มากที่สุด เนื่องจากเคยมีประวัติศาสตร์ร่วมกันในช่วงสมัยโบราณ และเคยเป็นส่วนหนึ่งของรัฐกลันตัน ก่อนที่จะถูกแบ่งไปในสมัยรัชกาลที่ 5 ชาวไทยมุสลิมกับชาวกลันตันสามารถสื่อสารกันได้ชัดเจนมาก เนื่องจากใช้ภาษาเดียวกันในการสื่อสารนั้นเอง โดยรัฐกลันตันเคยเป็นอาณาจักรฮินดู-พุทธ เช่นเดียวกับอาณาจักรเกดะห์โบราณ ก่อนที่จะรับนับถือศาสนาอิสลามในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน
ราชวงศ์ เนการีเซมบิลัน State Diadem of Negeri Sembilan Tiara
รัฐนี้แตกต่างจากรัฐอื่น ตรงที่มีการสืบทอดโดยการคัดเลือกผู้นำในเมืองต่างๆ เป็นผู้นำของผู้นำอีกทีหนึ่ง พูดง่ายๆก็คือมีการคัดเลือกเข้ามาเป็นกษัตริย์ในหมู่เจ้าเมือง ซึ่งเรียกกันว่า อุนดัง (Undang) เนื่องจากชาวเซมบิลันส่วนใหญ่เป็นชาวมินังกาเบาอพยพจากสุมาตรา แตกต่างจากชาวมลายู ดังนั้นจึงมีประเพณีนี้ขึ้นมา ซึ่งต่อมา ตุนกู อับดุล ระห์มัน ได้นำวิธีการคัดเลือกนี้มาปรับใช้เป็นการคัดเลือกประมุขสหพันธรัฐในปัจจุบันนี้เอง
รัฐปาหัง Pahang state Tiara
รัฐปาหังเคยเป็นรัฐบริวารของมะละกาและยะโฮร์มาช่วงระยะเวลาหนึ่ง และขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองท่าด้านตะวันออกที่สำคัญไม่แพ้มะละกา ในเวลาต่อมา ได้ประกาศอิสรภาพแยกตัวจากอาณาจักรยะโฮร์ และหลังจากนั้น จึงได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธรัฐมาลายา โดยยังคงมีอำนาจปกครองตัวเองในระดับหนึ่ง ก่อนที่จะรวมเข้ากับมาเลเซียเมื่อได้รับเอกราช
รัฐเปอะรัก The Tuanku Bainun Tiara
รัฐเปอะรักก่อตั้งขึ้นมาหลังการล่มสลายของอาณาจักรมะละกา โดยราชามุสซัฟฟา ชาห์ ผู้เป็นพระราชโอรสของสุลต่านองค์สุดท้าย ต่อมาถูกดัตช์ยึดครอง ก่อนที่สยามจะยึดครองและยกให้อังกฤษ เข้าร่วมเป็นสหพันธรัฐมาลายาเช่นเดียวกับรัฐปาหัง และได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียในเวลาต่อมา
รัฐตรังกานู Gendik Permaisuri Tiara
รัฐตรังกานูเป็นรัฐแรกของมลายูที่รับอิสลามเข้ามา และได้ก่อตั้งขึ้นมาอย่างเป็นทางการหลังการล่มสลายของอาณาจักรมะละกา ต่อมาได้กลายเป็นประเทศราชของสยามและกลายเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษเมื่อสยามได้ยกให้อังกฤษ
รัฐเซอะลาโงร์ Bertatah Berlian Tiara
รัฐเซอะลาโงร์ก่อตั้งขึ้นโดยชาวบูกิส ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกับที่ชาวมินังกาเบาก่อตั้งรัฐเนการีเซมบิลัน ในช่วงเวลาหนึ่ง เซอะลาโงร์ได้ผ่านสงครามกลางเมืองนับสิบปี อย่างไรก็ตาม หลังสงคราม ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวมาเลย์และชาวจีนจนทำให้อังกฤษเข้ามามีอิทธิพลต่อเซอะลาโงร์ ซึ่งได้เข้าร่วมกับสหพันธรัฐมาลายา และได้เป็นส่วนหนึ่งของมาเลเซียหลังจากประกาศอิสรภาพ
รัฐเกดะห์ หรือ ไทรบุรี Queen Haminah of Kedah's Diamond Tiara
รัฐเกดะห์ถือว่าเป็น 1 ในจุดกำเนิดของมลายูก็ว่าได้ ตามตำหนักฮิกายัตมะโรงมหาวงศ์ ได้กล่าวถึงการสร้างบ้านแปงเมืองอยู่ที่หุบเขาบูจัง (ปัจจุบันอยู่ในสุไหงเปตานี) และก่อกำเนิดอาณาจักรฮินดู-พุทธที่รุ่งเรืองมานาน ต่อมาได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามและรับขนมธรรมเนียมตาม รัฐเกดะห์มีประวัติศาสตร์ที่ค่อนข้างน่าสนใจ เพราะถือเป็นจุดกำเนิดประวัติศาสตร์ที่สำคัญหลายๆอย่างของมาเลเซีย ซึ่งสูญหายไปนานเนื่องจากการทำลายล้างในช่วงเริ่มแรกของการรับศาสนาอิสลาม
รัฐเปอะลิส
รัฐเปอะลิสเดิมเป็นส่วนหนึ่งของเกดะห์ ต่อมาถูกแบ่งโดยสยาม และกลายเป็นรัฐอารักขาของอังกฤษไป โดยเป็นรัฐอารักขาแยกที่มีพื้นที่น้อยที่สุด จึงทำให้พระอิสริยยศมีเพียงแค่ ราชา เท่านั้น