น้ำลดตอผุด…แค่กระดุมเม็ดแรกก็ติดผิดแล้วยังจะฝืนติดให้ครบว่างั้น !!!!
สองปีก่อนหลายคนคงได้ยินคำนิยามคำว่า กระดุม 5 เม็ด วิสัยทัศน์ของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.พรรคอนาคใหม่ในขณะนั้น ถึงขนาดที่ พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ยังเอ่ยปากชื่นชม และเป็นวาทะกรรมมาถึงจนปัจจุบัน ไม่ว่าความหมายกระดุม 5 เม็ดจะหมายถึงการอภิปาย เรื่องนโยบายทางการเกษตรของรัฐบาล ณ ตอนนั้น หรือ ในเชิงความหมาย “กระดุม 5 เม็ดของอนาคตใหม่” ในตอนนั้น ในสายตาพิธาคือ
กระดุมเม็ดที่ 1. สามัคคี-ไม่หูเบา
กระดุมเม็ดที่ 2 ฝ่ามรสุมสารพัดคดี
กระดุมเม็ดที่ 3 ลดปัญหาภายในพรรค
กระดุมเม็ดที่ 4 ดันนโยบายหาเสียง
กระดุมเม็ดที่ 5 เป็นปากเสียงประชาชน
แต่สุดท้ายพรรคอนาคตใหม่โดยยุบ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) พร้อมเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เป็นเวลา 10 ปี รวมถึงการตัดสิทธิ์ทางการเมืองของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ปิดฉากพรรคอนาคตใหม่ด้วยอายุการเมือง 1 ปี 4 เดือน18 วัน จึงเกิดการก่อตั้งพรรคก้าวไกลขึ้นมาแทนโดยการนำของนายโดยพิธาจะเป็นหัวหน้าพรรค พร้อมกับสมาชิกอีกเพียงไม่กี่คนที่ยังหลงเหลืออยู่ แต่ในฐานะคนเบื้องหลังย่อมรู้ดีว่าการเดิมเกมส์นี้ยังมีการสั่งการจากนายธนาธร และนายปิยบุตรอยู่เนื่องๆ จากพรรคอนาคตใหม่ช่วงแรก ความดีไม่เคยมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
นอกจากการจับกระแสคนรุ่นใหม่ที่เบื่อการเมืองจากทหารที่คุมอำจาจไว้ทั้งหมด จนมาวันนี้พรรคก้าวไกลก็แผลเต็มจากการนำม็อบ เปิดตัว เมื่อ ๑๑ สิงหาคม ปีที่แล้ว "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ติดกระดุมเม็ดแรกเอาไว้หลังแกนนำสามนิ้ว ประกาศ ๑๐ ข้อ ปฏิรูปสถาบัน ซึ่งประเด็ดหลักเลย ก็คงไม่พ้นเรื่องการจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ มีแต่คนพูดว่าการเรียกร้องข้อนี้จะทำให้เกิดความรุนแรงนำไปสู่การรัฐประหาร ข้อ ๓ ใน ๑๐ ข้อ คือให้ยกเลิก พ.ร.บ.จัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ พ.ศ.๒๕๖๑ ให้แบ่งทรัพย์สินออกเป็นทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการคลัง และทรัพย์สินส่วนพระองค์ที่ของส่วนตัวของกษัตริย์อย่างชัดเจน
แต่กลับกัน ในวันที่ นายพิธา และกลุ่มสามนิ้วพุูดเรื่องนี้ ตัวนายพิธา เองกับมีที่ดินทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์อยู่ในมือ และแจ้งกับ ป.ป.ช.ว่า..."ประเมินค่ามิได้
ในขณะที่ นายธนาธร นายปิยบุตร ก็ยังโหมกระแสเสนอปฏิรูปสถาบันตามแนวทางของม็อบสามนิ้ว ใช้ประเด็นนี้ปลุกระดมมวลชนทุกครั้งที่มีโอกาส นอกจากการะแสขับไล่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็จะมีข้อเรียกร้องให้ปฏิรูปพระมหากษัตริย์เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องทุกครั้งที่มีม็อบเกิดขึ้น เมื่อมองในมุมอุดมการณ์ ทั้ง นายพิธาแล้วล้วนมีปัญหา จากกระดุม ที่ตัวเองติดเองกับมือ ตั้งแต่เม็ดแรก แต่เม็ดต่อไปมันเหลื่อมกัน ระหว่างอุดมการณ์กับสิ่งที่ปฏิบัติจริง ในทางการเมือง เรื่องนี้จะกลายเป็นหนามตำตีน ที่ยากจะเอาเสี้ยนออกได้ ทุกวันนี้ที่เราเห็นม็อบสามนิ้ว ไม่ได้มีการแกนนำที่มีความคิดและแนวทางที่จริงจังในการเรียกร้อง
นอกจากการที่จะเน้นขับไล่นายกรัฐมนตรีประยุทธ์ เป็นหลักและวนกับมายังการจาบจ้าวงสถาบัน การปฏิรูปพระมหากษัตริย์อยู่แค่นี้ การที่ม็อบออกมาแบบไม่มีแกนนำ ไม่มีจุดยืน ไม่มีข้อเรียกร้องอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันในตอนนี้นอกจากการยั่วยุให้รัฐบาล ออกมาใช้กำลัง หรือ ให้ทหารตำรวจออกมาต่อต้านต่อสู้กลับ เพื่อเรียกร้องว่าการกระทำของตัวเป็นการชุมนุมที่ถูกต้อง แต่ภาพที่เห็นกลับไม่ใช่แบบนั้นทั้งสองฝ่ายต่างยั่วยุกันเองจนเกิดการปะทะกันเกิดขึ้นอย่างที่เราเห็น
สรุปสุดท้ายแกนนำหลายคนโดนจับ เมื่อไม่มีแกนนำไร้แกนนำม็อบที่เป็นอยู่ทุกวันนี้คืออะไร พวกท่านคิดว่าท่านจะชนะเกมส์การเมืองครั้งนี้ได้เหรอในเมืออำนาจทุกอย่างยังอยู่ในมือทหาร และม็อบก็ไม่มีจุดยืนที่แน่นอนและแน่ชัดอะไรสักอย่างนอกจากเรียกร้องเพื่อความสะใจทำลายข้าวของสร้างความปั่นป่วนให้กับประเทศในช่วงสถาการณ์โรคระบาดขนาดนี้ ลองถามท่านเล่นๆ ดูว่าการไล่ประยุทธ์ออกไปได้ แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น ลองหันไปมองความจริงเมื่อประยุทธ์ไป คนที่มาแทนมีแค่ ๒ พวก พวกที่ล้มเหลวมาแล้ว และมวลมหาประชาชนเรือนล้านออกมาขับไล่กับพวกในสภาจับมาขยำกันใหม่ อยู่ที่ประชาชนส่วนใหญ่ชอบค็อกเทลสูตรนี้หรือเปล่าเพราะจะได้ "ลุงตู่" ในอีกบริบท เหมือนเดิมแน่นอน
ส่วนพวกติดกระดุมผิด แล้วยังคิดว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้องลองกลับมาคิดใหม่ดีๆ ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นเพื่ออะไร แล้วทำไปทำไม สิ่งที่จะได้กลับมามันคุ้มหรือไม หรือผลประโยชน์รอท่านอยู่หรือไมสักวันเราคงได้รู้กัน