เลือกรถกระบะจากตลาดรถมือสองอย่างไรดี?
การเลือกรถกระบะจากตลาดรถมือสองก็เป็นตัวเลือกที่ทำให้สามารถประหยัดและลดค่าใช้จ่ายไปได้ ดังนั้น Mottoraka ขอมาแนะนำวิธีการเช็กรถกระบะมือสอง สำหรับมือใหม่ที่สนใจจะซื้อ
การออกรถสักครั้งในช่วงเวลานี้ ก็นับว่าจะต้องตรวจสอบแบบรอบด้าน ว่าจะใช้งานได้อย่างคุ้มค่าและสร้างรายได้กับเราได้มากน้อยเพียงใด จะส่งผลต่อสภาพคล่องทางการเงินในอนาคตหรือไม่ ซึ่งหากมีความจำเป็น การเลือกรถกระบะจากตลาดรถมือสองก็เป็นตัวเลือกที่ทำให้สามารถประหยัดและลดค่าใช้จ่ายไปได้ ซึ่งในเวลาดีรถยนต์มือสองก็ดีไม่แพ้รถยนต์ใหม่เลยทีเดียว
แต่ถ้าเราเลือกที่จะซื้อรถกระบะมือสองล่ะ? การเช็กสภาพต่าง ๆ จะแตกต่างไปจากการดูรถเก๋งหรือเปล่า? แล้วเคล็ดลับอะไรบ้างที่เราจำเป็นต้องรู้และต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการออกรถกระบะมือสอง? วันนี้ Mottoraka ขอรวบรวมเอาเคล็ด(ไม่)ลับในการเช็กรถกระบะมือสอง สำหรับมือใหม่ที่สนใจจะซื้อรถกระบะจากตลาดรถยนต์มือสองมาฝากกันครับ
สำหรับมือใหม่ที่สนใจอยากจะซื้อรถกระบะมือสองนั้น ก่อนที่เราจะเข้าไปยังเต็นท์รถมือสอง ตลาดรถมือสอง หรือจะเป็นประกาศจากคนที่ต้องการจะขายรถบ้านมือสองก็ตาม เราจะต้องทำการศึกษาให้ดีเสียก่อนว่าเต็นท์รถ ตลาดรถยนต์มือสองนั้น หรือคนที่ประกาศขายรถกระบะมือสองนั้นน่าเชื่อถือมากน้อยแค่ไหน ข้อมูลรายละเอียดของแต่ละที่ชัดเจนแค่ไหน มีรีวิวจากลูกค้าที่เคยซื้อรถไปแล้วหรือไม่ ทั้งนี้เราอาจจะให้คนที่มีความชำนาญในการเลือกซื้อรถยนต์มือสองเข้ามาช่วยคัดเลือกแหล่งขายรถยนต์มือสองให้ เพื่อการตัดสินที่แม่นยำและรวดเร็วนั่นเอง
อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่แพ้กันก็คือ การเตรียมตัวเองให้พร้อมสำหรับการเลือกซื้อรถกระบะมือสอง ทั้งนี้การเลือกซื้อรถกระบะนั้นก็มีวิธีการเลือกและพิจารณาที่ไม่ได้แตกต่างกันมากนักกับรถเก๋งทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าหากเรามีข้อมูลที่แน่นพอและจะดีมากถ้ามีคนที่ชำนาญมาช่วยเลือกด้วยแล้วนั้นก็จะเป็นเรื่องที่ดีอย่างมาก ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องกันการโดนหลอกหรือการย้อมแมวจากเต็นท์รถนั่นเอง
1. ทำการตรวจสอบสภาพภายในและภายนอกของตัวรถกระบะมือสอง
นี่คือสิ่งที่ควรกระทำเมื่อจะต้องซื้อรถกระบะมือสอง เริ่มแรกก็ต้องตรวจสอบสภาพจากภายนอกก่อนว่าตัวรถนั้นมีสิ่งผิดปกติอะไรหรือไม่ ซึ่งถ้าหากเราสังเกตเห็นถึงความเอียงของตัวรถ ก็คาดเดาได้ว่ารถกระบะคันนี้เคยผ่านการดัดแปลงช่วงล่าง หรือเคาะตัวถังมาก่อน ไปจนถึงปัญหาอื่น ๆ ที่อาจจะเคยเผชิญมา กรณีนี้รถกระบะคันดังกล่าวอาจจะเจอกับการชนที่หนักหน่วงมาก่อน แล้วถูกซ่อมแซมใหม่ที่เอาอะไหล่จากแหล่งอื่น ๆ มาประกอบใหม่แต่ก็ไม่สามารถคงสภาพเดิมได้
สำหรับการตรวจเช็กสภาพภายใน ก็ควรจะสังเกตรอยแตก จุดที่ชำรุดต่าง ๆ บริเวณหน้ารถ หน้าปัดไมล์ยังคงใช้การได้ปกติหรือไม่ ทำการเช็กระบบปรับอากาศในรถว่าเย็นปกติหรือเปล่า ซึ่งต้องตรวจสอบทั้งตอนที่จอดอยู่กับที่และขณะกำลังขับขี่อยู่ด้วย จากนั้นก็ตรวจสอบระบบไฟฟ้าทั้งหมด กระจกไฟฟ้าใช้งานได้ดี ระบบเครื่องเสียงเป็นอย่างไร ระบบเซ็นทรัลล็อกยังคงสภาพเดิมหรือไม่ ไปจนถึงอากาศที่หมุนเวียนภายในรถสามารถระบายอากาศได้ดีมากน้อยแค่ไหน
2. ทำการตรวจเช็กสภาพสีของตัวรถกระบะมือสอง
สำหรับการตรวจเช็กสภาพสีของตัวรถกระบะนั้น บางคนอาจจะรวมอยู่ในการตรวจเช็กสภาพภายนอกของรถไปแล้ว แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้น ก็ให้การตรวจเช็กสภาพสีเป็นอีกหนึ่งหัวข้อที่เราต้องใส่ใจอย่างมาก โดยการตรวจเช็กสภาพสีนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้ยากพอสมควร เราอาจจะต้องขอความช่วยเหลือจากผู้ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้มาช่วยพิจารณาร่วมกัน
การตรวจสอบนั้นก็ต้องใส่ใจในเรื่องความสม่ำเสมอของสีรถ มีความเนียนตามากน้อยแค่ไหน ไม่มีการเยิ้ม ไม่มีสีหยด หรือรอยนูนต่าง ๆ ความเข้มของสีและแล็กเกอร์ของรถจะต้องเท่ากันทั้งคัน
การดูสีของรถมือสอง อาจจะต้องมีประสบการณ์ด้านนี้มาบ้าง เพราะว่าการดูสีหรือการดูแล็กเกอร์นั้น หากเป็นรถมือสองที่ไม่มีเคยมีการทำสีมาใหม่ สีเดิมที่พ่นจากโรงงานจะพ่นโดยใช้เทคโนโลยีหรือหุ่นยนต์ในการพ่นจึงมีความสม่ำเสมอของผิวสีที่ดูเนียนตา ไม่มีการเยิ้ม ไม่มีสีหยดหรือเปลือกส้มนูนมากเกินไป และความเข้มสีและแล็กเกอร์ของรถมือสองคันนั้นจะต้องเท่ากันทั้งคัน ไม่เข้มไม่จางเป็นบางจุด
3. ตรวจสอบนอตยึดตามจุดต่าง ๆ
นอตที่ยึดตามจุดต่าง ๆ ทั่วรถกระบะก็คือส่วนสำคัญอีกส่วนที่จะต้องพิจารณาและตรวจเช็กให้รอบคอบ ซึ่งเรานั้นสามารถสังเกตได้อย่างง่ายดาย เพราะนอตของรถกระบะมือสองที่ไม่เคยผ่านการชนหรือไม่เคยเกิดอุบัติเหตุมาก่อน ตัวนอตจะต้องไม่มีรอยหมุนออก ซึ่งเป็นยืนยันว่าชิ้นส่วนนี้ไม่มีการถูกถอดออกมาเพื่อซ่อมแซมหรือทำสีอย่างแน่นอน
4. ตรวจเช็กสภาพของยางหุ้มในแต่ละจุดของรถกระบะมือสอง
ในส่วนนี้จะเป็นการเช็กว่าสภาพของยางหุ้มในแต่ละจุดทั่วรถกระบะนั้นมีสภาพที่ดีแค่ไหน ทั้งในส่วนของบริเวณขอบประตู ภายในห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ และจุดอื่น ๆ ที่เป็นยางทั้งหมด รวมทั้งส่วนที่เป็นพลาสติกเช่นกัน เช็กว่ายังสามารถใช้งานได้ตามปกติหรือไม่ เพราะในรถกระบะมือสองบางคันก็อาจจะมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน รวมทั้งการใช้งานที่สมบุกสมบัน อาจจะทำให้เกิดการเสื่อมสภาพของยางและพลาสติกไปแล้วก็เป็นได้
5. ทำการเช็กตัวเลขที่บริเวณตัวถังของรถกระบะมือสอง
ตัวเลขที่บริเวณตัวถังของรถกระบะนั้น เราจะต้องตรวจสอบดูว่ามีการแอบมาแก้ไขหรือไม่ ตัวเลขยังปรากฏชัดเจนหรือเปล่า และตัวเลขนั้นตรงกันกับตัวเลขในทะเบียนรถหรือไม่ หากทั้งสองส่วนนี้ตัวเลขไม่ตรงกัน นั่นอาจจะหมายความว่าทางเต็นท์ได้มีการปรับแก้หรือกระทำบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจกับรถกระบะคันนี้ ในแง่ร้ายที่สุด นั่นอาจจะหมายถึงรถกระบะคันนี้อาจจะถูกโจรกรรม หรือผ่านการกระทำที่ผิดกฎหมายมาก็เป็นได้
6. ให้ฟังเสียงของเครื่องยนต์
เครื่องยนต์ก็คือหัวใจหลักของรถทุกคัน โดยในส่วนนี้เราอาจจะต้องให้ผู้ที่เชี่ยวชาญเข้ามาช่วยในการตรวจสอบด้วย เพราะการฟังเสียงเครื่องยนต์นั้นต้องอาศัยประสบการณ์ที่มากพอสมควรจึงจะรู้ว่ารถกระบะคันดังกล่าวยังอยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งานหรือไม่
เบื้องต้นก็ควรจะตรวจสอบด้วยการสตาร์ทเครื่องยนต์ จากนั้นทำการฟังเสียงของเครื่องยนต์ว่ารถกระบะมือสองคันนี้มีความผิดปกติใดหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น อาจจะน้ำมันหยดที่บริเวณใต้ท้องรถ มีน้ำมันซึมออกมาตามซีลต่าง ๆ ของเครื่องยนต์ ไปจนถึงน้ำมันที่ซึมออกมาจากระบบกันสะเทือน
ในเรื่องของเสียงนั้น ถ้าเราได้เสียงจี๊ด ๆ เล็ก ๆ จากสายพานหน้าเครื่อง ทำการเปิดแอร์แล้วไม่มีความเย็น หรือรอบเครื่องเดินเบาอยู่ในเกณฑ์ต่ำแล้วมีอาการเหมือนเครื่องจะดับ มีความร้อน ไฟเครื่องยนต์โชว์อยู่ตลอดเวลา ตัวรถสั่นสะเทือนอย่างมาก หากเจอกับอาการเหล่านี้ ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะซื้อรถกระบะมือสองคันดังกล่าวแม้จะมีราคารถมือสองที่ถูกมากก็ตาม
7. ตรวจเช็กเลขไมล์ของรถกระบะมือสอง
เลขไมล์ของรถกระบะมือสองที่เรากำลังสนใจนั้น จำเป็นอย่างที่จะต้องสัมพันธ์กับปีของรถ โดยวิธีการตรวจเช็กเลขไมล์นั้นจะช่วยยืนยันอายุการใช้งานของรถได้อีกทางด้วย โดยส่วนใหญ่แล้วระยะทางในการใช้งานต่อปีอยู่ที่ประมาณ 25,000-35,000 กิโลเมตร หากต้องการซื้อรถที่มีอายุ 5 ปี แต่เลขไมล์รถอยู่ที่ 50,000 กิโลเมตร คาดเดาได้ว่ารถกระบะมือสองคันนี้อาจถูกกรอไมล์มาใหม่เพื่อตบตาให้ดูคล้ายรถที่ผ่านการใช้งานมาน้อย และตรวจเช็กปีรถยนต์นั้น เราต้องดูที่ปีผลิต ไม่ใช่ปีจดทะเบียนแต่อย่างใด
นอกเหนือไปกว่านั้น การตรวจสอบประวัติของรถกระบะมือสองที่เราสนใจก็ควรพึงกระทำ ต้องมีประวัติที่ชัดเจนสามารถตรวจสอบได้ ไปจนถึงการตรวจสอบเอกสารประจำรถยนต์ทั้งหมด ว่าครบถ้วนหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุดคู่มือการจดทะเบียน ประกัน รวมถึงสมุดเข้ารับการซ่อมบำรุง
8. ให้ทำการทดลองขับจริง
เรียกได้ว่าเป็นจุดไคลแม็กซ์ของการเลือกซื้อรถกระบะมือสองจากตลาดรถมือสองแล้วจริง ๆ สำหรับการทดลองขับขี่จริง ทั้งนี้เพื่อเป็นการทดสอบระบบต่าง ๆ ของรถกระบะมือสองที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก ระบบไฟ เครื่องยนต์ และสังเกตอาการต่าง ๆ ขณะขับขี่ว่ามีอะไรผิดปกติหรือไม่
ทั้งนี้ ในการทดลองขับขี่จริงควรทดสอบเรื่องศูนย์ของรถ โดยใช้การวิ่งทางตรงด้วยความเร็วที่ไม่สูงมากนัก จากนั้นลองปล่อยพวงมาลัยสัก 2-3 วินาที แล้วดูว่ารถกระบะคันดังกล่าวเกิดการเอียงไปทางซ้ายขวาหรือไม่ รวมทั้งขณะที่กำลังขับขี่อยู่นั้น ระบบช่วงล่างมีอาการอย่างไรเมื่อต้องลงหลุมหรือเจอกับลูกระนาด
9. นำรถกระบะมือสองเข้าศูนย์บริการหลังการซื้อ
หลังจากที่ขั้นตอนทุกอย่างเสร็จสิ้น เราตกลงปลงใจแล้วว่าจะเลือกซื้อรถกระบะมือสองคันดังกล่าว เมื่อนำรถออกจากตลาดรถมือสองมาแล้ว ก็ควรที่จะรีบนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อที่จะได้รับการตรวจเช็กอย่างละเอียดจากช่างผู้ชำนาญการ เพื่อเป็นการรับประกันอีกรอบว่าเราจะได้ขับขี่รถกระบะมือสองคันนี้ได้อย่างอุ่นใจ ถึงแม้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นมา ก็เทียบไม่ได้กับความปลอดภัยของตัวเราเอง
ทั้ง 9 วิธีที่แนะนำไปเป็นวิธีในการเลือกรถกระบะจากตลาดรถมือสองในเบื้องต้น ซึ่งต้องอาศัยประสบการณ์ในการดูอย่างมาก Mottoraka ขอแนะนำว่าถ้ามีคนรู้จักที่มีประสบการณ์ในการขับรถกระบะมาก่อนก็อาจจะขอคำปรึกษาและแนะนำได้เช่นกันครับ สำหรับใครที่ต้องการค้นหารถกระบะมือสอง สามารถติดต่อกับเราได้ที่นี่
Mottoraka (มอตโต้ราคา)
เว็บไซต์ซื้อ-ขายรถยนต์มือสองและรถใหม่ ที่รวบรวมแบรนด์รถชั้นนำในประเทศไทยกว่า 20 แบรนด์ และรุ่นย่อยของรถยนต์มากกว่า 30,000 รุ่น สามารถประกาศขายรถมือสองหรือเช็คราคารถมือสองก็ทำได้ หารถคันใหม่ได้ตรงใจ ขายรถคันเก่าได้ราคาดี
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Email: generalinquiry@mottoraka.com
Facebook: MottoRaka
Add LINE: https://lin.ee/kzOo1rT
สมัครสมาชิก ฟรี!