จุงโกะนักล่าหมูป่าและกวางแห่งแดนอาทิตย์อุทัย
หลังจากจุงโกะแต่งงานได้ไม่นาน เธอได้รับการวินิจฉัยว่า เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย สามีเธอจึงออกไอเดียว่าไปอยู่ต่างจังหวัดกันไหม อยู่ท่ามกลางธรรมชาติอาจช่วยให้สุขภาพค่อย ๆ ดีขึ้นก็ได้
หลังจากนั้นเธอกับสามีจึงเดินทางมาที่หมู่บ้านแห่งนี้ (อยู่ที่จังหวัดไอจิ) เพื่อทดลองปลูกข้าว และในครั้งนั้น ทำให้เธอได้รู้จักกับคุณโอซะว่า ชาวนาผู้อาวุโสคนหนึ่งในหมู่บ้าน
เขาชวนเธอคุยเรื่องหมูป่ามากกว่าเรื่องการทดลองปลูกข้าวเสียอีก ทำให้เธอได้รับรู้ปัญหาต่าง ๆ จนเกิดความสนใจที่อยากจะช่วยแก้ปัญหานั้น
หลังจากนั้นปาฏิหาริย์ก็เกิดขึ้นจริง ร่างกายของเธอค่อย ๆ ดีขึ้นจนสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ
และเมื่อเธอตัดสินใจจะช่วยชาวบ้านจัดการกับปัญหาหมูป่าด้วยการเป็นนักล่า เธอจึงจำเป็นต้องมีใบอนุญาตเสียก่อน
การสอบใบอนุญาตเพื่อล่าหมูป่านั้น ไม่ใช่ง่าย ๆ มีทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ
กว่าเธอจะได้เป็นนักล่าอย่างสมบูรณ์เธอต้องเผชิญกับความกังวลและความรู้สึกผิดอยู่ในใจไปพร้อม ๆ กัน
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยกับการทำใจที่ต้องพรากชีวิตหนึ่งชีวิตเพียงเพราะชีวิตนั้นต้องการหากินเช่นกัน
แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นได้ให้กำลังใจและข้อคิดแก่เธอมากมาย เช่นข้อคิดที่ว่าทุกสิ่งบนโลกล้วนจำเป็นต้องมีความสมดุล เมื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งมากเกินไปก็จะต้องมีผู้เสียสละเพื่อรักษาสมดุลนั้นไว้
แม้มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เธอก็สามารถเอาชนะและสอบผ่านใบอนุญาตในการล่าหมูป่าได้สำเร็จ
ปัจจุบันเธอก็ยังคงทำหน้าที่เป็นนักล่า โดยเธอสามารถล่าสัตว์ได้มากกว่าปีละ 100 ตัว
เธอเชื่อว่า ทุกชีวิตของสัตว์ทุกตัวที่เธอล่ามาได้นั้น มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง เธอจะไม่ทิ้งขว้างให้เนื้อสัตว์เหล่านั้นเปล่าประโยชน์โดยเด็ดขาด
เธอจึงเปิดคาเฟ่อาหารป่า ที่มีเนื้อหมูป่า กวาง และสัตว์อื่น ๆ ที่เธอล่ามา และชำแหละด้วยตัวเอง แล้วนำมาปรุงเป็นเมนูในคาเฟ่อาหารป่าของเธอ
นอกจากนี้เธอยังส่งวัตถุดิบของสัตว์ป่าต่าง ๆ ให้แก่ร้านอาหารและร้านอิซะกายะในหลาย ๆ ที่อีกด้วย
นอกจากนี้เธอยังส่งวัตถุดิบของสัตว์ป่าต่าง ๆ ให้แก่ร้านอาหารและร้านอิซะกายะในหลาย ๆ ที่อีกด้วย