3 วัน 2 คืน ตะลุยเที่ยวมาเก๊า
ช่วงนี้เราสองคนไม่ได้ไปเที่ยวไหนกันมานาน ยิ่งไปต่างบ้านต่างเมืองยิ่งห่างไปเป็นปีเนื่องจากภาระหน้าที่ และปัยจัยอื่นๆที่ไม่เอื้ออำนวย วันนี้ได้กฤกษ์งาม ยามดี จริงๆก็ได้ตั๋วเครื่องบินถูกและได้จังหวะงานไม่ยุ่งเลยไปได้นั้นแหละ พอดีกับแอร์เชียมีโปรไปมาเก๊าราคาพอรับได้แถมมีเพ็กเกจแบบจองตั๋วไป - กลับ พร้อมโรงแรมด้วยแล้วราคายิ่งน่าคบ สะดวกสบายดี ประกอบกับเราทั้งคู่โตมากับพวกหนังเซียนตัดเซียน โครตเซียน ชื่ออะไรอีกเยอะแยะจำได้ไม่หมดพวกที่เข้าคาสิโนและเล่นไพ่โบรกเกอร์ เลยอยากจะเห็นว่าในคาสิโนแบบในหนังที่โครตเซียนเค้าเล่นกันในมาเก๊ามันเป็นยังไง แล้วบ้านเมืองเค้ามันมีอะไรนอกจากวันๆเล่นแต่การพนันหรือเปล่า เค้าอยู่กันยังไง ก็อย่ากระนั้นเลยไปดู ไปเห็น ไปสัมผัส ให้กระจ่างแก่ใจเลยดีกว่า
Day 1
6.45 น. ก็ได้เวลาเดินทางออกจากสนามบินดอนเมือง จริงๆมารอตั้งแต่ก่อนเครื่องออกตั้งแต่เที่ยงคืนแล้วแหละ มาถึงก็เดินหาอะไรกิน นั่งรอ นั่งดูนั่นนี่ไปตามเรื่อง เกือบลืมตอนเราสองคนไปแลกเงินดอลล่าห์ฮ่องกงไปได้เรทประมาณ 1 HKD = 4.49 THB ตอนนั้นหาข้อมูลว่าจะต้องแลกเงินสกุลมาเก๊าไปดีไหมแต่กี่ที่ๆก็บอกว่าไม่จำเป็นเพราะส่วนใหญ่ในมาเก๊าจะใช้เงินดอลล่าห์ฮ่องกงเป็นส่วนใหญ่แล้วก็จริง เพราะงั้นถ้าใครจะไปแนะนำว่า แลกดอลล่าห์ฮ่องกงไปอย่างเดียวก็ได้
เราใช้เวลาอยู่บนเครื่องสองชั่วโมงกับอีกสี่สิบห้านาทีก็ถึงสนามบินมาเก๊า เกาะไทปา เป็นสนามบินที่ไม่ใหญ่มาก เค้าถมทะเลเพื่อทำรันเวย์ยาวลงไปในทะเล เสียดายตอนนี้ไม่ได้ถ่ายรูปมามัวมองเพลินไป เวลาของมาเก๊าจะเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมง อย่างตอนเราถึงเป็นเวลาไทยประมาณ 9.30 น. ถ้าเป็นเวลามาเก๊าจะเป็นเวลา 10.30 น.
บรรยากาศในสนามบินมาเก๊า เกาะไทปา
ทางเดินไปขึ้นรถบัสรับ - ส่งของคาสิโนต่างๆ
ส่วนเราสองคนเเลือกขึ้นรถบัสของ Venetian เพราะกว่าจะถึงเวลาเช็คอินโรงแรมเหลือเวลาอีกตั้งเยอะ เลยว่าจะมาที่ยว ถ่ายรูปแถว Venetian กันก่อน เพราะที่นี่มีที่รับฝากก่อนมาเราหาข้อมูลมาว่าสามารถฝากได้ฟรี แต่พอเอาเข้าจริงเค้าคิดราคาค่าฝากกระเป๋าครั้งละ 6 HKD นะครับ และจะมีพนักงานคอยให้บริการเป็นอย่างดีครับ พอฝากเสร็จจะมีบัตรหมายเลขสำหรับใช้รับกระเป๋ามาให้เราเวลาจะขอรับกระเป๋าคืน ก็ถือว่าซื้อความสบายไป
ด้านหน้า Venetian มาเก๊า
เดินเล่นดูบรรยายกาศเวนิสจำลองใน Venetian รอเวลาเช็คอินเข้าโรงแรม
ภายใน Venetian จะมีหลายโซนมีทั้งคาสิโน ห้างสรรพสินค้า คลองจำลองเวนิสและโรงแรม คือเอาง่ายๆที่นี่มีครบหมดแค่พกเงินหรือบัตรเครดิตมาเท่านั้น สามารถหาได้ทุกสิ่งอย่างทีเดียว
หากนักท่องเที่ยวท่านไหนอยากนั่งเรือกอนโดล่าชมวิว ฟังเพลงเพลินๆ ก็สามารถติดต่อได้ตรงท่าเรือเลยครับ ราคาอยู่ที่รอบละ 120 HKD ต่อ 1 ท่าน / 1 รอบ (รอบละประมาณไม่เกิน 20 นาที) ส่วนเรายืนถ่ายรูปกับอาศัยดูคนอื่นเค้านั่งก็พอ เพราะราคาแปลงเป็นเงินบาทไทยแล้วรู้สึกว่าไม่คุ้มเงิน
เดินเล่นสักพักก็ได้เวลาไปเช็คอินห้องที่จองโรงแรมไว้แล้วครับ โรงแรมที่เราจองเป็นเพ็กเกจพร้อมตั๋วเครื่องบินที่จองผ่านแอร์เอเซียเลย หากท่านไหนสนใจลองดูไว้เป็นอีกทางเลือกได้นะครับ เราสามารถเลือกโรงแรมได้เองและดูตัวอย่างห้องและโรงแรมได้จากหน้าเว็บไซต์เลยซึ่งตรงนี้ก็ถือว่าสะดวกดีเหมือนกัน
โรงแรมที่เราจองไว้อยู่แถวเซนาโดสแควร์หรือย่านจัสดุรัสเซนาโดซึ่งอยู่คนละย่านกับ Venetian ที่อยู่ฝั่งไทปา เราเลยต้องนั่งรถเมล์เพื่อไปลงแถวโรงแรมกันครับ ลืมบอกไปเราเลือกพักที่โรงแรม Holiday Inn Macau เพราะอยู่ใกล้ที่เที่ยวหลายที่เลย สามารถเดินถึงได้ง่าย สะดวกดี
ป้ายรถเมล์ ถนนไทปา
ประมาณบ่าย 2 โมงก็เข้าเช็คอินที่โรงแรม เก็บกระเป๋า
ล็อบบี้เช็คอินโรงแรม Holiday Inn
โรงแรมในมาเก๊านี่ถ้าหากไม่สูบบุหรี่ต้องบอกเค้าก่อนนะครับ ไม่งั้นกลิ่นบุหรี่ในห้องจะฉุนมากแค่เดินผ่านโซนที่สามารถสูบบุหรี่ได้นี่ก็กลิ่นแรงมาก เราสองคนไม่สูบบุหรี่เลยเลือกโซนไม่สูบ ในมาเก๊านี่สูบบุหรี่กันจัดมาก สูบทุกที่จริงๆครับ
ถนนบริเวณหน้าโรงแรม Holiday Inn Macau
ถนนบริเวณหน้าโรงแรม Holiday Inn Macau
บนถนนเส้นนี้จะมีร้านขายของแบรนด์เนมกระเป๋า นาฬิกา และอื่นๆ อยู่เยอะมากและจะเปิดเกือบตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงบูธของธนาคารต่างๆที่มีไว้ให้บริการแลกเงินและร้านรับจำนำ ร้านเพชร ทอง และพวกเครื่องประดับ ถ้าใครชอบของแบรนด์เนมมือสองก็สามารถเข้าไปเลือกชม เลือกซื้อได้ตลอดเลย แต่ต้องดูเป็นหน่อยเพราะราคาบางชิ้นก็ไม่ใช่น้อยๆเลย ร้านพวกนี้จะเปิดไฟสว่างไสวตลอดเวลา
เดินจากโรงแรมไม่ถึง 5 นาทีก็มาถึงคาสิโนลิสบัว
คาสิโนลิสบัว
ที่นี่เค้าจะนำของมีค่าของสแตนลีย์ โฮ เจ้าของคาสิโนลิสบัวที่เก็บสะสมไว้มาให้คนที่มาเที่ยวได้ชื่มชม ของแต่ละอย่างมูลค่ามหาศาล บางอย่างก็ไม่สามารถประเมินค่าได้
ของสะสมของสแตนลีย์ โฮ
ของสะสมของสแตนลีย์ โฮ
ของสะสมของสแตนลีย์ โฮ
ของสะสมของสแตนลีย์ โฮ
ของสะสมของสแตนลีย์ โฮ
อันนี้แค่บางส่วนเท่านั้นนะครับ จริงๆยังมีอีกหลายชิ้นเลย เดินถ่ายรูปด้านหน้าล็อบบี้เสร็จแล้วเราก็เดินไปดูในคาสิโนลิสบัวกันต่อ แต่เสียดายในคาสิโนห้ามถ่ายรูป เลยไม่มีรูปในคาสิโนมาเก็บไว้เป็นที่ระลึกเลยแต่ได้ดูและจำมาเท่านั้น แต่ก็ตื่นตาตื่นใจสำหรับคนไม่เคยอย่างเรามาครับ เห็นเค้าเล่นกันตามโต๊ะ บางคนเล่นที่ละหลายบาทอยู่ถ้าดูจากชิปที่ลงในโต๊ะ เห็นเค้าลุ้นก็พลอยลุ้นไปกับเค้าด้วย
ถนนย่านเซนาโดสแสควร์
Cathedral
ดูสักพักเราก็เดินไปเซนาโดสแสควร์กันต่อเพราะมันไม่ไกลกันเดินดูเมืองไปเรื่อยๆไม่ถึง 5 นาทีก็ถึงแล้ว ย่านนี้เป็นย่านใจกลางเมืองของมาเก๊า จะมีตึกอาคารเก่ๆเยอะแยะมากมายตั้งแต่สมัตยังเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส ใครมาเที่ยวมาเก๊าไม่มาเดินย่านนี้ถือว่ามาไม่ถึง
บริเวณจัตตุรัสเซนาโด
บริเวณจัตตุรัสเซนาโด
แถวนี้จะมีนักท่องเที่ยวเยอะมาก ตอนที่เราไปเจอนักท่องเที่ยวชาวจีนเสียเป็นสว่นใหญ่ คนไทยนี่เจอน้อยมากอาจเป็นเพราะช่วงนี้ คนไทยเราไปเกาหลี ญี่ปุ่นกันมากกว่า ตามร้านต่างๆจะแข่งขันกันส่งเสียงเรียกลูกค้าให้ชิมหมูแผ่นกับขนม แต่ร้านให้ชิมแบบเยอะจริงๆครับ พอชิมแล้วสามารถเค้าไปเลือกหาของฝากติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้านได้เลย แต่เราไม่รีบซื้อเพราะอยู่ใกล้กับโรงแรมที่เราพักเดี๋ยวไปเที่ยวที่อื่นๆก่อนวันจะกลับค่อยเดินมาอีกทีก็ยังได้
บริเวณจัตตุรัสเซนาโด
มาเดินซอยเข้ามาไม่ถึง 2 - 3 นาทีก็มาถึงหน้าซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลส์
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลส์
ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลส์
เรานั่งเล่นแถวนั้น รับลมเย็นๆดูนักท่องเที่ยวจีนไปเรื่อยๆ รอเย็นๆ ค่อยเดินกลับได้ได้เดินเล่นดูบ้านเมืองเค้าตอนค่ำๆ ด้วย แต่ที่นี่คนพลุกพล่านตลอดทั้งวันทั้งคืนจริงๆ นะครับบรรยากาศไม่เคยจะล้างผู้คนเลย ตึกราบ้านช่องเปิดไฟกันสว่างไสวไปหมด
ถนนใกล้ๆ ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลส์
ขากลับโรงแรมเราเดินไปดูไฟที่คาสิโนลิสบัวตอนกลางคืนอีกสักหน่อยก่อนกลับไปนอนพักเอาแรงวางแผนเที่ยวสำหรับวันพรุ่งนี้ต่อไป
บรรยากาศหน้าคาสิโนลิสบัว
บรรยากาศหน้าคาสิโนลิสบัว
บรรยากาศหน้าคาสิโนลิสบัว
Day 2
เช้าวันนี้เราจะนั่งรถเมล์ไปทางทอศตะวันตกที่ติดกับทะเลหรือย่านวัดอาม่ากันครับ รถเมล์ของที่นี่เดินทางง่าย จอดตรงป้าย เป็นระเบียบกันดี ผู้ใช้ระบบขนส่งทุกคนต่อแถวเป็นระเบียบมาก ไม่มีแย่งกันขึ้นเลย
ลานด้านหน้าวัดอาม่าหรือจัตุรัสบาร์รา
หน้าวัดอาม่า
ในวัดอาม่าจะประกอบด้วยศาลเจ้าแม่ทับทิม ศาลเจ้าแม่กวนอิม ศาลเจ้าแห่งโชคลาภ ร้านขายวัตถุมงคล หอเมตตาธรรม หอสวด ซึ่งในทุกๆที่คนจะเยอะมาก ควันธูปจะคลุ้งตลอดเวลาเลย ขนาดเราไปถึงประมาณ 8 โมงเช้าทัวร์จีนยังลงกันมาหลายรถบัสทีเดียว
หน้าศาลวัดอาม่า
บริเวณสำหรับแขวนป้ายขอพร ขจัดทุกโศก
ศาลเจ้าภายในบริเวณวัดอาม่า
ป้ายหินภายในวัดอาม่า
หลังจากไหว้ขอพรเรียบร้อยกันแล้วเราก็เดินมาในซอยถัดจากวัดอาม่า เดินขึ้นมาตามทางเดินทางจะเป็นเหมือนทางชันเดินขึ้นภูเขาไปอีกนิดเราจะเจอกับค่ายทหารชาวมัวร์ที่สร้างสไตล์นีโอสีเหลือง แต่ในปัจจุบันนี้เข้าไปเที่ยวชมด้านในไม่ได้แล้วเพราะกลายเป็นที่ตั้งของสำนักงานใหญ่องค์การบริหารการเดินเรือมาเก๊าได้แต่เดินดูรอบนอกเท่านั้น เดินขึ้นมาตามทางอีกสักนิดจะเจอกับแมนดารินส์เฮาส์
นิทรรศการประวัติแมนดารินส์เฮาส์
เป็นบ้านจีนโบราณของกวีชาวจีน ชื่อว่า เจิง กวันยิง สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ 1881 โดยจะแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็นส่วนๆให้นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชม
นิทรรศการประวัติแมนดารินส์เฮาส์
สวนกลางบ้านแมนดารินส์เฮาส์
บริเวณนั่งเล่นชมสวนกลางบ้านของบ้านแมนดารินส์เฮาส์
บรรยากาศในบ้านนี้จะเย็นๆลมโชยตลอดเวลา เป็นอีกที่สำหรับการเที่ยวมาเก๊าที่ไม่ควรพลาดครับ เดินออกมาจากบ้านแมนดารินส์เฮาส์ไม่กี่ก้าวก็จะถึงบริเวณจัตุรัสลีเลาที่เป็นโอเอซิสของมาเก๊าอีกแห่งหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ก็คือบ้านเรือนสไตล์โปตุเกสผสมศิลปะอาร์ตเดโคที่กระจายอยู่รอบๆและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
บริเวณจัตุรัสลีเลา
บ้านเรือนสไตล์โปตุเกสผสมศิลปะอาร์ตเดโค
และจากจัตุรัสลีเลาเดินตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆจะเจอกับโบสถ์เพนญ่า
โบสถ์เพนญ่า
โบสถ์เพนญ่าเป็นโบสถ์ที่ลูกเรือหนีการจับกุมจากพวกชาวดัตช์มาช่วยกันสร้างขึ้น การตกแต่งภายในจะตกแต่งด้วยความเรียบง่าย และด้านนอกโบสถ์สามารถมองเห็นวิวเมืองมาเก๊าและแม่น้ำไข่มุกได้อย่างชัดเจน
ภายในโบสถ์เพนญ่า
ด้านนอกโบสถ์เพนญ่าสามารถมองเห็นเมืองมาเก๊า
จากนั้นมาเรานั่งรถเมล์ข้ามไปเที่ยวฝั่งโคโลอานกันต่อครับ โคโลอานป็นพื้นที่ใต้สุดติดกับโคไท (พื้นที่นำดินมาถมทะเลเพื่อเชื่อมต่อพื้นที่กับเกาะไทปากับโคโลอาน) มาเก๊าเป็นเกาะที่ไม่ได้มีพื้นที่ใหญ่มากครับและการคมนาคมก็สะดวกเลยสามารถเที่ยวได้ทั่วทั้งเกาะในเวลาไม่กี่วันนี่ขนาดเราเที่ยวกันไปเรื่อยๆไม่ได้เร่งรีบอะไร ยังไปได้ตั้งหลายที่เลย
ถนนบริเวณลงรถเมล์โคโลอาน
อาคารบริเวณโคโลอาน
ร้านลอร์ดสโตวส์
นอกจากที่โคโลอานจะมีอาคารสวยๆหลายที่แล้วยังมีทาร์ตไข่ชื่อดังอย่างลอร์ดสโตวส์อยู่ด้วย ซึ่งเรากินหมดไวมากไม่ทันได้ถ่ายรูปเก็บไว้เลย ราคาก็ไม่แพง รสชาติดีสมคำร่ำลือจริงๆ
ซอยทางเดินในหมู่บ้านโคโลอาน
ศาลเจ้าเล็กในซอยโคโลอาน
(ศาลนี้เราไม่รู้จักชื่อเพราะเล็กมากซ่อนอยู่ในซอยระหว่างทาง)
ส่วนใครชอบไหว้พระขอพรมาที่หมู่บ้านนี้ก็ไม่ผิดหวังมีหลายที่เลย อยู่ในบริเวณที่สามารถเดินถึงกันได้หมดแต่วัดหรือศาลเจ้าที่นี่ส่วนมากจะเป็นการขอพรเกี่ยวกับการเดินเรือเพราะมาเก๊ามีทะเลล้อมรอบ เมื่อก่อนเลยนิยมมาขอพรในการเดินเรือกัน แต่ในปัจจุบันวัดหรือศาลเจ้าจะมีเทพองค์อื่นๆให้ขอพรได้อยู่เยอะเหมือนกัน
วัดทัมกุง
วัดทินเหาเก่า
ทะเลด้านข้างวัดเหาเก่า
เดินไหว้พระ และถ่ายรูปเล่นจนบ่ายคล้อยเราก็นั่งรถเมล์กลับไปเดินเล่นที่ย่านเนปกันต่อดีกว่าครับ รถเมล์ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะหายากนะครับ มาตรงจอดตรงป้ายแป๊ะเลย ไม่มีเลยป้ายให้ต้องวิ่งตาม ที่ป้ายรถเมล์จะมีบอกสายรถมเล์และการเดินรถไว้ให้สามารถอ่านได้ง่าย
ดอกบัวทองคำ
กลับมาย่านเนปเราก็เดินเล่นไปตามทางเรื่อยๆ ก็เจอดอกบัวทองคำ ตรงลานนี้เย็นๆจะมีคนมาเดินเล่นออกกำลังกายอยู่เยอะเหมือนกัน ถ้ามาเวลาประมาณ 6 โมงเย็น จะได้เห็นพิธีเชิญธงลงจากเสาของตำรวจมาเก๊าด้วยครับ แต่เราไม่ได้อยู่รอเพราะกะว่าจะไปเที่ยวที่ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟกันต่อ
ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ
ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ
ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟมุมถ่ายรูปเยอะมาก หากใครชอบถ่ายรูปรับรองไม่ผิดหวัง มีหลายโซนและหลายมุมมาก
ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟ
ที่นี่เค้าสร้างเป็นธีมปาร์กแห่งแรกในมาเก๊า ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 5 ปี ภายในจะมีหลายโซนมากทั้งคาสิโน โซนขายของที่ระลึก ร้านค้า โรงแรม ร้านอาหาร และเกมส์เซ็นเตอร์
โซนร้านอาหาร
โซนร้านอาหาร
ร้านขายของที่ระลึก
ร้านขายสินค้าต่างๆ เสื้อผ้า รองเท้า กระเป๋า
ใครอยากดินเนอร์โรแมนติกสักมื้อในมาเก๊า ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกนะครับ ร้านอาหารริมทะเลนี่บรรยากาศดีมาก มีเจอจอดเทียบท่าสวยเชียว สมเย็นๆ ค่ำๆหน่อยจะมีแสงไฟจากอีกฝั่ง สวยงามละลานตามาก
โซนร้านอาหารริมทะเล
พอเราเตร็ดเตร่ที่นี่จนหนำใจแล้ว เราก็ชวนกันเดินไปดูเจ้าแม่กวนอิมสีทองริมทะเลกันต่อ เค้าบอกว่าความสูงของเจ้าแม่กวนอิมองค์นี้สูงถึง 20 เมตร หนักกว่า 50 ตัน ที่สำคัญทำจากทองแดงทั้งหมดเลยเชียวครับ ข้างในใต้ฐานสามารถเข้าไปได้มี 2 ชั้น มีห้องขายของที่ระลึกต่างๆและห้องแสดงประวัติศาสตร์การสร้างเจ้าแม่กวนอิม รวมถึงห้องสมุดขนาดเล็กที่มีหนังสือเกี่ยวกันศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋า และขงจือ รวมไว้ครับ แต่แนะนำให้มาช่วงเย็นๆหน่อยเพราะถ้ามากลางวันหรือสายๆดูแล้วน่าจะร้อนครับ
เจ้าแม่กวนอิมสีทองริมทะเล
เจ้าแม่กวนอิมสีทองริมทะเล
นั่งเล่นที่นี่จนค่ำๆเราก็เดินกลับโรงแรม แต่ก่อนถึงโรงแรมจะผ่านคาสิโนทั้งเล็ก ใหญ่ หลายที่ เราก็แวะเดินเข้าที่นั้น ออกที่นี่ไปเรื่อยๆครับ เพราะอยากรู้ว่าแต่ละที่ต่างกันอย่างไร รู้สุกตัวอีกทีมืดค่ำดึกดื่น เสียดายจริงๆที่เค้าไม่ให้ถ่ายรูปในคาสิโนไม่งั้นน่าจะมีรูปถ่ายไว้ดูเป็นที่ระลึกได้ แต่แนะนำจริงๆครับๆ ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงต้องมาดูด้วยตาตัวเองกันสักหน
DAY 3
วันนี้เราตื่นเช้าออกมาเดินเล่นกันที่ซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลส์กันอีกรอบเพราะวันแรกที่มาเราไม่ได้เดินขึ้นไปทางด้านหลังโบสถ์ได้เมียงมองเห็นว่าบรรยากาศดี กะว่าจะมาขึ้นเช้านี้แทน
สวนด้านหลังซากประตูโบสถ์เซนต์ปอลส์
ทางเดินขึ้นไปตรงป้อมปราการของโปตุเกสยามเช้าจะเจออาม่า อาเจ็ก อากง ออกกำลังกายอยู่เยอะเลยครับ บางคนก็มีรำไทเก๊ก บางคนก็รำพัด แต่ละคนถึงอายุจะเยอะแต่แข็งแรงกันมาก
วิวเมืองมาเก๊า ตรงป้อมปราการของโปรตุเกส
วิวเมืองมาเก๊า ตรงป้อมปราการของโปรตุเกส
เราเดินเล่นไปรอบๆชมนก ชมไม้ ชมอากง อาม๊ารำพัด รำมวยจีนเสร็จแล้วเราก็เดินกลับไปโรงแรมเพื่อที่จะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม เพราะกะว่าก่อนจะกลับยังมีเวลาเหลือพอให้แวะเที่ยวเวเนเชี่ยนอีกสักรอบได้
บรรยากาศยามเช้า
ปรากฎว่าพอมาถึงหน้าเวเนเชี่ยนกำลังจะเดินข้ามฝั่งเข้าไปฝนดันเทลงมาอย่างหนัก แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีแก็งค์อาม่า 4 - 5 คนที่ยืนอยู่ข้าง อยู่ๆ แกเอาร่มของแกออกมาและกางให้เรา แกกางร่มให้เราทั้งๆที่ร่มแกก็อันนิดเดียวเลยตัวเปียกกันคนละครึ่งกะอาม่า อาม่าใจดี อาม่าน่ารัก ประทับใจอาม่ามาก
เวเนเชี่ยน
เวเนเชี่ยน
เวเนเชี่ยน
เวเนเชี่ยน โซนคาสิโน
เวเนเชี่ยน โซนโรงแรม
ด้านหน้าเวเนเชี่ยนหลังฝนตก
เดินเล่นในเวเนเชี่ยนจนทั่วแล้วเราก็ข้ามฝั่งไปที่อันซิตี้ออฟดรีมส์จุดมุ่งหมายคืออยากไปดูการแสดงนางเงือกใต้ท้องทะเลและการแสดงมังกร
การแสดงนางเงือกใต้ท้องทะเล
การแสดงมังกร
เค้าการันตรีว่าที่นี่เป็นโดมแสดงมัลติมีเดียและสเปเซียสเอฟเฟกต์ 360 องศาที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ถ้าไปก็ลองแวะเข้าไปเดินชมกันได้นะครับ หลังจากเดินดูนั่นนี่จนเย็นค่ำก็ถึงเวลาไปสนามบินกันแล้ว คราวนี้เรานั่งรถบัสจากเวเนเซี่ยนได้เลยครับ ไม่มีค่าใช่จ่ายขากลับระหว่างรอขึ้นเครื่องที่สนามบินจะมีคนที่มาเป็นกรุ๊ปนั่งล้อมวงตีไพ่นกกระจอกกันหลายวงเลยครับ เล่นกันจริงจังด้วยนะครับหน้าตาเคร่งเครียดกันทีเดียว แหมสนามบินที่ไหนก็ไม่เหมือนที่นี่จริงๆเชียว มาเก๊าไม่ลองไม่รู้ ต้องมาสัมผัสด้วยตัวเองนะคร้าบบบ