เสียงสะท้อนการบริหารความเสี่ยงเศรษฐกิจประเทศและวัคซีนที่ควรจะเป็น
เช้าวันนี้ตื่นมาพร้อมกับข่าวการโดนเทการฉีดวัคซีนของประชาชนในหลากหลายจังหวัดและหลาย ๆ โรงพยาบาลในกรุงเทพมหานคร
ในขณะที่ท่านนายกประกาศถึง Phuket Sandbox ในวันที่ 1 กรกฎาคม ท่ามกลางความหวังของชาวภูเก็ต ที่จะทำให้เป็นตัวอย่างของการเปิดประเทศ เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังภาวะโรคระบาดที่เราทราบกันอยู่
ผู้เขียนไม่เชื่อเรื่องการปูพรมทั่วประเทศในทุก ๆ ช่วงอายุ ตามเป้าหมาย 100 ล้านโดสตามที่ท่านผู้อำนวยการ ศบค ประกาศไว้ เพราะไม่เชื่อว่าการปูพรม 100 ล้านโดส หรือ การล๊อกเป้าหมาย 50 ล้านคนทั่วประเทศโดยไม่ได้คำนึงถึงแผนที่เศรษฐกิจ และแผนที่การระบาดหลัก ๆ
การจัดลำดับความสำคัญ ควรจะเริ่มต้นที่ปัจจัย ความเสี่ยงอายุ 60 + และ 7 โรคร้าย พร้อมกับเขตเศรษฐกิจสำคัญ และการระบาดหนักก่อน ส่วนในจังหวัดที่เหลือนั้นถ้าบริหารดีอยู่แล้ว ยังคงบริหารต่อไปแล้วรอวัคซีนที่ท่าน ผอ ศบค แจ้งว่าจะมาตามลำดับ และเรียงตามความสำคัญไป
https://www.prachachat.net/tourism/news-686920
ตามข่าวนี้ ปูพรม 10 เมืองท่องเที่ยวนำร่องการกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับคืน ตามข้อเสนอของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท) ที่เป็นเหมือนทีมการตลาดของประเทศ และการท่องเท่ยวเป็นมากถึง 15% ของ GDP ทั้งประเทศในปี 2562 ที่นี้ ททท เสนออะไรบ้างตามข่าว
โดยมีพื้นที่นำร่องที่เหลืออีก 9 จังหวัดนั้น ล่าสุด 4 จังหวัด (บางพื้นที่) ได้เสนอเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแบบไม่กักตัวพร้อมกับจังหวัดภูเก็ตในเดือนกรกฎาคมนี้ จากไทม์ไลน์เดิมที่กำหนดเริ่ม 1 ตุลาคม 2564 ได้แก่
1.กระบี่ (เกาะพีพี, ไร่เลย์, เกาะโหง)
2.สุราษฎร์ธานี (เกาะสมุย, เกาะพะงัน, เกาะเต่า) โดยเสนอจำกัดพื้นที่และท่องเที่ยวระบบปิด 0+3+4 คืนความหมายว่า นักท่องเที่ยวไม่ต้องกักตัวในห้องพัก วันที่ 1-3 ของการเดินทางมาถึงนักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการและทำกิจกรรมต่าง ๆ ในบริเวณโรงแรมได้ ในทุกพื้นที่
จากนั้นวันที่ 4-14 ของการเดินทางนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวได้ตามเส้นทาง และโปรแกรมที่กำหนดไว้ (sealed routes) หลังจากนั้นสามารถเดินทางออกไปเที่ยวนอกพื้นที่ได้ทั่วประเทศ
3.พังงา (เขาหลัก) เสนอขอไม่กักตัวตั้งแต่เดือนสิงหาคม
และ
4.เชียงใหม่ (อ.เมือง แม่ริม แม่แตง ดอยเต่า) เสนอกักตัว 0+7 คืน+sealed routes โดยสามารถทำกิจกรรมในโรงแรมเป็นเวลา 7 คืน และออกไปทำกิจกรรมใน sealed routes ที่กำหนดได้
ส่วนจังหวัดนำร่องที่เหลืออื่น ๆ จะเปิดพร้อมกันในวันที่ 1 ตุลาคมคือ กระบี่, เชียงใหม่, ชลบุรี (พัทยา, บางละมุง, สัตหีบ) โดยในพื้นที่ดังกล่าวนี้เสนอขอไม่กักตัว ส่วนกรุงเทพฯ, ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน), เพชรบุรี (ชะอำ) และบุรีรัมย์เสนอหลักการเปิดพื้นที่รับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ได้รับวัคซีนแล้ว
ไทม์ไลน์ดังกล่าวนี้ได้ผ่านการพิจารณาเห็นชอบจากที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจ (ศบศ.) เรียบร้อยแล้วเมื่อ 4 มิถุนายนที่ผ่านมา
เงื่อนไขท้ายที่สุดสำคัญมาก คือการบริหารวัคซีน ตามลำดับความสำคัญ ที่ ผอ ศบค ต้องโฟกัส และทำให้สำเร็จ ไม่งั้นจะเหมือนกับที่คอลัมนิสต์อาวุโส ได้กล่าวไว้ว่า มันจะเป็นเรื่องของการจารึกประวัติศาสตร์ให้แก่ตัวท่านในยามแก่เฒ่า ว่าท่านได้ขีดเขียนประวัติศาสตร์อันนี้ไว้
ผู้เขียนได้แต่หวังว่า การกระจายวัคซีนจะถูกเรียงลำดับความสำคัญ เพื่อเห็นแก่ปากท้องประชาขน และสุขภาพของประชาชนไปพร้อม ๆ กัน
อ้างอิงจาก: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ , https://pantip.com/topic/40776019
กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา