นางไอ่คำ ความงามที่สะเทือน ๔ ภพ โลกมนุษย์ สวรรค์ บาดาล และภูติผี!
ตำนานรักเมืองหนองหาน
ครั้งหนึ่งยังมีเมืองอยู่เมืองหนึ่งชื่อ นครเอกชะทีตา หรือ เมืองสุวรรณโคม มีพญาขอมเป็นกษัตริย์ ปกครองเมืองด้วยความร่มเย็น พญาขอมมีพระธิดาสาวสวยนามว่า "นางไอ่คำ" ซึ่งเป็นที่รักและหวงแหนมาก จึงสร้างปราสาท 7 ชั้น ให้อยู่พร้อมเหล่าสนม นางกำนัลคอยดูแลอย่างดี
ขณะเดียวกันยังมีเมืองอีกเมืองหนึ่งชื่อ เมืองผาโพง มีเจ้าชายนามว่า "ท้าวผาแดง" เป็นกษัตริย์ปกครองอยู่ ได้ยิน กิตติศัพท์ความงามของธิดาไอ่คำมาก่อนแล้ว จึงปลอมตัวเป็นพ่อค้าพเนจรถึงนครเอกชะทีตา และติดสินบนนางสนมกำนัล ให้นำของขวัญลอบเข้าไปให้นางไอ่คำ ด้วยผลกรรมที่ผูกพันมาแต่ชาติปางก่อน นางไอ่คำและท้าวผาแดงจึงได้มีใจปฏิพัทธ์ต่อกัน จนในที่สุดทั้งสองก็อภิรมย์สมรักกันอย่างลับๆ
ก่อนท้าวผาแดงจะจากไป เพื่อจัดขบวนขันหมากมาสู่ขอนางไอ่คำ ทั้งสองได้คร่ำครวญต่อกันด้วยความอาลัยยิ่ง วันเวลาผ่านไปถึงเดือน 6 เป็นประเพณีแต่โบราณของเมืองเอกชะทีตา จะต้องมีการทำบุญบั้งไฟบูชาพญาแถน พญาขอมได้กำหนดการจัดงานเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน6 เจ้าชายเมืองต่างๆต่างเร่งรุดทำบั้งไฟหมื่นบั้งไฟแสนของตนเพื่อเข้ามาจุดแข่งขันครั้งนี้กันอย่างมากมาย โดยมีเป้าหมายเดียวกันคือหวังจะเป็นผู้ชนะได้ครอบครองนางไอ่คำนั่นเอง...
ข่าวนี้ได้ร่ำลือไปทั่วสารทิศ ทุกเมืองในขอบเขตแว่นแคว้นต่างๆ ก็ส่งบั้งไฟเข้ามาแข่งขัน เช่น เมืองฟ้าแดดสูงยาง เมืองเชียงเหียน เชียงทอง แม้กระทั่งพญานาคใต้เมืองบาดาล ก็ได้ยินร่ำลือจนสิ้น จนท้าวพังคีเจ้าชายพญานาคเมือง บาดาลก็อดใจไม่ไหว ปลอมตัวเป็น "กระรอกเผือก" มาดูโฉมงามนางไอ่คำด้วยในวันงานบุญบั้งไฟ
เมื่อถึงวันแข่งขัน จุดบั้งไฟ ปรากฏว่าบั้งไฟท้าวผาแดงจุดไม่ขึ้นพ่นควันดำอยู่ 3 วัน 3 คืน จึงระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้ความหวังท้าวผาแดงหมดสิ้นลง
ขณะเดียวกัน ท้าวพังคีพญานาคที่ปลอมเป็นกระรอกเผือก ซึ่งชาวอีสานเรียกว่า "กระฮอกด่อน" มีกระดิ่งทองผูกคอมาไต่อยู่บนยอดไม้ข้างปราสาทนางไอ่คำ เมื่อภังคีในร่างกระรอกเผือกปรากฏร่างให้นางไอ่คำเห็น นางจึงคิดอยากได้มาเลี้ยง จึงบอกให้นายพรานจับมาให้ได้ แต่พรานกลับผิดคำสั่ง ในที่สุดกระรอกเผือกพังคี ก็ถูกยิงด้วยลูกดอกจนตาย ก่อนตายท้าวพังคีได้อธิษฐานไว้ว่า "ขอให้เนื้อของข้าได้ แปดพันเกวียน คนทั้งเมืองอย่าได้กินหมดเกลี้ยง"
จากนั้นร่างของกระรอกเผือกก็ใหญ่ขึ้น จนผู้คนแตกตื่นมาดูกันและจัดการแล่เนื้อนั้นแบ่งกัน ไปกินทั่วเมือง ด้วยว่าเป็นอาหารทิพย์ ยกเว้นแต่พวก"แม่ม่าย" ที่ชาวเมืองรังเกียจไม่แบ่งเนื้อกระรอกให้
พญานาคแห่งเมืองบาดาลทราบข่าว ท้าวพังคีถูกมนุษย์ฆ่าตายแล่เนื้อไปกินกันทั้งเมืองจึงโกรธแค้นยิ่งนัก ดึกสงัดของคืนนั้นเอง ขณะที่ชาวเมืองเอกชะทีตากำลังหลับไหลเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ท้องฟ้าอื้ออึงไปด้วย พายุฝนฟ้ากระหน่ำลงมาอย่างหนักอยู่มิได้ขาด แผ่นดินเริ่มถล่มตัวยุบตัวลงไปทีละน้อย ท่ามกลางเสียงหวีดร้องของผู้คนที่วิ่งหนีตาย เหล่าพญานาคผุดขึ้นมานับหมื่นนับแสนตัว ถล่มเมืองชะทีตาจมลบงใต้บาดาลทันที คงเหลือไว้เป็นดอน 3-4 แห่ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกแม่ม่ายที่ไม่ได้กินเนื้อกระรอกเผือกจึงรอดตาย
ฝ่ายท้าวผาแดงได้โอกาสรีบควบม้าหนีออกจากเมือง โดยไม่ลืมแวะรับพระธิดาไอ่คำไปด้วย แต่แม้จะเร่งฝีเท้าม้าเท่าใดก็หนีไม่พ้นทัพพญานาคที่ ทำให้แผ่นดินถล่มตามมาติดๆ ในที่สุดพญานาคจึตวัดหางรัดนางไอ่คำตกลงจากหลังงม้าจมหายลงไปในท้องน้ำ เหลือเพียงแต่ท้าวพังคีที่ตรอมใจทนทุกข์ตามลำพัง
credit: Fine art & Craftsmanship ขายภาพวาด เครื่องแต่งกาย งานมือภาพไทย ภาพเหมือน
รุ่งเช้า เมืองเอกชะทีตาที่เคยรุ่งเรืองโอฬารก็อันตธานหายไปสิ้น คงเห็นแต่พื้นน้ำกว้างยาวสุดตา ทุกชีวิตในเมืองเอกชะทีตาจมสู่ใต้บาดาล จนหมดสิ้นเหลือไว้แต่แม่ม่ายบนเกาะในผืนน้ำอันกว้างนี้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นหนองหานหลวงดังปรากฏในปัจจุบัน
ส่วนท้าววผาแดงก็จำต้องย้อนกลับไปยังเมืองของตนด้วยความทนทุกข์ ไม่นานนักก็ตรอมใจตายในที่สุด แต่เมื่อสิ้นลมแล้วก็กำเนิดเป็นพญาผี ระดมพลพรรคผีและปีศาจต่างๆตั้งเป็นกองทัพ บริวารท้าวผาแดงมีเป็นแสนๆเดินเท้าเสียงดังอึกทึกปานแผ่นดินจะถล่มทลาย ดาหน้าเข้ารายล้อมเมืองพญานาคเอาไว้ทุกด้าน ต่างฝ่ายต่างก็ใช้อิทธิฤทธิ์เข้ารบพุ่งกัน ทั้งสองฝ่ายรบกันอยู่นานถึง 7วัน7คืน แต่ไม่มีใครแพ้ใครชนะ จนทำให้น้ำเหือดแห้ง แผ่นดินเป็นฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
เหตุการณ์นี้ ร้อนไปถึงพระอินทร์ต้องลงมาระงับศึก ให้พวกผีกลับเมืองผีให้นาคกลับเมืองบาดาล ส่วนนางไอ่คำให้อยู่ที่เมืองบาดาลไปก่อนรอพระศรีอาริย์มาตัดสินว่า ใครจะเป็นสามีที่แท้จริงของนาง ดังนั้นนางไอ่คำจึงรอที่เมืองบาดาลจนกว่าจะถึงวันนั้น
.............................................................
นิทานกะฮอกด่อนได้อธิบายสาเหตุที่เมืองเก่าหนองหานซึ่งแต่เดิมตั้งอยู่ในบริเวณท่านางอาบ บ้านท่าศาลา บ้านน้ำพุ สกลนคร
ก่อนที่เมืองหนองหานเดิมจะถล่มล่มลงในหนองหานด้วยอิทธิฤทธิ์ของพญานาคจากเมืองบาดาน และมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นมาโดยย้ายจากที่เดิมข้ามน้ำหนองหานมาทางฝั่งตะวันตก ซึ่งก็คือบริเวณวัดพระธาตุเชิงชุมในปัจจุบัน โดยพระยาสุวรรณภิงคารโอรสพระองค์หนึ่งของพญาขอมเป็นผู้สร้าง