หัวอกแม่แทบสลาย!!ลูกสาวออทีสติก2 คน โดนข่มขืนไร้คนปกป้อง #คนจนไร้ปากเสียงในสังคม
สิทธิเสรีภาพ เท่าเทียมกันในสังคม เป็นแค่วาทกรรมเท่านั้นเอง ในความเป็นจริง..ยังมีสิ่งที่จำกัดสิทธิเสรีภาพ แม้แต่ความเป็นธรรมคือ ฐานะทางการเงิน
จะมีคำหนึ่งที่เป็นจริงในสังคม
"คนจนมักโดนเหยียบย่ำ จากคนไร้มนุษยธรรมในสังคม"
อย่างข่าวนี้ที่จะทำให้คนอ่านสะเทือนใจ..ในชะตากรรมของครอบครัวนี้ ที่โดนย่ำยีจากคนใจทราม แต่ไร้กำลังทรัพย์พอที่จะปกป้องศักดิ์ศรี
..................
เรื่องราวแสนหดหู่จิตนี้เกิดที่ อ.สตึก บุรีรัมย์
หญิงวัย 51 ปี ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ที่ต้องทำงานหาเลี้ยงอีก 4 ชีวิต
พ่ออายุ 54 ปี
ลูกสาวคนโตอายุ 26 ปี
ลูกสาวคนกลางอายุ 25 ปี
และลูกสาวคนเล็กอายุ 18 ปี
ทั้งหมดป่วยเป็นโรคออทีสติก
ซึ่งบ้านเพิงสังกะสีกึ่งบ้านอยู่อาศัยตั้งอยู่ท้ายหมู่บ้าน ทั้งครอบครัวอยู่แบบอนาถา ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ
ด้วยยากจนเสียงจึงไม่ดังพอที่ใครจะเกรงใจ จึงโดนคนไร้จิตสำนึกหมู่บ้านรังแก
#ลูกสาวคนโตวัย 26 ปี โดนนาคที่กำลังบวชข่มขืน จ่าย 7 พันแล้วลอยนวล
#ลูกสาวคนกลางอายุ 25 โดนตาวัย 73 ลากไปข่มขืนป่าอ้อย จ่าย 100 แจ้งความขึ้นศาลแล้วหนีไปกรุงเทพฯ เผยรันทดไม่มีแม้ตรวจภายใน ไม่มีเงินค่ารถไปขึ้นศาล
วันที่ 3 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้าน ต.สนามชัย อ.สตึก บุรีรัมย์ ว่ามีครอบครัวพิการ ได้รับความเดือดร้อน ถูกสังคมรังแก จนไม่มีที่ยืนอยู่ในสังคม และอยากให้ผู้ก่อเหตุเวียนมาข่มขืนคนในบ้าน ออกมารับผิดชอบ
สอบถามนาง เอ (นามสมมุติ)อายุ 51 ปี
เล่าถึงความทุกข์ในบ้านว่า
》》เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2562 ตนพาลูกสาวคนโตไปช่วยงานบวชในหมู่บ้าน ซึ่งเป็นญาติห่างๆ มีชาวบ้านมาบอกว่านาค พาลูกสาวไปในท่อระบายน้ำข้างทาง จึงไปตามหาพบว่าลูกสาวถูกญาติกำลังจะบวช ข่มขืน ภายในท่อระบายน้ำ
จากนั้นได้พาลูกสาวไปตรวจภายในที่ รพ.สตึก แต่ไม่มีค่าตรวจเพราะหมอแจ้งว่าจะต้องเสียค่าตรวจภายใน 4,000 บาทเพราะไม่มีใบส่งตัวจากตำรวจ แต่ตนมีเงินติดตัวเพียง 100 บาท จึงพาลูกกลับมาบ้าน
จากนั้นได้ไปเจรจากันกับครอบครัวผู้ก่อเหตุภายในงานบวช โดยฝ่ายชายยอมชดใช้เงินให้ 7,000 บาท พร้อมสัญญาหลังสึก จะมารับผิดชอบแต่งงานให้ แต่หลังสึกออกมาซึ่งนานกว่า 3 เดือน ฝ่ายชายไม่สนใจ ทำให้ทางด้านคดีหมดอายุความ
》》》ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ก.ค.63 ลูกสาวคนกลางอายุ 25 ปี ไปเยี่ยมญาติต่างหมู่บ้าน ถูกนายสำลอง แสนเศวต อายุ 73 ปี อยู่ต่างหมู่บ้านกัน ลวงไปข่มขืนที่ป่าอ้อยกลางทาง แล้วจ่ายเงินให้ปิดปากลูกสาว 100 บาท หลังจากนั้นลูกสาวมาเล่าให้ฟัง จึงไปแจ้งความที่ สภ.สตึก อ.สตึก
ตำรวจพาไปตรวจร่างกายแล้วแจ้งความดำเนินคดี ต่อมาตำรวจส่งฟ้อง และศาลนัดไต่สวนคดีในวันที่ 2 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา เบื้องต้นศาลให้ไปเจรจากัน โดยให้นายสำลอง ชดใช้ค่าเสียหาย แต่นายสำลอง ปฏิเสธ แล้วหนีไปอยู่กับลูกสาวที่กรุงเทพฯ เพื่อหนีความรับผิดชอบ
ตอนนี้ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักทั้งสภาพความเป็นอยู่และสภาพจิตใจของลูก
ด้านนางสมทรง แสนดี อายุ 49 ปี อบต.ในหมู่บ้าน เล่าว่า ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวที่น่าสงสาร เพราะคนหาเลี้ยงครอบครัวเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว นอกนั้นเป็นผู้ป่วยทั้งหมด
มีรายได้จากเบี้ยคนพิการของลูก 3 คน รวมแล้วจะมีรายได้เดือนละ 2,400 บาท ส่วนสามีไม่มีบัตรคนพิการ
ขอบคุณข้อมูลทีมข่าวจังหวัดบุรีรัมย์
ข้อมูลข่าว
https://m.facebook.com/groups/720565885317572/permalink/781900959184064/?sfnsn=mo