Covid 19 มีสายพันธ์อะไรกันบ้าง มาดูกัน !
ขณะนี้การระบาดของ โควิด 19 ยังแพร่ระบาดกันอยู่ จำนวนผู้ติดเชื้อในแต่ละวันเริ่มสูงขึ้น และแอดเชื่อว่าหลายคนยังคงสงสัยและยังไม่รู้ว่า ไอ้เจ้าเชื้อโควิด 19 เนี่ย มันมีกี่สายพันธ์และมันมีสายพันธ์อะไรบ้าง วันนี้แอดจะพาไปทำความรู้จักกันค่ะ
ไวรัส SARS-CoV-2 ชนิด S กับ L
จริงๆแล้วเราจะเคยได้ยินชื่อนี้เมื่อตอนเดือนมีนาคมของปี 2563 ซึ่งเริ่มแรกเลยเนี่ย ไวรัสสายพันธุ์นี้เริ่มแยกออกเป็น 2 ชนิดย่อย คือ S-type กับ L-type โดยที่มีสายพันธุ์หนึ่งรุนแรงกว่าอีกสายพันธุ์หนึ่งค่ะ
1. และสายพันธุ์ L นี้เองเป็นสายพันธุ์ต้นกำเนิดในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ในเดือน ธ.ค.2562 และแยกออกมากเป็นสายพันธุ์ต่างๆ และสายพันธุ์ L นี้จะแพร่กระจายมีลูกหลานได้มากกว่าสายพันธุ์ S โดยเฉพาะเมื่อออกนอกจีนไปถึงยุโรปค่ะ และสามารถแพร่กระจายได้ดีออกลูกหลานเป็นสายพันธุ์ G (Glycine) และสายพันธุ์ V (Valine) เดี๋ยวเราจะกล่าวในข้อต่อไป
2. ส่วนสายพันธุ์ S เริ่มต้นจากประเทศจีน ระบาดระลอกแรกในไทย เดือน มี.ค.2563 นั่นเองค่ะ
3. สายพันธุ์ G (Glycine) สายพันธุ์นี้เป็นลูกหลานที่มาจากสายพันธุ์ L สายพันธุ์ G นี้มีการเปลี่ยนแปลงของกรดอะมิโนจากเดิมคือ Aspartate (D) ในตำแหน่งที่ 614 ของ spike โปรตีน หรือเรียกว่า D614 ไปเป็น Glycine เรียกว่า G614 คือกรดอะมิโนของ spike หรือหนามแหลมที่ยื่นออกมาในตำแหน่งที่ 614 จากสายพันธุ์เดิม
4. สายพันธุ์ V (Valine) : เป็นลูกหลานที่มาจากสายพันธุ์ L นั่นเองค่ะ สายพันธุ์นี้ได้แพร่เข้าสู่ยุโรป ออสเตรเลีย และไทย ด้วยค่ะ
5.สายพันธุ์ GH (Histiddine) :เป็นลูกหลานจากสายพันธุ์ G ไวรัสสายพันธุ์นี้มีต้นกำเนิดหรือต้นทางมาจากประเทศอินเดีย ก่อนแพร่ระบาดเข้าไปยังเมืองยะไข่ในประเทศเมียนม่า และแพร่มายังประเทศไทยในที่สุด และแยกย่อยลงมาอีก เช่น
- สายพันธุ์ B.1.351 ( GH,G) หรือสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งพบครั้งแรกที่แอฟริกาใต้ เมื่อเดือนธันวาคม 2563 ซึ่งหนามโปรตีน N501Y, E484K มีการกลายพันธุ์ ไวรัสจับตัวเซลล์ได้ดีขึ้น เชื้อแพร่กระจายง่ายและแพร่เชื้อไวขึ้นกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมราว 50% และOxford-AstraZeneca ไม่สามารถป้องกันสายพันธุ์ B.1.3.5.1ได้ค่ะ
6.สายพันธุ์ GR (Arginine) : เป็นลูกหลานจากสายพันธุ์ G สายพันธุ์นี้นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรม ที่เราเรียกกันว่า สายพันธุ์อังกฤษ หรือ B.1.1.7 หรือถ้าเรียกตามกรดอะมิโน ก็จะเป็นสายพันธุ์ GRY (G = glycine, R = arginine, Y = tyrosine) แยกย่อยลงมาอีก คือ
- สายพันธุ์ B.1.1.7 (GR,G) หรือสายพันธุ์อังกฤษ พบครั้งแรกที่อังกฤษ เมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 แพร่กระจายเป็นวงกว้างในอังกฤษ และอีกกว่า 50 ประเทศ ผิวไวรัสมีการกลายพันธุ์ จับผิวเซลล์มนุษย์ได้ดีขึ้น สามารถแพร่เชื้อไวขึ้นกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมราว 40-90% เลยทีเดียวค่ะ และสายพันธุ์นี้ส่งผลให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้นกว่าสายพันธุ์อื่นได้ราว 1.65 เท่าค่ะ
- สายพันธุ์ P.1 (GR) พบครั้งแรกที่บราซิล เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2563 ค่ะ โปรตีนหนาม N501Y, K417T, E484K มีการกลายพันธุ์ และแพร่เชื้อไวขึ้นกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิม 2.5 เท่า หรือราวๆ 25-60% ค่ะ
7.สายพันธุ์ O : พวกที่กลายพันธุ์ไม่บ่อยมากนักมารวมกันกลายเป็นสายพันธุ์นี้ค่ะ
8. สายพันธุ์ B หรือ SARS-CoV-2 VUI 202012/01 ต้นกำเนิดกลายพันธุ์มาจากประเทศอังกฤษค่ะ
9.สายพันธุ์ B.1.617 หรือสายพันธุ์อินเดีย พบครั้งแรกที่ เมืองนาคปุระ รัฐมหาราษฎระ ประเทศอินเดีย เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2563 ค่ะ
และหนามของอนุภาคไวรัสหลายตำแหน่งมีการกลายพันธุ์ เป็นการกลายพันธุ์แบบคู่ double mutant ค่ะ สามารถแพร่เชื้อไวขึ้นกว่าสายพันธุ์ดั้งเดิมราว 20% และสายพันธุ์นี้แพร่กระจายตัวได้เร็ว ผู้ติดเชื้อมีอาการแย่ลง รวมถึงไวรัสสามารถหลบภูมิคุ้มกันที่มีการติดเชื้อก่อนได้ จึงทำให้หลบวัคซีนได้ค่ะ
10. สายพันธุ์ B.1.618 หรือสายพันธุ์เบงกอล พบครั้งแรกที่ <span;>รัฐมหาราษฎระ เดลี เบงกอลตะวันตก และฉัตติสครห์ ที่ประเทศอินเดีย ในเดือนตุลาคม ปี 2563 และพบการระบาดอีกครั้งในเดือนมีนาคม ปี 2564 นั่นเองค่ะ
และหนามตำแหน่ง H146 และ Y145 นั้นหายไป และตำแหน่ง E484K และ D614G เกิดการกลายพันธุ์ค่ะ และมีหลักฐานการแพร่เชื้อที่เร็วขึ้นมากในรัฐเบงกอลตะวันตก และสายพันธุ์นี้สามารถหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันได้ และส่งผลต่อประสิทธิภาพวัคซีนที่มีอยู่เดิม รุนแรงกว่าเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิมค่ะ
11. สายพันธุ์ B.q.36.16 พบครั้งแรกที่ เมียนมา และเป็นเชื้อไวรัสที่กำลังระบาดในไทย และพบช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมาค่ะ และติดเชื้อส่วนใหญ่จะไม่มีอาการ (asymptomatic)เลย และหากยังระบาดไปอีก 3-4 เดือน อาจกลายพันธุ์เป็นสายพันธุ์ท้องถิ่นของไทยค่ะ
จริงๆแล้วข้อมูลเกี่ยวกับสายพันธุ์โควิดมีอีกเยอะ แอดเพียงแค่สรุปมาบางส่วน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย ทั้งนี้ทั้งนั้นแอดก็ขอให้ทุกท่านรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ ระมัดระวัง และป้องกันตัวเองด้วยนะคะ ขอให้ทุกท่านปลอดภัยจากเชื้อ Covid 19 กันทุกคนค่ะ 😊
ที่มา: On the origin and continuing evolution of SARS-CoV-2
https://www.wsj.com/articles/the-new-covid-19-strain-in-south-africa-what-we-know-11609971229
https://www.ft.com/content/e163b151-f262-4b4b-99c6-7ad43478c572#post-87003b24-d97f-40c9-9ec8-8428bbf2ac5e
https://www.newshub.co.nz/home/world/2021/04/coronavirus-india-travel-ban-likely-to-stay-in-place-as-covid-19-outbreak-spirals-expert.html
https://www.nytimes.com/interactive/2021/health/coronavirus-variant-tracker.html#B1351
https://www.indiatoday.in/science/story/what-is-triple-mutant-variant-of-covid19-virus-bengal-strain-details-1793991-2021-04-22
Credit picture: freepik