สุดสยองห้อง317
หนิงเป็นเจ้าหน้าที่ของบริษัทเอกชนรายใหญ่แห่งหนึ่งในกทม. วันหนึ่งเธอต้องเป็นตัวแทนของบริษัทไปสัมนาที่จังหวัดเชียงใหม่ เป็นเวลา 3 วัน โดยเธอได้รับเลือกไปคู่กับเพื่อนรุ่นพี่ที่ทำงานของเธอชื่อว่ากานต์ ซึ่งทั้งสองคนมักจะได้ร่วมไปสัมนาด้วยกันบ่อยๆ จึงสนิทสนมกัน ทั้งคู่จะเดินทางด้วยเครื่องบินไปโดยมีทีมงานทางผู้จัดงานเอารถตู้มารอรับที่สนามบิน เพื่อรับผู้ร่วมสัมนาเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก หลังจากที่ทั้งคู่นั่งรอจนคนเต็มรถแล้วก็ออกเดินทางไปยังโรงแรม ซึ่งโรมแรมนี้อยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่โดยทางเจ้าของงานได้จัดห้องพักไว้ให้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อมาถึงที่โรงแรมหนิงและกานต์สังเกตว่าโรงแรมนี้ดูจากด้านนอกนั้นแล้วค่อนข้างเก่า น่าจะเปิดมานานหลายปี การตกแต่งภายในก็ใช้เฟอร์นิเจอร์โบราณของทางเหนือมาตกแต่ง แม้ว่าจะดูสวยงามดีแต่ก็แฝงไปด้วยความน่ากลัวอยู่เหมือนกัน ทั้งสองคนไปรับกุญแจจากทีมงาน ได้ห้อง 317 ห้องอยู่ชั้น 3 ริมสุดทางเดินของชั้น ทั้งสองคนเมื่อได้กุญแจห้องก็ตั้งใจจะขึ้นไปพักผ่อนเก็บข้าวของ หนิงและกานต์ขึ้นมาบนห้องโดยมีพนักงานนำกระเป๋าขึ้นมาส่งให้ หลังจากที่พนักงานเปิดห้องแล้วนำกระเป๋าเข้าไปเก็บไว้ในห้องเรียบร้อยก็เดินกลับออกมามองหน้าสองสาว แล้วรีบเดินจากไปโดยไม่รอเงินทิป ทำให้ทั้งหนิงและกานต์ต่างก็งงมากับอาการพนักงานยกกระเป๋าเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะอยากเข้าห้องไปพักผ่อนมากกว่า ในห้องพักเป็นห้องแบบเตียงคู่หนิงเลือกนอนห้องใกล้หน้าต่าง กานต์นอนห้องติดกับผนังห้องน้ำ ในห้องมีกลิ่นสีจางๆ เหมือนเพิ่งทาสีใหม่ได้ไม่นาน ทั้งสองคนก็คิดว่าน่าจะเป็นการรีโนเวทห้องพักตามปกติของโรมแรม หนิงและกานต์นอนเล่นกันอยู่ในห้อง เพราะช่วงเช้าของวันนี้ยังไม่มีกิจกรรมอะไรจะมีก็ช่วงเย็นเป็นงานเลี้ยงต้อนรับ ซึ่งทั้งสองวางแผนไว้ว่าหลังจากเข้าร่วมงานช่วงเย็นซักพักก็จะออกไปเดินเที่ยวในเมืองตกเย็นทั้งหนิงและกานต์ลงมาร่วมงานเลี้ยงที่ทางทีมงานจัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรม สองสาวเข้าไปร่วมรับประทานอาหารได้ซักพักก็ออกไปเดินเที่ยวในเมืองอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
หลังจากที่หนิงและกานต์ไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินเสร็จก็กลับมายังโรงแรม ซึ่งตอนนั้นเวลาประมาณสี่ทุ่มกว่าที่ล็อบบี้โรงแรมก็เงียบไม่มีเพราะแทบจะไม่มีใครออยู่แล้ว บรรยากาศเลยดูวังเวงกว่าเมื่อตอนกลางวัน ทั้งสองเลยกดลิฟท์เพื่อที่จะขึ้นไปยังห้องพักเมื่อเข้าห้องทั้งสองก็แยกย้ายกันทำภาระกิจส่วนตัวเพื่อที่จะได้รีบเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปร่วมสัมนาตั้งแต่เช้า เมื่อทั้งคู่จัดการภาระกิจส่วนตัวเสร็จก็เตรียมตัวเข้านอน โดยดับไฟในห้องเปิดไว้แค่เพียงไฟห้องน้ำเพื่อให้มีแสงสว่างให้พอมองเห็น แต่ทั้งหนิงและกานต์ก็ยังไม่หลับ ก็นอนคุยกันไปเรื่อยเปื่อย เมื่อคุยกันไปซักพักหนิงก็สังเกตว่าเสียงของกานต์นั้นเงียบไป เธอคิดว่ารุ่นพี่ของเธอนั้นหลับไปแล้ว เมื่อชะโงกหน้าไปมองก็เห็นว่ากานต์นั้นนอนหันหน้าเข้าผนังไปซะแล้ว หนิงก็เลยไม่ได้สนใจก็เตรียมตัวนอนบ้าง นอนไปได้พักใหญ่ๆ หนิงก็รู้สึกว่ามีเสียงคนเดินอยู่ในห้อง เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาดูก็พบว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเดินวนอยู่ที่ปลายเท้าของเธอทั้งสองคน ผู้หญิงคนนั้นสวมชุดคลุมสีแดงยาว ตัวของเธอนั้นขาวซีด ผมยาวประบ่า เดินก้มหน้าวนไปวนมาแล้วก็ไปหยุดที่ปลายเท้าของกานต์ ตอนนั้นหนิงทำอะไรไม่ถูกได้แต่นอนจ้องนิ่งอยู่อย่างนั้น หญิงสาวชุดแดงยืนนิ่งที่ปลายเท้าของกานต์อยู่ครู่หนึ่งก็ค่อยๆ ก้มลงไปมองที่หน้าของเธอจนหน้าเกือบจะชิดติดกัน แล้วก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับค่อยๆ เดินมาทางเตียงของหนิงตอนนั้นหนิงพยายามที่จะดึงเอาผ้าห่มมาปิดหน้า แต่ตัวเธอนั้นไม่สามารถขยับได้ทำได้เพียงแค่หลับตา แต่หนิงก็ยังรู้สึกว่าผู้หญิงคนนั้นมายืนอยู่ข้างเตียงของเธอ เพราะมีเส้นผมมาเขี่ยที่หน้าของเธอ หนิงคิดว่าน่าจะเป็นเส้นผมของผู้หญิงคนนั้นแน่นอน ตอนนั้นเองหนิงพยายามที่จะดิ้นจนหลุดจากพวังค์ เธอร้องกรี๊ดลั่นห้องพร้อมกับกระโดดไปที่เตียงของกานต์พร้อมกับเปิดไฟสว่างทั้งห้อง หนิงมองไปรอบๆ ห้องหาร่างของหญิงสาวในชุดสีแดงแต่ก็ไม่เห็นแล้ว เธอเลยตัดสินใจชวนกานต์ลงไปที่ล็อบบี้อีกรอบเพื่อสอบถามกับพนักงานว่าห้องนี้เคยมีอะไรมาก่อนไหม เมื่อลงไปเจอหน้าพนักงานหนิงก็ร้องไห้โวยวายเป็นการใหญ่ พร้อมทั้งถามเกี่ยวกับประวัติของห้องนี้ แต่พนักงานก็ได้แต่บอกว่าไม่มีอะไรน่าจะเป็นเพราะนอนต่างที่มากกว่าเลยฝันไป ได้แต่บอกให้หนิงกับกานต์กลับขึ้นไปนอน แต่ตอนนั้นทั้งสองคนยืนยันว่าไม่ยอมกลับขึ้นไปที่ห้องอีกเด็ดขาด
จนหนิงเริ่มสงบสติอารมณ์ลงได้ก็มานั่งคุยกับกานต์ถึงเรื่องที่เกิดขึ้น กานต์จึงเล่าให้หนิงฟังว่าตอนที่นอนคุยกันอยู่นั้นเธอหันหน้าไปทางที่หนิงนอน ซึ่งด้านหลังเป็นหน้าต่างกานต์เห็นมีผู้หญิงใส่ชุดสีแดงยืนอยู่ที่หน้าต่าง ซึ่งหน้าต่างนั้นอยู่ที่ชั้น 3 ด้านนอกไม่มีที่ให้คนไปยืนได้เธอเลยตัดสินใจหันหน้าเข้าผนังแทน หนิงและกานต์เลยไปคะยั้นคะยอถามกับพนักงานอีกคน ครั้งนี้ก็ได้รับคำตอบว่าห้อง 317 นั้นเคยมีผู้หญิงทำงานกลางคืนมานอนกับแขกแล้วก็เสียชีวิตในห้องนี้ ซึ่งปกติแล้วห้องนี้จะไม่เปิดให้แขกพักแต่คราวนี้มีการจองห้องเข้ามาเยอะเลยต้องเปิดให้เข้าพัก พร้อมทั้งกล่าวขอโทษทั้งคู่ เป็นการใหญ่ หนิงกับกานต์จึงตัดสินใจนั่งอยู่ที่ล็อบบี้จนเช้าแล้วให้พนักงานพาขึ้นไปที่ห้องเพื่อเก็บของออกจากห้อง เพื่อย้ายไปพักที่โรงแรมใหม่ทันที