4 ข้อผิดพลาดจากการทำเกษตรพอเพียง
สำหรับมนุษย์เงินเดือนแล้วเราก็อยากมีความเจริญก้าวหน้า อยากได้เลื่อนตำแหน่ง อยากได้เงินเดือนขึ้นมากๆ กันทุกคน
แต่ความเจริญก้าวหน้าก็ต้องใช้ความพยายามและแบกรับความรับผิดชอบรวมทั้งความกดดัน ที่บริษัทคาดหวังผลงานอันยอดเยี่ยมที่จะได้จากเรา
หลายๆคนพอได้ยินเรื่องเกี่ยวกับการทำเกษตรทฤษฎีใหม่แบบที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ท่านได้วางแนวทางไว้ให้ก็รู้สึกมีความหวัง อาจจะฝันถึงชีวิตที่เป็นอิสระเรียบง่ายไม่ต้องถูกกดดัน
แต่ชีวิตมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเมื่อผมตัดสินใจวางแผนเก็บเงินและมุ่งไปสู่ชีวิตที่ใฝ่ฝันอย่างมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
สุดท้ายเศรษฐกิจพอเพียงเกษตรทฤษฎีใหม่ที่ผมหวังและฝันไว้ก็ต้องจบลงเร็วกว่าที่คิด
มีหลายอย่างที่ผมทำพลาดที่อยากจะเล่าให้ฟัง
1 หลักการผิดจะทำอะไรก็ผิด
การที่เรามุ่งแต่อยากจะมีชีวิตที่อิสระอยากลาออก อยากทำในสิ่งที่ชอบ แต่เรายังไม่เข้าใจหลักการที่แท้จริง ยังไม่เข้าใจปรัชญาของมัน ยิ่งทำก็ยิ่งหลงทาง พอหลงทางก็ท้อ แล้วสุดท้ายก็ต้องถอย
โดยปกติแล้วการทำเกษตรแบบพึ่งพาตัวเองไม่สามารถที่จะเริ่มต้นด้วยการหวังผลกำไรได้ ทุกอย่างต้องค่อยเป็นค่อยไป ต้องเกื้อหนุนกัน รวมทั้งต้องมีบริบทของสังคมเข้ามาเกี่ยวด้วย การทำเกษตรทฤษฎีใหม่จึงจะไปรอด หัวเดียวกระเทียมลีบสุดท้ายก็สู้ไม่ไหว
2 เลือกที่ดินไม่เป็น
ถ้าดูจากรูปก็จะเห็นว่าต้นไม้ขึ้นรกเขียวไปหมด แถมยังมีน้ำขังอยู่ตามผิวดินซึ่งดูเหมือนว่ามันจะอุดมสมบูรณ์ดีไม่ว่าปลูกอะไรก็น่าจะงอกงามดี
อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น การที่ผมไปดูที่ในฤดูฝนเป็นความผิดพลาดอย่างแรง ความจริงเราควรจะไปดูตอนฤดูแล้ง เราจะได้เห็นความจริงทั้งหมด กว่าจะรู้ว่าที่ดินผืนนี้เป็นดินดาน ดินหมดสภาพ ปลูกต้นไม้ได้ยาก ผมก็ได้จ่ายเงินซื้อไปแล้ว
3 คิดแต่จะทำยังไม่รู้ว่าจะขายที่ไหน
การที่เราย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในชุมชนอื่น เราต้องเข้าใจว่าเราไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่คนคุ้นเคย ไม่ใช่คนท้องที่ ดังนั้นความเอื้อเฟื้อที่เราได้รับมันก็อาจจะไม่เพียงพอที่จะให้เราผลิตสินค้าเกษตรแล้วสามารถเอาไปขายได้
สินค้าเกษตรจำเป็นต้องมีตลาดที่เราสามารถจะระบายสินค้าออกไปขายได้แต่เราจำเป็นต้องรู้สภาพความเป็นอยู่ของคนในท้องถิ่นว่าเขาอยู่เขากินกันอย่างไร เขาซื้ออะไรกันที่ไหน อะไรที่คนท้องถิ่นชอบอะไรที่คนในท้องถิ่นไม่ชอบ
เรื่องพวกนี้ต้องใช้เวลาและต้องมีความเข้าใจในชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนจริงๆ เราจึงจะสามารถแทรกตัวเข้าไป แล้วมีช่องทางขายของได้
พอปลูกพืชมากๆ มีคนผลิตออกมาไปถามใครก็ไม่มีใครอยากซื้อแค่นี้ก็ท้อแล้ว เราไม่มีรายได้เข้ามามีแต่เงินที่ต้องลงทุนไป ก็ยิ่งทำให้เสียกำลังใจเข้าไปใหญ่ กลัวเงินจะหมด
นี่มันไม่น่าจะใช่ชีวิตที่เราใฝ่ฝันหา ทำไมทำแล้วมันเครียดกว่าเดิม
4 ไม่มีแหล่งน้ำให้ใช้ในการอุปโภคและทำการเกษตร
โดยปกติแล้วถ้ามีสระน้ำไว้เก็บน้ำฝนก็คงจะสามารถมีน้ำใช้ในช่วงหน้าแล้งได้แต่ในเมื่อเราคาดการณ์ผิดเพราะไม่มีประสบการณ์ทุกอย่างจึงมีแต่ปัญหา พ่อขุดสระแล้วแผนที่สระน้ำของเราจะมีปลาแหวกว่ายน้ำจะใสเหมือนสระของคนสวนข้างๆ น้ำกลับขุ่นและไม่ยอมตกตะกอนนำมาใช้ประโยชน์อะไรก็ไม่ได้
สาเหตุเนื่องจากดินมีสารแขวนลอยบางอย่างที่ทำให้ไม่ตกตะกอนหรือถ้าจะให้ตกตะกอนก็คงต้องใช้เวลาเป็น 10 ปีเหมือนสระข้างๆบ้าน
เมื่อไม่มีแหล่งน้ำก็จำเป็นต้องเจาะน้ำบาดาลใช้ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในการติดตั้งเครื่องสูบน้ำและค่าไฟที่แต่ละเดือนก็ต้องจ่ายออกไปโดยที่ไม่มีรายรับเข้ามา
การมองข้ามเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างเรื่องน้ำใช้ก็ทำให้ทุกอย่างผ่านไปหมด น้ำใต้ดินที่สูบขึ้นมาใช้ก็มีหินปูนมากความจริงไม่ค่อยเหมาะที่จะนำมาใช้ทำการเกษตรเพราะว่าพืชจะดูดซึมได้น้อยกว่า แถมมีปัญหาหินปูนเกาะตามก๊อกน้ำสุขภัณฑ์ต่างๆ เป็นปัญหาที่แก้ไม่ได้จริงๆ
ในท้ายที่สุดแล้วความเครียดรุมเร้าความอดทนก็ถึงที่สุด ทางสุดท้ายที่จะทำได้ก็คือการขายที่ดินเพื่อให้ได้เงินกลับคืนมาแล้วนำไปเริ่มต้นใหม่ในที่ที่ดีกว่าเดิม
แต่การขายที่ดินจำนวน 8 ไร่กลับบ้านอีก 1 หลังก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ต้องใช้เวลานานถึง 2 ปีจึงจะขายที่ดินนี้ได้
แล้วเรื่องการตัดสินใจซื้อที่ดินคงจะเป็นเรื่องเดียวที่ผมตัดสินใจถูก เพราะที่ดินที่ผมได้มาเป็นทำเลที่ดีอยู่ติดถนนใหญ่ และราคาไม่แพง
ตอนที่ขายจึงได้กำไรเป็นเท่าตัวและได้นำเอาเงินก้อนนี้ไปใช้เดินตามความฝันที่เคยทำพลาดมาแล้วให้เป็นจริงให้ได้สักที