ทำในสิ่งที่รักแล้วเงินจะมาเองถ้าคิดแค่นี้ยังรวยไม่ได้
คำว่า"ศิลปินไส้แห้ง"ก็เกิดจากการทำในสิ่งที่รักแต่ไม่มีความคิดสร้างสรรค์มากพอที่จะทำให้เงินไหลเข้ามาได้จากความสามารถของตัวเองที่มีมากอย่างล้นเหลือ
ถ้าคิดว่าการทำในสิ่งที่รักแล้วจะทำให้เป็นสิ่งที่ทำสร้างรายได้ให้กับเรา คุณอาจลืมไปว่ายังมีคนอื่นที่เขาก็รักในสิ่งเดียวกันกับคุณที่เป็นคู่แข่งอยู่ในตลาดจำนวนมากมาย
ลูกค้าเขาไม่ได้สนใจว่าคุณจะรักในสิ่งที่คุณทำมากแค่ไหน แล้วลูกค้าสนใจอะไร
ลูกค้าสนใจว่าสิ่งที่คุณทำจะช่วยให้ชีวิตของเขาดีขึ้นได้อย่างไร
นี่คือประเด็นสำคัญที่ต้องไม่ลืมว่าคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่จะต้องสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างเข้าอกเข้าใจเสมือนว่าเราเป็นลูกค้าเสียเอง
คนที่สามารถแก้ปัญหาให้กับคนอื่นได้ย่อมมีโอกาสมีที่ยืนในโลกของการทำธุรกิจเสมอ
คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่ก็ไม่ได้คิดอะไรใหม่ ส่วนมากก็ต่อยอดจากสิ่งที่เคยมีมาก่อน
สมัยก่อนมี yahoo เดี๋ยวนี้ google ก็มีได้
สมัยก่อนมีร้านเช่าวีดีโอแมงป่องเดี๋ยวนี้ก็มี netflix ให้ดูถึงบ้าน
เมื่อก่อนHi5โด่งดังมากเดี๋ยวนี้ก็มี facebook ขึ้นมาอีก
ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยมีร้านสะดวกซื้อสมัยก่อนร้านขายของชำก็มีอยู่ทั่วไป แต่ทำไมจึงเกิดร้านสะดวกซื้ออย่างเซเว่นอีเลฟเว่นขึ้นมาได้
เพราะเราสามารถพัฒนาสิ่งที่มีอยู่แล้วเดิมๆให้มันดีขึ้นได้อีก ถึงแม้จะเป็นสิ่งเดิม แต่ความต้องการของมนุษย์มีไม่จำกัด
คนจะซื้อคอนโดก็ไม่ได้ต้องการแค่คอนโด ยังต้องการสระว่ายน้ำต้องการเลี้ยงสัตว์ ต้องการสถานที่ออกกำลังกาย ต้องการปลูกต้นไม้ต้องการทำกับข้าว
ถ้าใครสามารถสนองความต้องการของลูกค้าได้มากกว่าครบถ้วนกว่าสมบูรณ์แบบกว่าคนนั้นก็สามารถดึงเงินจากกระเป๋าของลูกค้าได้
การทำในสิ่งที่รักนั้นเป็นประโยชน์แต่จะประสบความสำเร็จได้นอกจากคุณจะมีความโดดเด่นในสิ่งที่คุณรักจริงๆ มีคุณคนเดียวที่ทำได้ นอกจากนั้นสิ่งที่รักที่คุณมีต้องตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าให้ได้มากที่สุดด้วย
คุณจึงจะประสบความสำเร็จในโลกของการทำธุรกิจในปัจจุบัน