คุยกันทุกวัน แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้า " โรคกลัวการผูกมัด "
แค่ขึ้นหัวข้อมา หลายๆคนคงคิดว่า มันมีจริงๆหรือ " โรคกลัวการผูกมัด " อยากจะบอกว่า มันมีนะคะ !! บางคนคุยมาตั้งนาน คุยยังไง ก็ไม่ได้คบสักที ไม่มีสถานะที่ชัดเจน ดังเพลงของคุณเป๊ก ผลิตโชค ที่ร้องว่า " ไม่ต้องรู้ว่าเราคบกันแบบไหน ไม่ต้องหาถ้อยคำใดมาอธิบาย " 😅
คุยกันทุกวัน แต่ความสัมพันธ์ไม่คืบหน้า พอจะถามๆว่าจะคบกันในสถานะไหน ก็เปลี่ยนเรื่องตลอดหรือเงียบหายไปทุกที มันแปลกๆ ไหมล่ะคะ ?
ปกติคนเราเวลาคุยกับใครก็คงจะต้องการความชัดเจนถูกไหมคะ ? และวันนี้แหล่ะ เพจของเราจะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับโรคกลัวการผูกมัดกัน ว่ามันคืออะไร แล้วมันเป็นอย่างไร ?
โรคกลัวการผูกมัด หรือชื่อในภาษาอังกฤษเรียกว่า Commitment phobia คือ เป็นสภาวะที่กลัวการผูกมัด หรือการตกลงปลงใจ พูดง่ายๆเลยก็คือ กลัวการที่จะต้องผูกมัดตัวเองกับคนอื่น ซึ่งอาการกลัวที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่แค่เฉพาะการกลัวความสัมพันธ์ที่ต้องผูกมัดกับคนอื่นอย่างเดียว
แต่ยังรวมไปถึงการกลัวการตัดสินใจเรื่องสำคัญต่างๆในชีวิตอีกด้วย และคนที่เป็นโรคนี้ มักจะมีความอึดอัด กังวลใจ วิตกกังวล ไม่สบายใจ จนทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้นั่นเองค่ะ
🔥 สาเหตุของโรคกลัวการผูกมัด 🔥
โรคนี้มันสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งกับผู้หญิงและผู้ชาย ทุกสถานภาพ และสาเหตุของโรคนี้มีหลากหลายสาเหตุมากๆ ทางเพจของเราจึงจะสรุปคร่าวๆไว้ดังนี้
1. เคยมีประสบการณ์ที่ถูกตัดความสัมพันธ์มาก่อน โดยที่ไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้า
2. เติบโตมาในครอบครัวที่แตกแยก พ่อแม่หย่าร้างกัน
3. มีประสบการณ์ด้านความรักและความสัมพันธ์ในเชิงลบมากกว่าเชิงบวก
4. เคยถูกคนไกล้ชิดหรือคนที่รัก และไว้ใจมากๆ หักหลังมาก่อน เลยทำให้เชื่อใจใครได้ยาก
5. เคยตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่และสำคัญที่สุดในชีวิตมาก่อน
🔥 แล้วโรคนี้มันมีอาการอย่างไร 🔥
ทีนี้เรามาลองสังเกตุอาการกัน หากใครมีอาการหรือพฤติกรรมแบบนี้บ่อยๆ อาจจะเป็นไปได้ว่า คุณอาจจะเป็นโรคกลัวการผูกมัดอยู่
1. คุณไม่เคยตกลงคบกับใครจริงจัง
2. มักจะไม่ชอบและไม่เคยนัดเดท หรือนัดเที่ยว ล่วงหน้ากับใครมาก่อน
3. เป็นคนที่ชอบรักษาระยะห่างอยู่ตลอด ไม่ชัดเขนในความสัมพันธ์ บางทีก็ดูเหมือนจะสนใจ มีใจ แต่บางทีก็เหมือนไม่ใส่ใจ
4. มักจะมีคำพูดว่า " บางที " " ไม่แน่ " " อาจจะ " ติดปากเสมอ
5. มีพฤติกรรมเจ้าชู้ ชอบเปลี่ยนคู่นอน เปลี่ยนคนคุย หรือมีพร้อมๆกันหลายคนได้
6. จะไม่ยอมเปิดเผยความในใจให้คนที่กำลังคุยอยู่ได้รู้ว่าตนเองรู้สึกอย่างไร มากน้อยแค่ไหน
7. จะพยายามไม่เอาตัวเองไปผูกมัดหรือยึดติดกับคำว่ารัก หรือการกระทำที่แสดงออกว่ารัก ห่วงใย ใส่ใจ
8. เป็นคนที่คาดเดาได้ยาก เอาแน่เอานอนไม่ได้
9. หากแม้ว่าจะตกลงคบกับใครจริงจัง แต่หลังจากนั้นไม่เกินสัปดาห์ความสัมพันธ์มักจะพังลงเสมอ
10. เป็นคนที่มีเพื่อนน้อยมากๆ หรือแทบไม่มีเลย
11. มักจะเป็นคนจบความสัมพันธ์หรือหนีหายไปจากความสัมพันธ์ หรือสถานการณ์ต่างๆที่ต้องตัดสินใจเลือก
12. กลัวการสัญญา เวลาที่จะให้สัญญามักจะเงียบตลอด
13. ไม่อยากให้ครอบครัวรับรู้ ไม่พาไปรู้จักกับครอบครัวหรือเพื่อนของเขาเลย
14. พอเริ่มจะจริงจัง ต้องการความชัดเจนจากเขา เขาจะรีบตีตัวออกห่าง อยู่ดีๆก็หาย ไลน์ไม่ตอบ !!
🔥 แล้วโรคนี้ถ้าเป็นแล้วรักษาหายหรือไม่ ? 🔥
จริง ๆ แล้วโรคนี้มีสิทธิ์หายได้ค่ะ หลักในการรักษาโรคลักษณะนี้คือ ต้องใช้วิธีปรับพฤติกรรม ขจัดความกลัวต่างๆ ปรับความคิดใหม่ ขจัดความกังวลที่เคยมีอยู่ให้หายไป
หรืออาจจะลองเขาไปรับการบำบัดตามหลักจิตวิทยา เพื่อไม่ให้รู้สึกเจ็บปวดหรือรู้สึกกลัวกับอดีตที่ผ่านมา ใหน้อยลง แล้วจะช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตในด้านคสามสัมพันธ์กับผู้อื่นได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
หรือทั้งนี้อาจจะให้คนไกล้ตัว ไม่ว่าจะเป็นคนรัก คนในครอบครัว เพื่อนๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเขาได้นะคะ ลองเปิดใจเข้าไปพูดคุยหรือทำความเข้าใจกับเขาให้มากขึ้นค่ะ
🔥 อยากมีรักแบบจริงจัง จะออกจากโรคกลัวการผูกมัดได้อย่างไร 🔥
อันดับแรกเลย หากคุณเป็นโรคนี้ คุณต้องเริ่มที่ตัวเองก่อนค่ะ ด้วยการยอมรับตัวเอง ยอมรับในสิ่งที่คุณเป็น และปล่อยอดีตให้มันเป็นเพียงอดีต อย่าไปยึดติด และพยายามหากิจกรรมต่างๆทำ เช่น อาจจะเป็นสิ่งที่คุณชอบ การดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย ออกไปพบปะเพื่อนฝูง
เพื่อที่จะทำให้คุณไม่ต้องมานั่งคิดหรือนึกถึงเรื่องราวที่เลวร้ายในอดีตที่มันเคยเกิดขึ้นกับคุณ จงปล่อยวางและอย่าเอาความเจ็บปวดในอดีตมาบั่นทอนพลังในตัวคุณนะคะ
🔥 จะรับมืออย่างไร หากคนคุยหรือแฟนของคุณเป็นโรคกลัวการผูกมัด 🔥
1. ให้เวลาช่วยค่ะ ให้เวลาในการศึกษานิสัยใจคอกันให้มากขึ้น พยายามพูดคุยกับเขาบ่อยๆ ให้รู้ว่าเขาชอบอะำรบ้าง ไม่ชอบอะไรบ้าง
2. อย่าไปเร่งรัดเขามากเกินไป ให้ความสัมพันธ์มันดำเนินไปแบบค่อยเป็นค่อยไปค่ะ
3. พยายามทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน จูนหรือปรับทัศนคติเรื่องความรักร่วมกันใหม่
4.หากิจกรรมต่างๆทำร่วมกัน เพื่อกระชับความสัมพันธ์ค่ะ
ที่มา: psychologytoday, psychcentral