ย้ายประเทศดีกว่าอยู่ไทยจริงหรือ?
ประสบการณ์จากผู้ไปใช้ชีวิตต่างแดนจริง ได้ข่าวว่ามีประชากรบางกลุ่ม จะย้ายไปอยู่ต่างประเทศกันเหรอครับ เตือนแล้วนะว่ามันไม่สวรรค์อย่างที่คิด!!!! ถ้าคิดจะย้ายไปอยู่ที่อเมริกา พฤติกรรมแรกที่ควรปรับเปลี่ยนให้ได้เลยก็คือ
1. เลิกทานข้าวนอกบ้าน แล้วหัดทำกับข้าวรับประทานเองที่บ้านให้ได้ก่อน เพราะการรับประทานอาหารตามร้านข้างนอกของชาวอเมริกัน ถือว่าเป็นมื้อที่ฟุ่มเฟือยที่สุด เพราะมันไม่ใช่แค่จ่ายค่าอาหารตามบิลแล้วจบกันไป คุณยังต้องจ่ายค่าทิปให้พนักงานเสิร์ฟอย่างน้อย 10% ของค่าอาหารด้วย เพราะว่าพนักงานเสิร์ฟตามร้านส่วนใหญ่ ไม่มีค่าจ้างหรือมีแต่ก็น้อยมาก เขาอยู่ได้ด้วยเงินค่าทิปที่ลูกค้าไปใช้บริการนะครับ ดังนั้น หัดทำกับข้าวกินกันเองที่บ้านใก็ได้ คือ ประหยัดที่สุดแล้ว
2. ถ้าไม่อยากหมดตัวกับค่ารักษาพยาบาลสุดมหาโหด ก็ซื้อประกันสุขภาพเอาไว้ด้วย เพราะอย่างน้อยมันก็ช่วยผ่อนหนักผ่อนเบาเรื่องค่ารักษาพยาบาลลงไปบ้าง แม้จะเคลมได้ไม่เต็มจำนวนก็ตาม แต่ระวัง surprise bill นะครับ เพราะเวลาที่โรงพยาบาลกับประกันเคลียร์ค่าใช้จ่ายแล้ว มีบางรายการที่เบิกไม่ได้ เขาจะส่งบิลมาเก็บเงินกับคุณถึงที่บ้าน ไอ้ที่ว่ารักษาฟรี ไม่คิดเงินเพราะสวัสดิการดี มันไม่มีจริงหรอกครับ ถึงคุณไม่จ่าย แต่คุณควรรู้ว่า ประชาชนผู้เสียภาษีเขาต้องมาจ่ายแทนคุณด้วยการนำเงินภาษีที่ควรจะนำไปพัฒนาอย่างอื่นมาเสียให้กับความไม่รับผิดชอบของคุณเองนะครับ
3. ไม่มีใบสั่งยาจากแพทย์ ซื้อยาทานเองไม่ได้ เนื่องจากยาบางชนิด (แม้จะเป็นยาง่ายๆ บ้านไปในไทย) ต้องใช้ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์เท่านั้นครับ แล้วอย่าคิดว่ารับประทานยาเหลือแล้ว พอป่วยซ้ำโรคเดิม คุณเอายาเก่าที่ยังเหลือมาทานต่อไม่ได้นะครับ เพราะถ้าหากมีการตรวจสุขภาพประจำปี แล้วพบสารบางอย่างจากยาที่คุณรับประทานเข้าไป แพทย์มีสิทธิ์เรียกดูใบสั่งยาจากคุณได้ หากตรวจสอบช่วงเวลาที่พบสารในเลือด ไม่สัมพันธ์กับช่วงเวลาในใบสั่งยา ถือว่าคุณทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษทันที และโทษทางกฎหมายที่นั่นแรงกว่าบ้านเรานะครับ
4. การบูลลี่ การเหยียดสีผิว บอกเลยว่ามันมีอยู่จริงไม่อิงนิยายครับ ผมโดนมาแล้วเหมือนกัน เดินกลับที่พักจากซุปเปอร์มาร์เก็ต มันขับรถยนต์ผ่านแล้วเปิดกระจกตะโกนใส่หน้าพร้อมชูนิ้วกลางใส่เลยครับ อย่างที่เคยเขียนให้อ่านไปเมื่อคราวก่อน พวกเรามันคนเอเชีย ผมดำ ตาดำ ผิวเหลือง ต่อให้คุณได้สัญชาติของที่นั่น ฝรั่งดั้งขอมันไม่นับญาติกับพวกเราหรอกครับ ถ้าคุณยังจำข่าวว่ามีคนไทยสัญชาติอเมริกันถูกรุมทำร้ายจนตายในซานฟรานซิสโกเมื่อช่วงเดือนกุมภาฯ ที่ผ่านมา หรือมีการปล้นร้านขายของชำที่เปิดให้บริการโดยชาวเอเชีย นั่นแหละ คือ การเหยียดสีผิว การเหยียดเชื้อชาติอย่างหนึ่งแหละครับ
5. ถ้าไม่มีเลขประกันสังคม (Social Security) คุณจะหาสมัครงานได้ ยากมากๆ และไม่มีนายจ้างที่ไหนอยากรับคุณเข้าทำงาน เพราะการจ่ายเงินเดือน ค่าจ้างของที่นั่น จะต้องเชื่อมต่อกับฐานข้อมูลของสรรพากรเลยครับ ทุกครั้งที่มีการจ่ายเงินเดือนก็จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายทันที และการทำงานของที่อเมริกา หากคุณไม่ได้วีซ่าทำงาน (ที่ต้องใช้คู่กับ work permit) หรือไม่ได้กรีนการ์ด หรือไม่ได้ถือสัญชาติอเมริกัน คุณจะถูกจำกัดชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์ได้ไม่เกิน 32 ชั่วโมงต่อเดือน (จริงๆ จำไม่ได้แล้วครับว่าจำนวนชั่วโมงคือเท่าไรกันแน่ แต่ตอนไปได้วีซ่า J-1 เขาให้ทำงานได้ไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวันครับ) นั่นหมายความว่า คุณจะไม่สามารถไปหางานประจำทำได้เลย นอกจากทำงานประเภทขายแรงงานหรืองานพาร์ทไทม์ไปให้พอประทังชีวิตครับ หลักๆ ก็จะมาแบ่งปันประสบการณ์ในต่างประเทศที่เคยได้ไปสัมผัสมาอย่างสั้นๆ ตอนไป work and travel เมื่อปี 2009 มาครับ ก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ย้ายไปอยู่ต่างประเทศนะครับ
แต่บอกไว้ก่อนเลยว่า
"มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกครับ ทั้งการทำเรื่องเพื่อไปอยู่ถาวร และการใช้ชีวิตในสังคมใหม่ในต่างแดน"
ขอบคุณภาพข้อมูล