หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รัดเท้า : ประเพณีที่โหดร้ายต่อผู้หญิงจีนในประวัติศาสตร์

แปลโดย OneOne

การกดกี่ทางเพศที่ปรากฎในประวัติศาสตร์จีนมี 3 อย่างคือ หนึ่งคือโสเภณี สองคือขันที และสามคือการรัดเท้าของผู้หญิง ทั้งสามอย่างนี้ ในต่างประเทศก็มีโสเภณีและขันที แต่การรัดเท้ามีเฉพาะในประเทศจีนโบราณเท่านั้น ดังนั้น ในอดีตชาวต่างชาติมักใช้ผมเปียยาวของผู้ชายจีนและเท้าเล็กๆ ของผู้หญิงจีนเป็นสัญลักษณ์ของความโง่เขลาและความล้าหลังของจีน

ในประเทศจีน การรัดเท้าของผู้หญิงมีประวัติความเป็นมาอันยาวนาน ในสมัยโบราณ คนทั่วไปถือว่าผู้หญิงยิ่งเท้าเล็กยิ่งสวย และถือว่าการรัดเท้าของผู้หญิงเป็นสิ่งที่ต้องทำ จึงไม่ลังเลที่จะทนกับความเจ็บปวดจากการรัดเท้า เรียกเท้าที่รัดไว้ว่าเป็น "ดอกบัว" และขนาดเท้าที่แตกต่างกันคือ "ดอกบัว" ต่างชนิดกัน เท้าที่ใหญ่กว่า 4 นิ้วคือ "บัวเหล็ก" เท้าที่มีขนาด 4 นิ้ว เรียกว่า "บัวเงิน" และเท้าที่มีขนาด 3 นิ้ว เรียกว่า "บัวทอง" คำว่า "บัวทอง 3 นิ้ว” ไม่เพียงขนาดเท้า 3 นิ้วเท่านั้น แต่ยังต้องโค้งงออีกด้วย "บัวทอง" ขนาด 3 นิ้วถือเป็นเท้าที่สวยที่สุดของผู้หญิงจีนในเวลานั้น

หลักฐานทางประวัติศาสตร์จำนวนมากพิสูจน์ให้เห็นว่าผู้หญิงจีนไม่ได้รัดเท้าก่อนราชวงศ์ซ่ง หลังจากราชวงศ์ซ่งจนถึงสาธารณรัฐจีน การรัดเท้าของผู้หญิงได้รับความนิยม ฮองเฮาแซ่หม่าของจูหยวนจางไม่ได้รัดเท้า จึงถูกผู้คนเยาะเย้ยว่า "หม่าเท้าใหญ่"

หลังจากชนเผ่ามองโกเลียเดินทางเข้าสู่ที่ราบภาคกลาง (ตงง้วน) ผู้หญิงของมองโกเลียก็ไม่รัดเท้า แต่ก็ไม่ต่อต้านประเพณีรัดเท้าของชาวฮั่น ตรงกันข้ามเขายังคงชื่นชม ด้วยเหตุนี้ ทำให้รูปแบบการรัดเท้าในสมัยราชวงศ์หยวนมีการพัฒนาต่อไป ปลายสมัยราชวงศ์หยวนเกิดแนวความคิดที่ว่า การไม่รัดเท้าเป็นความอับอาย การรัดเท้าของผู้หญิงในสมัยราชวงศ์หยวนยังคงพัฒนาไปในทิศทางที่ยิ่งเล็กยิ่งสวย แต่ก็ยังมีหลายคนที่ไม่รัดเท้า โดยเฉพาะทางตอนใต้ของเจ้อเจียงและหลิงหนาน

สมัยราชวงศ์หมิง การรัดเท้าของผู้หญิงเข้าสู่ช่วงรุ่งเรือง และพัฒนาอย่างรวดเร็ว ช่วงปลายราชวงศ์หมิง จางเซี่ยนจงเข้ายึดครองเสฉวน การรัดเท้าของผู้หญิงนั้นเจริญรุ่งเรืองในเสฉวน ช่วงเวลานี้ ยังมีข้อกำหนดบางประการสำหรับรูปร่างของเท้าคือ เท้าของผู้หญิงต้องไม่เล็กเพียงอย่างเดียว ต้องรัดให้เหลือ 3 นิ้ว และโค้งงอด้วย การรัดเท้าของผู้หญิงกลายเป็นแฟชั่น โสเภณีข้างถนนล้วนใช้เท้าเล็กๆ เป็นเครื่องมือในการประจบประแจงผู้ชาย

ถึงสมัยราชวงศ์ชิง มีนโยบายห้ามไม่ให้มีการรัดเท้า แต่เนื่องจากประเพณีนี้ฝังรากลึกในสังคมมาเป็นเวลานาน การห้ามนี้จะไม่สำเร็จ การรัดเท้าของผู้หญิงมีอยู่จนถึงช่วงปีแรกๆ ของสาธารณรัฐจีนในศตวรรษที่ 20 และค่อยๆ ถูกห้าม จนประเพณีนี้ถูกยกเลิกไปทั่วประเทศ แต่ก็ยังคงมีเหลืออยู่ไม่กี่แห่งในพื้นที่ห่างไกล

ในอดีตเด็กผู้หญิงมักจะเริ่มรัดเท้าเมื่ออายุประมาณ 5 หรือ 6 ขวบ วิธีการคือใช้แถบผ้ายาวพันนิ้วเท้าทั้งสี่นิ้วและฝ่าเท้าไปที่กึ่งกลางเท้า ซึ่งมันสร้างความเจ็บปวดมาก ปกติแล้วผู้ปกครองของเด็กจะเป็นคนทำให้ แม่หรือยายจะไม่สนใจน้ำตาและเสียงกรีดร้องของเด็ก เพราะถือว่าเป็นหน้าที่ที่ตนต้องทำ และเพื่อให้แน่ใจว่าในอนาคตเด็กจะได้แต่งงานอย่างแน่นอน

ไม่เพียงแค่นั้น บางคนถึงขั้นใช้กระดานชนวนหรือไม้ไผ่ทุบกระดูกเท้า เพื่อให้การรัดเท้าทำได้ง่ายขึ้น มีสุภาษิตกล่าวไว้ว่า: เท้าหนึ่งคู่ของผู้หญิง น้ำตาเต็มอ่าง! นี่เป็นการพรรณนาที่ไม่เกินจริงเลย สาเหตุที่ความพิการเทียมประเภทนี้ได้รับความนิยมอย่างมากก็คือ เป็นเพราะมันสร้าง "ความงามของผู้หญิง" ที่ไม่เหมือนใคร

อย่างนั้น ทำไมผู้ชายสมัยโบราณชอบ "บัวทองสามนิ้ว" ? ชื่นชมหญิง "บัวทองสามนิ้ว" เห็นแล้วเกิดอารมณ์ทางเพศที่รุนแรง

การรัดเท้าดูเหมือนจะมีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงอยู่ นั่นคือ เดินที่ไม่สะดวกเนื่องจากเท้าเล็ก การรัดเท้าของผู้หญิงสามารถป้องกันการออกนอกลู่นอกทางของผู้หญิงได้ เช่นเดียวกับที่ชายชาวยุโรปในยุคกลางทำเข็มขัดพรหมจรรย์สำหรับผู้หญิง และจริงๆแล้ว ยกเว้นผู้หญิงที่ร่ำรวยเพียงไม่กี่คนเท่านั้น ผู้หญิงเท้ารัดส่วนใหญ่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพ พวกเธอต้องพบกับความยากลำบากมากกว่าผู้หญิงปกติทั่วไป บางคนบอกว่าการรัดเท้าทำให้ผู้หญิงต้องเกร็งกล้ามเนื้อต้นขาเวลาเดิน ดังนั้นช่วยให้ช่องคลอดกระชับ เพื่อให้ผู้ชายมีความสุขทางเพศมากขึ้น

มีคำถามที่น่าคิด: ในสังคมที่ผู้ชายเป็นใหญ่ การกดขี่และทรมานผู้หญิงเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก แต่ทำไมการรัดเท้าผู้หญิงถึงมีเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น?

ความเป็นจริง ผู้หญิงทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงรูปร่างตัวเองเพื่อให้ดูสวยขึ้นนั้นเป็นเรื่องปกติ เช่น ผู้หญิงจากกลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มในแอฟริกาชื่อว่าต้องมีปากใหญ่ถึงจะสวย ก็เลยพยายามทาปากให้ดูใหญ่ขึ้น บางกลุ่มเชื่อว่าคอยาวถึงจะสวย ดังนั้นจึงใส่ห่วงที่คอเพื่อดันให้คอยาวขึ้น บางกลุ่มเชื่อว่าไม่มีฟันถึงจะสวย จึงตะไบฟันทิ้งไป ในยุโรปยุคกลางทั้งชายและหญิงเชื่อว่าเอวบางถึงจะดูดี ดังนั้นสายรัดตัวจึงได้รับความนิยม ปัจจุบันรองเท้าส้นสูงเป็นที่นิยมสำหรับผู้หญิงตะวันตก ซึ่งคล้ายกับการรัดเท้าของผู้หญิงจีนโบราณ

แปลโดย: OneOne
ที่มา: https://kknews.cc/history/vplvvnl.html
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
OneOne's profile


โพสท์โดย: OneOne
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
5 VOTES (5/5 จาก 1 คน)
VOTED: เทเลอร์ ขมิฟ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เขมรเตรียมฉาย หนังบางระจันเวอร์ชั่นเขมร อ้างหมู่บ้านบางระจันมีที่มาจากกัมพูชา!ขำสุดซอย..ฮาก๊าก..คลายเครียด!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
แล้งหนัก...ประปาไร้น้ำ เกาะพีพีต้องซื้อน้ำใช้ช็อตฮาประชาชี : บ้านญาติบรรยากาศแบบนี้ ต้องหาคนมานอนเป็นเพื่อนหน่อยเน่อ ไม่งั้นหลอนแน่ๆอดีตผู้บริหารหญิง Google ไทย เมาแล้วขับ ลาออกเมื่อต้นปี..ทั้งนี้ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก!อดีตหัวหน้าพรรคคนดัง ย้ายซบ ปชป. ตอบแทนบุญคุณช่วยเป็น สส. สมัยแรก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
Huawei ทวงคืนบัลลังก์! ขึ้นแท่นอันดับ 1 ตลาดสมาร์ทโฟนจีนอีกครั้ง"ภาวะโลกเดือด" การปรับตัวในยุคที่ท้าทายสุดขีดของมนุษย์!!วิธีใช้ " ปลั๊กพ่วง " ให้ถูกวิธีกินอย่างไรไม่ให้เป็น (เบาหวาน)
ตั้งกระทู้ใหม่