เภสัชกร ก็คือ หมอยา ❣️ เลิกเลือกยาเองกันเถอะ
เป็นหวัด หรือว่ากรดไหลย้อน ⁉️
ลองมาเช็คอาการกันดีกว่าค่ะ จะได้ไม่หลงทางกับการรักษาผิดๆ
เราคิดว่าหลายคนเลยที่เมื่อมีอาการเจ็บคอ หรือแสบในลำคอ ก็จะคิดว่าเป็นหวัดลงคอ
เพื่อนๆเองเคยเป็นไม๊ล่ะคะ⁉️ ตื่นมาตอนเช้ามักจะรู้สึกเจ็บคอเวลาที่กลืนน้ำลาย หรือแสบคอ รู้สึกคอแห้งมากๆ เป็นแบบนี้ติดต่อกันหลายๆวัน
ยาตัวแรกๆ ที่มักจะถูกเลือกนำมาใช้เลย ก็คือ ยากลุ่ม Antibiotic (ยาปฏิชีวนะ : ยาฆ่าเชื้อ) โดยตัวที่นิยมอย่างแพร่หลาย คือ อะม๊อกซิซิลลิน Amoxicillin แต่คนมักเรียกจนติดปากว่า "ยาแก้อักเสบ"
อยากจะให้เลิกเรียกว่า " ยาแก้อักเสบ " ค่ะ เพราะคำนี้ตรงกับ คำว่า Anti-inflamatory drugs ซึ่งไม่ได้เป็นยาฆ่าเชื้อเลย คนรุ่นใหม่ก็ควรอัพเดทข้อมูลใหม่ที่ถูกต้องดีกว่านะคะ
ยา Amoxicillin เป็นยาปฏิชีวนะที่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เรียกว่า "ยาฆ่าเชื้อ" ดังนั้นก็จะได้ผลกับอาการเจ็บคอจากการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น หากติดเชื้อไวรัสก็จะไม่ได้ผลนะคะ
หากเริ่มรับประทานยานี้แล้ว ก็ต้องรับประทานอย่างน้อย 5-7 วัน และต้องรับประทานให้ครบDoseยา ตามที่เภสัชกรแนะนำ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยา เพื่อนๆ อย่าได้รับประทานบางมื้อ หยุดบางมื้อ หรือรับประทานแค่วัน, 2วันนะคะ ปัญหาเรื่องเชื้อดื้อยาไม่ใช่ปัญหาแค่ตัวบุคคล แต่เป็นปัญหาระดับมวลมนุษยชาติค่ะ
หลายคนที่รับประทานติดต่อกัน 5-7 วันแล้วอาการเจ็บคอก็ไม่หาย ก็มีข้อสัณนิษฐานได้ว่าไม่ได้ติดเชื้อแบคทีเรีย
แต่ถ้าได้รับการวินิจฉัยแบบละเอียดจากเภสัชกรร้านยาตั้งแต่ต้นตอนที่เพื่อนๆไปซื้อยา ก็จะได้ยาที่รักษาที่ตรงสาเหตุค่ะ
เพื่อนๆ ควรบอกเล่าอาการให้เภสัชกรฟัง รวมทั้งแจ้งยาที่เคยแพ้, อย่าได้ไปคิดเอาเองว่าตัวเองต้องกินยาอะไร หรือเลือกยาตามที่คนรู้จักบอก
อาของเราก็เคยเป็นแบบนั้นค่ะ เลือกยาเอง , ใช้ยาอยู่หลายวัน อาการเจ็บคอก็ไม่ดีขึ้น
อาการของอาก็คือ เจ็บคอ และ แสบคอ, กลืนน้ำลายก็เจ็บ , เวลากินอาหารอิ่ม ก็จะรู้สึกอยากขะย้อน จุกที่หน้าอก และมีกรดขึ้นมาที่คอ รู้สึกเปรี้ยวค่ะ
ก็อาของเราเป็นคนรุ่นเก่าน่ะค่ะ ที่ติดกับอะไรเดิมๆ คิดว่าเจ็บคอก็ต้องกิน Amoxicillin ท่าเดียว
หลังจากที่เลือกกินยา Amoxicillin 500 มิลลิกรัม หลังอาหารเช้า 2 แคปซูล กับ เย็น 2 แคปซูล กินอยู่ 7 วัน อาการต่างๆก็ยังคงอยู่ ทีนี้ก็เลยไปที่ร้านยาอีกครั้ง แต่คราวนี้ไปบอกอาการทั้งหมดให้เภสัชกรฟัง
เภสัชกรได้ซักถามเพิ่มเติม ได้แก่ มักจะแสบคอมากเวลาตื่นนอนใช่ไม๊ , หลังทานข้าวเสร็จ ได้นอนเลยหรือไม่ , ดื่มชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลังหรือเปล่า , รับประทานของร้อน ของมัน หรือรสจัดไม๊ ฯลฯ
อาของเรา ชอบดื่มชาจีนร้อนๆ , น้ำร้อนๆค่ะ และจากอาการที่อาของเราเป็นคือ หลังมื้ออาหารจะเหมือนอาหารจากกระเพาะตีกลับขึ้นมา จนรู้สึกเปรี้ยวคอ
เภสัชกรจึงวินิจฉัยว่า น่าจะเป็นกรดไหลย้อน ซึ่งคนที่เป็นนั้นเกิดจากหูรูดหลอดอาหารเสื่อม ก็เลยไม่สามารถปิดกั้นอาหารจากกระเพาะไม่ให้ขึ้นมา พบได้บ่อยในคนที่นอนหลังมื้ออาหารทันที ซึ่งที่ถูกต้องคือให้นอนหลังมื้ออาหารไปแล้ว 3-4 ชั่วโมง แต่หากจำเป็นต้องนอนเลย เช่น คนที่ทำงานเลิกดึก จำเป็นที่รับประทานอาหารแล้วต้องเข้านอนเลย ก็ให้หนุนหมอนสูงๆ ค่ะ
ลองจินตนาการดูนะคะ เหมือนเวลาเราวางสายยางรดน้ำที่ปิดก๊อกแล้วกับพื้นราบน้ำในสายยางก็จะไหลออกมาได้ใช่ไม๊คะ ก็เหมือนการที่เรากินอิ่มแล้วนอนราบนั่นแหละค่ะ
มาต่อกันนะคะ หลังจากที่เภสัชกรวินิจฉัยว่าเป็นกรดไหลย้อน ก็จ่ายยามาให้ มีทั้งยาแคปซูลลดกรด , ยาแก้จุกแน่นแบบเม็ด , ยาช่วยย่อยแบบเม็ด ฯลฯ ได้ยามาหลายอย่างอยู่ค่ะ แต่อยากหายก็ต้องกินให้ครบ และกินตามเวลาสม่ำเสมอ ไม่ใช่มีอาการทีก็กินที อย่างนั้นผิดมหันต์ค่ะ จะรักษาหรือจะแค่บรรเทาล่ะค่ะเพื่อนๆ
เภสัชกรบอกว่า การรักษาโรคกรดไหลย้อน จะต้องกินยานานหลายเดือน ถ้ากินยาหมดแล้วก็ต้องไปจ่ายยาเพิ่ม หลังจากที่อาของเราได้ยารอบแรก อาการที่เคยมีก็หายเลยล่ะ แต่อย่างที่เภสัชกรได้บอกไว้ว่าโรคนี้ใช้เวลารักษานาน อาของเราก็ยังต้องไปจ่ายยาต่อไป
ถ้าอาของเราไปบอกอาการเหล่านี้ให้เภสัชกรร้านยาตั้งแต่แรกก็คงหายไปนานแล้วไม่ต้องทนทรมาน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าอย่าอวดเก่งถ้าไม่ได้เก่งจริง ฮ่า ฮ่า ฮ่า (อาเราบอกเอง)
เรื่องยา ก็ต้องฟังผู้ที่เรียนเรื่องยามาโดยตรง ดังนั้นควรฟังเภสัชกร เลิกเถอะค่ะที่ชอบพูดกันว่า "เขาบอกมา ให้กินยาตัวนี้" , "เพื่อนบอกว่ามีอาการแบบนี้ ต้องกินยานี่" , "ยานั้นไม่เคยกิน จะกินยานี่" ฯลฯ
และอย่าเบื่อหน่ายที่เภสัชกรซักถามอาการเยอะ เพราะนั่นหมายถึงความใส่ใจ , ไม่ได้จัดยาให้แบบส่งๆ ค่ะ
ยาที่เราใช้ ก็ต้องเป็นยาที่ตรงกับโรคที่เราเป็น เภสัชกรจะเป็นคนที่วิเคราะห์ให้ จะมีรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ซึ่งคนที่ไม่ได้เรียนเรื่องยาจะไม่ทราบ อย่าใช้ยาตามเพื่อนเลยนะคะ 😁