ฉีดมาเด้คอลลาเจน (Made Collagen) แบบ 16 จุด คืออะไร? ช่วยให้หน้าใสได้จริงหรือ?
ในปัจจุบันนี้ เมโสหน้าใส มีหลากหลายยี่ห้อให้เลือก โดยยี่ห้อที่แตกต่างย่อมจะมีคุณสมบัติที่ไม่เหมือนกัน เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวหน้าที่แตกต่างกันไปด้วย ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้ให้คำตอบได้ดีที่สุดว่าคนไข้แต่ละรายควรใช้เมโส-มาเด้ยี่ห้อไหนจึงจะเหมาะสมที่สุด จากการตรวจประเมินสภาพผิวหน้า
สำหรับผู้ที่กำลังค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการฉีดมาเด้ อาทิเช่น มาเด้ คอลลาเจนคือ? รีวิวมาเด้ 16 จุด เลือกฉีดกับคลินิกที่ไหนดี? ราคาแพงไหม? ก่อนตัดสินใจทำเราควรศึกษาข้อมูลก่อนล่วงหน้า ซึ่งคำตอบต่าง ๆ เราได้รวบรวมไว้ให้ในบทความนี้แล้วค่ะ
มาเด้คอลลาเจน รีวิว หลังฉีดแล้วหน้าใสจริงหรือไม่?
หากเราศึกษาความรู้เบื้องต้น และการดูแลตัวเองหลังฉีดมาเด้คอลลาเจนให้เข้าใจก่อน ย่อมมั่นใจได้ว่า ฉีดมาเด้ ของแท้ จะได้ผลลัพธ์ที่น่าพึงพอใจ และปลอดภัยมากที่สุด รีวิว ฉีดมาเด้ กับคุณหมอปุ๋ย (คุณหมอมือเบามาก หน้าดีขึ้นหลังฉีด แถมมีสาขาใกล้บ้านด้วย)
ตัวอย่างเคสรีวิว ผลการรักษาด้วยการฉีดมาเด้ 16 จุด
การฉีด มาเด้คอลลาเจน คืออะไร?
มาเด้คอลลาเจน (Made Collagen) คือ ชื่อยาฉีดนำเข้าจากประเทศอิตาลี ที่ใช้ในการทำเมโสหน้าใสยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งจะฉีดโดยการใช้เทคนิคพิเศษ 16 จุดทั่วใบหน้า จุดเด่นของมาเด้ มีดังนี้
- ช่วยให้หน้าขาวใสขึ้นได้บางส่วน
- ช่วยลดผิวอักเสบ ลดผื่นแพ้
- ช่วยลดสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ
- สามารถขับสารพิษที่ตกค้างอยู่ในผิว อันเป็นต้นเหตุของปัญหาต่าง ๆ ของผิวหน้า
ส่วนผสมของมาเด้คอลลาเจน คืออาหารผิวหลากหลายชนิด ที่มีคุณสมบัติช่วยชะลอการเสื่อมของคอลลาเจนในผิวให้เกิดขึ้นช้าลง รวมถึงให้เซลล์ผิวได้รับการฟื้นฟูจากสารพิษที่ตกค้างเร็วยิ่งขึ้น
เปรียบเทียบระหว่าง มาเด้คอลลาเจน vs เมโสหน้าใส
ถ้าพูดถึง ฉีดเมโสหน้าใส ยี่ห้อจะมีหลากหลายให้เลือกตามปัญหาของผิวหน้า โดยในการฉีดก็จะใช้เทคนิคที่แตกต่างกันไป คุณสมบัติของตัวยาแต่ละแบรนด์ก็แตกต่างกันไปด้วย
มาเด้คอลลาเจน คือ เมโสหน้าใสยี่ห้อหนึ่ง
- การฉีดมาเด้คอลลาเจนจะใช้เทคนิคของการฝังเข็ม 16 จุดในการกระจายตัวยา ร่วมกับหลักการของ lymphatic drainage ซึ่งได้รับการพัฒนาขึ้นในประเทศอิตาลี ถือเป็นเทคนิคที่ทั่วโลกต่างนิยมใช้กันอย่างกว้างขวางจนเป็นที่ยอมรับ
- เทคนิคการฉีดมาเด้ จะอาศัยการไหลเวียนของระบบน้ำเหลือง จึงถือเป็นการฉีดเมโสหน้าใสที่ได้ผลดี นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ็บน้อยลง บวมช้ำน้อยลงอีกด้วย
- การฉีดมาเด้ไม่จำเป็นต้องสะกิดเป็นจุดเล็ก ๆ ทั่วใบหน้าแบบเมโสหน้าใสวิธีเก่า ดังนั้น เทคนิคการฉีดมาเด้ แบบ 16 จุดจึงได้รับความนิยมมากกว่าวิธีฉีดเมโสหน้าใสแบบเดิม ๆ
รีวิว Made Collagen และ LLD Fat คุณโบ้ท By V Square Clinic
การทำมาเด้คอลลาเจน ฉีดแล้วจะมีอันตรายหรือไม่? ได้ผลดีจริงไหม?
สิ่งสำคัญที่สุด คือ ห้ามฉีดมาเด้ปลอม ซึ่งตัวยาจะไม่บริสุทธิ์ มีสิ่งปนเปื้อน สำหรับคำถามที่ว่า มาเด้ ดีไหม ถ้าเราฉีดมาเด้คอลลาเจน ของแท้ 100% มั่นใจได้ว่าปลอดภัย รวมถึงผลลัพธ์ที่ได้จะเป็นที่น่าพึงพอใจ ไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดการอักเสบ บวมแดง มีผื่นขึ้นเหมือนกับการฉีดมาเด้ปลอม
การเตรียมตัวอย่างดี โดยศึกษาข้อมูลมาล่วงหน้าว่ามาเด้คอลาเจนของแท้ มีจุดสังเกตอย่างไรบ้าง นอกจากนี้ เราควรแจ้งให้แพทย์ช่วยผสมตัวยาให้เห็นต่อหน้าทุกครั้งก่อนฉีดมาเด้ จึงจะมั่นใจได้ว่าเป็นตัวยามาเด้แท้ สกัดจากธรรมชาติ ซึ่งสามารถสลายไปเองได้หมด โดยไม่มีสารตกค้างในร่างกาย
การฉีด มาเด้คอลลาเจน ราคาแพงหรือไม่? มาเด้ ฉีดครั้งละเท่าไหร่?
สำหรับการฉีด มาเด้คอลลาเจน ในปริมาณ 6 CC จะประกอบไปด้วย 3 ส่วนผสมหลัก ดังนี้
- มาเด้ ปริมาณ 2 CC
- คอลลาเจน ปริมาณ 2 CC
- เพิ่มคอลลาเจนพิเศษ (สูตรเข้มข้น) ในปริมาณ 2 CC
การฉีด มาเด้คอลลาเจน ราคา 6 CC หากเราเลือกฉีดที่ V Square clinic จะมีให้เลือกทั้งแบบ 1 ครั้ง หรือเลือกเป็นคอร์สซึ่งจะประหยัดกว่า
- ฉีดมาเด้ 1 ครั้ง ราคา 2,500 บาท
- หรือเลือกคอร์สฉีดมาเด้ 5 ครั้ง ราคาเพียง 9,900 บาทเท่านั้น
ข้อควรรู้ หลังฉีดมาเด้ ดูแลตัวเองอย่างไรดี?
หลังฉีดมาเด้เสร็จในช่วงแรก ๆ บางคนอาจจะพบตุ่มนูนเป็นรอยแดงขึ้นมา ซึ่งเกิดจากรอยเข็ม ซึ่งเราไม่ควรกังวลใจจนเกินไป เนื่องจากรอสักประมาณ 3-4 ชั่วโมงอาการตุ่มนูนแดงนี้ก็จะค่อย ๆ หายไปได้เอง ซึ่ง Made Collagen เป็นหัตถาการที่สะดวก ไม่ต้องเสียเวลาพักฟื้น และยังทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปรกติ สำหรับข้อควรปฏิบัติหลังฉีดมาเด้ ได้แก่
- หลังฉีดมาเด้ เราสามารถล้างหน้าได้ รวมถึงแต่งหน้าได้ตามปรกติ
- สามารถประคบเย็นได้ตามคำแนะนำของแพทย์ ในกรณีที่มีรอยแดง รอยช้ำ อันเกิดจากรอยเข็มที่ฉีดเข้าไปในผิว
- ห้ามนวดผิวบริเวณที่ฉีดทันที
- ห้ามเช็ดถู และห้ามเกาบริเวณที่ฉีดมาเด้
- หลีกเลี่ยงการทาครีมบำรุงผิวตรงบริเวณรอยเข็มเป็นเวลา 1 คืน
เนื่องจากปัญหาผิวหน้าของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป หลังการฉีดมาเด้คอลลาเจน บางคนอาจรู้สึกแสบใบหน้าได้บ้าง หรืออาจมีปัญหาอื่น ๆ คุณหมอจะมีคำแนะนำเฉพาะรายบุคคล ซึ่งเราควรปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอเพื่อผลลัพธ์ที่ดีและปลอดภัยมากที่สุดค่ะ