สันธนะ แฉสิ้น บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ เปิดเอกสารหลักฐานจาก รพ.ศิริราช ปมเงินบริจาคเสื้อสีชมพู

วันนี้ (13 ธ.ค.) ที่สโมสรราชพฤกษ์ นายสันธนะ ประยูรรัตน์ อดีตรองผู้กำกับการตำรวจสันติบาล ได้ยื่นหนังสือต่อ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้สืบสวนพฤติการณ์การรับเงินบริจาคของบุคคลที่มีชื่อเสียงรายหนึ่ง กรณีแอบอ้างโครงการจัดทำเสื้อสีชมพูของโรงพยาบาลศิริราช อาจเป็นการแสวงหาประโยชน์ส่วนตัวโดยมิชอบ โดยมี นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือ เสี่ยโป้ ร่วมแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนเริ่มแถลงข่าว นายสันธนะ ได้พยายามติดต่อไปยัง นายบิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ ดารานักแสดงชื่อดัง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ และนายบิณฑ์ ไม่ขอมาร่วมแถลงข่าวด้วย

จากนั้น นายอภิรักษ์ ได้เผยถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ ว่า นายบิณฑ์ได้มาขอเงินบริจาคจากตน 10 ล้าน เพื่อซื้อเสื้อชมพู ซึ่งนายบิณฑ์ ย้ำด้วยว่า ไม่ขอใช้เสื้อสีเหลืองเพราะไม่ชอบ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งตนไม่ได้สนการเมือง จากการคุยกันตนและนายบิณฑ์ มีอุดมการณ์คล้ายกัน อีกทั้งตนขอสนับสนุนแต่ไม่ออกหน้า แต่เมื่อถึงช่วงที่ต้องโอนเงินกัน ตนตกเป็นผู้ต้องหาทางคดี ทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมโอนเงินจากบริษัทของตน จำนวน 8 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ต่างประเทศเข้ามาในเมืองไทยได้ ตนจึงเอ่ยปากขอยืมจากผู้ใหญ่นามว่า "ซ้อ" แต่ซ้อ บอกว่ามีให้ยืมแค่ 2 ล้านบาท จนเห็นว่าใกล้ถึงวันที่ต้องใช้เสื้อแล้ว จึงให้ลูกน้องประสานบอก นายบิณฑ์ ว่า ขอบริจาคแค่ 2 หมื่นตัวก่อน ในราคา 2 ล้านบาท ซึ่งนายบิณฑ์ ก็ไม่ได้ติดขัดอะไร แต่กำชับมาว่าให้โอนก่อนวันที่ 1 ธ.ค. เพราะตกลงกับผู้ใหญ่ไว้แล้วไม่อยากให้ผิดคำพูดกัน ตนก็ให้ลูกน้องประสานไปที่ซ้อ ให้ช่วยเร่งรัดโอนเงินเข้าบัญชีที่รับบริจาคด้วย เพราะตนก็ไม่อยากผิดคำพูดเช่นเดียวกัน แต่ว่าซ้อ ได้ไปปรึกษา นายสันธนะ และทางผู้ใหญ่คงตั้งข้อสังเกตกันไปเองว่า เงินบริจาคทำไมต้องมีการเร่งรัดให้โอน จนเป็นเหตุให้ นายสันธนะ ไปร้องทุกข์กับ ผบ.ตร. ตนกก็ขอยืนยันว่า แม้ยอดเงินจะไม่ได้มีการโอนเข้าไปบริจาคซื้อเสื้อ แต่ตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใคร ตนยินดีจะทำบุญตั้งแต่แรกอยู่แล้ว

นายสันธนะ เผยว่า ตนกับนายบิณฑ์ ไม่เคยมีปัญหาส่วนตัวกัน แต่วันที่ 25 พ.ย. เป็นวันนัดโอนเงิน 2 ล้านบาท นายบิณฑ์โทรกลับมาเรื่องโอนเงิน ตนจึงถามที่มาที่ไป แต่นายบิณฑ์บอกให้โอนเงิน 2 ล้านบาท เข้าบัญชีส่วนตัวเขา แต่ตนไม่มั่นใจ และเป็นไปได้ไหมที่นายบิณฑ์รับมอบโครงการนี้  หรือเป็นประชาสัมพันธ์ของโครงการ อีกทั้ง ตนต้องการสร้างความมั่นใจต่อโครงการนี้ จึงได้สอบถามไปยังโรงพยาบาลศิริราช ได้รับการยืนยันว่า มีการดำเนินโครงการดังกล่าวจริง โดยเปิดรับบริจาคเพื่อสมทบทุนอาคารนวมินทรบพิตร 84 พรรษา โรงพยาบาลศิริราช วงเงิน 24 ล้านบาท และได้ทำเรื่องของอนุญาตผลิตเสื้อสีชมพู พร้อมตราสัญลักษณ์ 240,000 ตัว โดยผู้ที่มีความประสงค์ สามารถโอนผ่านบัญชี ศิริราชมูลนิธิ ซึ่งจะได้ของที่ละรึกเสื้อสีชมพู 1 ตัว ในทุกการบริจาค 100 บาท แต่ต่อมา นพ.บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี โอเรียนทอล เฮลท์แคร์ จำกัด ได้บริจาค 12 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิฯ และทำเรื่องเบิกเสื้อมาทั้งหมดแล้ว เพื่อนำไปจัดหาเงินบริจาคมาสมทบเพิ่มเติมในส่วนที่เหลือ ภายในสิ้นเดือนธันวาคมนี้  และบริษัท ธนบุรี โอเรียนทอล เฮลท์แคร์ จำกัด ยืนยันว่า ทางบริษัทฯ เป็นได้รับอนุมัติเพียงรายเดดียวในการดำเนินการเปิดรับบริจาคของโครงการนี้ หนังสือลงวันที่ 8 ธันวาคม 2563 ชี้แจงว่า นายบิณฑ์ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการนี้แต่อย่างใด

ดังนั้น การที่นายบิณฑ์ มีการชี้แจงว่า ตนเองเป็นคนกลางประสานผ่านนายนิรันดร ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าของโครงการแต่เพียงผู้เดียว สั่งซื้อ 3 แสนตัว ซึ่งไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จึงมั่นใจว่าการบริจาคของนายบิณฑ์ไม่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ และตนสงสัยว่า เปิดรับบริจาคผลิตเสื้อสีชมพูเป็นการดำเนินโครงการใด สังคมต้องรับรู้ทุกเรื่องจริง ตนไม่ได้มีแฟนคลับ หรือพื้นที่บนโซเชียล แต่ตนมีพื้นที่บนสังคมที่ต้องการให้ประชาชนรับรู้เรื่องจริง

นายอภิรักษ์ ย้ำอีกว่า ตนต้องการช่วยประชาชน แต่หากมีเบื้องลึกตนไม่ขอเกี่ยว ไม่เคยได้ผลประโยชน์จากการบริจาค ไม่เคยฟอกเงิน ตนไม่เคยทำธุรกิจในประเทศไทย ทำแต่ธุรกิจต่างประเทศ ตนเสียตังเพื่อทำสิ่งที่ตนรัก ไม่เคยไปหากิน ถ้าพี่บิณฑ์ไม่ผิดก็ต้องให้ตรวจสอบ ตนเคารพทั้งคู่ หากไม่มีอะไร ก็ไม่มีปัญหา

โดยวันพรุ่งนี้ (14 ธ.ค.) เวลา 10.30น. นายสันธนะ จะเดินทางไปที่กองบังคับการปราบปราม เพื่อแจ้งความดำเนินคดี พร้อมท้าให้นายบิณฑ์ ไปเจอกัน เพื่อไปชี้แจงข้อเท็จจริงกับพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง