'ลูกสาวอดีตเจ้าของที่ดิน'ออกโรงแจงยัน'ศรีพันวา'มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง ตอกโซเชียลกล่าวหาลอยๆ ไม่คิดถึงหลักความจริง
'ลูกสาวอดีตเจ้าของที่ดิน'ออกโรงแจงยัน'ศรีพันวา'มีเอกสารสิทธิ์ถูกต้อง ตอกโซเชียลกล่าวหาลอยๆ ไม่คิดถึงหลักความจริง
วันที่ 25 ก.ย. ภายหลังเกิดกระแสเรียกร้องให้มีกาตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินโรงแรมศรีพันวา จ.ภูเก็ต จากกรณีแฮชแท็ก #แบนศรีพันวาตามที่ปรากฎเป็นข่าวมาอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุด น.ส.ขวัญใจ คุ้มบ้าน อายุ 46 ปี บุตรสาว นายเสน คุ้มบ้าน เป็น 1 ในผู้ครอบครองที่ดินดังกล่าว ก่อนขายเปลี่ยนมือให้กับตระกูลอิสระ สร้างโรงแรมศรีพันวา ในปัจจุบัน เปิดเผยว่า ในอดีตที่ดินบริเวณแหลมพันวา เกือบทั้งหมดตั้งแต่ปลายแหลมซึ่งปัจจุบันเป็นที่ตั้งของโรงแรม ยาวมาจนถึงพื้นที่ของทัพเรือภาคที่ 3 เคยเป็นของต้นตระกูลคุ้มบ้าน และญาติพี่น้อง ซึ่งที่ดินในส่วนของตน มีนายเสน คุ้มบ้าน พ่อของตน กับน้องชาย นายสัน คุ้มบ้าน และพี่น้องครอบครองรวม 12 ไร่ อยู่บริเวณจุดที่ก่อสร้างอาคารหลังแรกของโรงแรมในปัจจุบัน
น.ส.ขวัญใจ ระบุอีกว่า มีโฉนดถูกต้องตามกฏหมายแน่นอน เพราะจำได้ว่าขณะนั้นเรียนอยู่ชั้นป.4 อายุประมาณ 10 ขวบ (ประมาณปี 2527) ได้เป็นคนอ่านข้อมูลทั้งหมดให้กับพ่อตอนทำหนังสือสัญญาซื้อขาย เพราะพ่อตนอ่านหนังสือไม่ออก แต่ขายให้กับศรีพันวาโดยตรงหรือไม่นั้นไม่แน่ใจ ต่อมาเมื่อเรียนถึงชั้น ป.6 (ประมาณปี 2529) อาคารหลังแรกของโรงแรมก็เริ่มสร้าง โดยที่ดินตรงนี้ตนจดจำได้ดี เพราะเคยเป็นพื้นที่ปลูกข้าวโพด ตะไคร้กับแม่ตอนเด็กๆ โดยจุดดังกล่าวมีทางเข้า 2 ด้าน คือด้านทางขึ้นไปโรงแรมเคปพันวา ซึ่งเป็นเส้นทางเก่า และอีกเส้นทางหน้าพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ซึ่งโรงแรมศรีพันวา มาซื้อเพิ่มจาก อดีต ผู้ใหญ่บ้าน (ปัจจุบันเป็นกำนัน) ซึ่งเป็นเครือญาติของตน
“วันนี้ที่ออกมาพูดเนื่องจากโซเชียลมีเดียได้มีการโพสต์โจมตีว่าที่ดินดังกล่าวอาจบุกรุกป่าฯ ซึ่งไม่เป็นความจริง ตนเป็นลูกหลานเจ้าของที่ดิน ถึงแม้จะขายไปแล้วแต่เราก็รัก และเคารพญาติพี่น้อง รวมถึงบรรพบุรุษของเรา ยืนยันว่าเราทำทุกอย่างตามกฎหมาย ส่วนโรงแรมศรีพันวานั้นแม้จะซื้อขายไปแล้วและไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว แต่ก็มีการพาดพิงถึงที่มาของที่ดิน ซึ่งเกี่ยวข้องกับบรรพบุรุษของเราก็ต้องออกมาชี้แจง และยินดีให้ข้อมูลหากหน่วยงานไหนจะมาตรวจสอบ”น.ส.ขวัญใจ กล่าว
น.ส.ขวัญใจ กล่าวว่า จากที่ทราบโรงแรมศรีพันวา มีพื้นที่ครอบครองรวม 52 ไร่ ซึ่งอดีตหากไล่เรียงพื้นที่ครอบครองจากทางเข้าไปถึงปลายแหลม เคยเป็นของ นายเสน พ่อ นายสัน อา ถัดไปเป็นของนายสนิท คุ้มบ้าน และคนอื่นอีกหลายราย ซึ่งอดีตพ่อแม่เล่าว่าที่ดินต้นตระกูลครอบครองที่ดินบริเวณดังกล่าวเกือบทั้งอ่าว ก่อนแบ่งพื้นที่ยกให้สร้างหน่วยงานราชการหลายแห่งทั้ง ทัพเรือภาคที่ 3 และศูนย์วิจัยทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งทะเลอันดามันตอนบน (ศวอบ.)พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำฯ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของตระกูลคุ้มบ้าน เพราะได้สร้างประโยชน์ให้กับประเทศ
น.ส.ขวัญใจ กล่าวอีกว่า พื้นที่โดยรวมของแหลมในอดีต ไม่ได้เป็นป่า มีการใช้ประโยชน์ ปลูกพืช เช่น ข้าวโพด ตะไคร้ สะตอ ผักต่างๆ บริเวณส่วนปลายแหลมที่เป็นจุดที่วิวสวยที่สุด มีบ้านเรือนของ โต๊ะอูเส็น กับโต๊ะอูหมาด ตั้งอยู่ ซึ่งลูกหลานทั้งสองก็ยังอาศัยอยู่ใกล้ๆโรงแรมในปัจจุบัน สามารถสอบถามความจริงได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตามจากที่โซเชียลตั้งคำถามนั้น ทำไมไม่คิดถึงหลักความเป็นจริงว่าถ้าเป็นการบุกรุกพื้นที่ป่าหรือพื้นที่ของรัฐ หน่วยงานราชการที่ตั้งอยู่คงฟ้องร้องดำเนินคดีไปแล้ว ซึ่งตนยืนยันว่ามีเอกสารสิทธิ์ถูกต้องมาตั้งแต่ช่วงที่ครอบครัวตนครอบครอง