ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา รีวิวกันชัด ๆ ต้องใช้กี่ cc มีอันตรายไหม? เลือกยี่ห้อไหนดี แก้ปัญหาริ้วรอยใต้ตาได้จริงหรือ?
ฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้หน้าดูอ่อนเยาว์ได้อย่างไร?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คือ หัตถการชนิดหนึ่งที่ได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมากในปัจจุบัน เนื่องจากคนเราเมื่อมีวัยเพิ่มมากขึ้นจะมีปัญหาริ้วรอยใต้ตาเกิดขึ้น เพราะกระดูกมีการยุบตัวและเนื้อมีน้อยลงกว่าสมัยวัยรุ่น ส่งผลให้ใบหน้าดูโรยรา ดูมีอายุ จากใต้ตามีร่องและริ้วรอย เราจึงนิยมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อให้หน้ากลับมาดูเด็ก ลดใต้ตาคล้ำ ให้ใต้ตาดูเต็มขึ้นอีกครั้งค่ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตา รีวิว
(รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา ช่วยให้ร่องใต้ตาตื้นขึ้น ดูสดชื่น ตาไม่ดำ ไม่โหลไม่ดูโรยรา ช่วยหน้าดูเด็กลง)
ฟิลเลอร์ใต้ตารีวิว เรามาดูเคสจริงแบบเปรียบเทียบ ก่อน – หลังฉีด filler ใต้ตากันค่ะ ซึ่งเป็นภาพจริงที่ไม่ผ่านการตกแต่งภาพแต่อย่างใด
(รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : ปริมาณข้างละ 0.5 cc และร้อยไหมข้างละ 3 เส้น)
(ภาพรีวิว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : ปริมาณ 1 CC)
(รีวิว ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : ปริมาณ 2 CC)
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ต้องใช้กี่ cc จึงจะเห็นผลได้จริง?
ปัญหาของคนไข้แต่ละคนย่อมจะแตกต่างกันไป เช่น ในคนไข้สูงอายุมักจะพบปัญหาการยุบตัวของกระดูกบริเวณใต้ตา ทำให้ใต้ตาดูลึกมาก แพทย์ก็อาจจะเลือกใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่มากขึ้น ดังนั้น แพทย์จะเป็นผู้ประเมินได้ดีที่สุดค่ะว่าควรฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่ cc ถึงจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งโดยส่วนมากปริมาณ 1-2 CC คือปริมาณที่ใช้ในการฉีดใต้ตา
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา อันตรายไหม?
ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความปลอดภัยในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นมีดังนี้ค่ะ
- เลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ ใช้เทคนิคการฉีดที่ถูกต้อง ก็จะมั่นใจได้ว่าปลอดภัยแน่นอนค่ะ
- ใช้ฟิลเลอร์แท้ในการฉีดเติมเต็มใต้ตา เพราะฟิลเลอร์แท้จะสามารถละลายไปเองได้เกือบทั้งหมดคือ 99% ส่วนที่เหลืออีกเพียง 1% ก็จะเป็นอีลาสตินและคอลลาเจนที่ร่างกายของเราสร้างขึ้นมาเอง ทำให้ผิวบริเวณที่ฉีดเกิดควาชุ่มชื้นเพิ่มมากขึ้น โดยจะดูดน้ำจากผิวโดยรอบมาอุ้มไว้และคอยหล่อเลี้ยงผิวบริเวณใต้ตา ทำให้ผิวดูเปล่งปลั่งสดใสยิ่งขึ้นค่ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตา ควรเลือกฉีดยี่ห้อไหนดี?
ผิวหนังใต้ตาค่อนข้างบาง ในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจึงควรต้องฉีดด้วยความพิถีพิถัน ฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับใต้ตาควรมีลักษณะเนื้อนิ่ม และเพื่อไม่ให้ตาดูบวมจึงไม่ควรเลือกรุ่นที่ทำให้ผิวฟูมากเกินไปด้วย
ฟิลเลอร์ยี่ห้อ Restylane และ Juvederm คุณหมอแนะนำว่าเหมาะที่จะใช้ฉีดใต้ตาค่ะ เพราะไม่ฟูมาก ฉีดแล้วคงรูป ซึ่งอายุการใช้งานของ 2 ยี่ห้อนี้จะแตกต่างกัน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ที่ไหนดี?
สิ่งสำคัญเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการบวมย้อย หรือดูไม่เป็นธรรมชาติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา คนไข้จึงควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานเป็นสำคัญ ซึ่งมีข้อควรพิจารณาดังต่อไปนี้ค่ะ
- เลือกฉีดกับคลินิกที่ผ่านการรับรอง ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้
- คลินิกมีห้องหัตถการที่กว้างขวาง สะอาดสะอ้าน
- คลินิกควรตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางสะดวก มองเห็นได้ง่าย ไม่หลบมุม
- ทางคลินิกมีการตั้งราคาค่าบริการอย่างสมเหตุสมผล ไม่แพงหรือถูกจนเกินไป
- ผู้ให้บริการ ทั้งแพทย์และเจ้าหน้าที่สามารถให้ข้อมูลแก่คนไข้ได้อย่างละเอียด ถูกต้อง ครบถ้วน และตรงไปตรงมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้เข้ามาใช้บริการ
ข้อห้าม หลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
เพื่อเป็นการรักษาผลลัพธ์ที่ได้จากการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้อยู่ได้นานยิ่งขึ้น และช่วยให้ฟิลเลอร์เข้าที่ไวขึ้น คนไข้จึงควรดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาให้ดีเป็นพิเศษค่ะ ได้แก่
- ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตร ต่อวัน หากต้องการให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดเข้าไปอยู่ได้นานยิ่งขึ้น
- ไม่ควรแกะ เกา แตะในบริเวณที่ทำ แม้ว่าอาจมีอาการคัน บวม หรือเขียวช้ำได้เป็นปกติ หลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
- ในช่วง 3 วันแรกหลังทำอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิด การซาวน่า เลเซอร์ร้อน ตากแดด
- หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก ๆ ในช่วง 3 วันแรกหลังทำ
- 1 ชั่วโมงหลังฉีดใต้ตาเสร็จ คนไข้สามารถแกะพลาสเตอร์ออกเองได้ค่ะ
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มจำพวกเหล้า เบียร์ ไวน์ และเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ทุกชนิด
- งดรับประทานอาหารหมักดอง อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ รวมไปถึงอาหารที่เผ็ดมากจนหน้าแดง
- ควรงดสูบบุหรี่
- เพื่อป้องกันไม่ให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ผิดตำแหน่งได้ ในช่วง 3 วันหลังทำจึงพยายามอย่าขยับใบหน้าเยอะ ๆ
FAQ : รวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา!
ฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล?
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา กี่วันเห็นผล คือข้อสงสัยที่คนไข้มักสอบถามกับคุณหมอ ซึ่งเราสามารถเห็นผลการเปลี่ยนแปลงหลังฉีดฟิลเลอร์ได้ทันทีค่ะ ส่วนการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตากี่วันเข้าที่นั้น รายละเอียดมีดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ประมาณ 4-5 วันหลังฉีด ฟิลเลอร์จะเริ่มเข้าที่
- ภายใน 2-3 อาทิตย์ ฟิลเลอร์จะเข้าที่ 100% และเห็นผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา บวมกี่วัน?
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ขั้นตอนการทำที่เข็มเข้าไปในผิว จึงอาจเกิดอาการบวมขึ้นได้หลังฉีดเสร็จ (แต่ไม่ใช่การอักเสบ บวมแดงที่เกิดจากตัวยา)
- หลังฉีดประมาณ 3 วัน อาการบวมจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
- รอประมาณ 1-2 อาทิตย์ จึงจะเข้าที่เต็มที่ หลังจากนั้นคุณหมอจะมีการนัดหมายให้เข้ามาดูผลลัพธ์ต่อไปค่ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตา แล้วเป็นก้อน บวม มีสาเหตุมาจาก? ต้องแก้ไขอย่างไร?
คนที่เกิดเป็นก้อนบวมขึ้นหลังจากฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาไปแล้ว มีต้นเหตุมาจาก
- ฉีดกับแพทย์ที่ขาดความชำนาญทางด้านการฉีดฟิลเลอร์
- เลือกฟิลเลอร์ยี่ห้อ/รุ่น ที่ไม่เหมาะสมการฉีดบริเวณใต้ตา
- ฉีดด้วยเทคนิคที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่เหมาะสม
- ไปเจอกับหมอเถื่อน ที่ใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐานฉีดให้กับคนไข้
สำหรับการแก้ไขนั้น หากเป็นการฉีดใต้ตาด้วยฟิลเลอร์แท้ Hyaluronic Acid (HA) สามารถฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนได้โดยใช้ตัวยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase:HYAL) ฉีดเพื่อเป็นการแก้ไขค่ะ
ฟิลเลอร์ใต้ตา ราคา
ที่ V Square Clinic Promotion ฟิลเลอร์ใต้ตาแต่ละยี่ห้อ ลด 50%
- ฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane Vital Light (จากสวีเดน SE อยู่ได้นาน 6 เดือน)
1 CC = 13,000 (จากราคาปกติ 26,000)
- ฟิลเลอร์ใต้ตา Juvederm Volite (จากอเมริกา us อยู่ได้นาน 6 เดือน)
1 CC = 13,000 (จากราคาปกติ 26,000)
- ฟิลเลอร์ใต้ตา Juvederm Voluma (จากอเมริกา us อยู่ได้นาน 1 ปีครึ่ง)
1 CC = 13,000 (จากราคาปกติ 26,000)
- ฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane Defyne (จากสวีเดน SE อยู่ได้นาน 1 ปีครึ่ง)
1 CC = 13,000 (จากราคาปกติ 26,000)
- ฟิลเลอร์ใต้ตา Restylane Perlane Lyft (จากสวีเดน SE อยู่ได้นาน 1 ปี)
1 CC = 11,000 (จากราคาปกติ 22,000)