คดีฆาตกรรมต่อเนื่องฮวาซอง
คดีฆาตกรรมต่อเนื่องฮวาซอง
คดีฆาตกรรมต่อเนื่องฮวาซอง เหตุการณ์ฆาตกรรมต่อเนื่อง มีเงื่อนงำ จับคนร้ายไม่ได้ ที่เราพบเห็นกันบ่อยๆ ตามภาพยนตร์ หรือซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวน บ่อยครั้ง ก็มีการอ้างอิงจากเหตุการณ์ และสิ่งที่เกิดขึ้นจริงเป็นโครงเรื่อง อย่างเช่น คดีฆาตกรรมเนื่องฮวาซอง ของเกาหลีใต้
ซึ่งเป็นหนึ่งในคดีที่โด่งดัง มากที่สุดของประเทศ ถูกนำมาสร้าง และอ้างอิงในภาพยนตร์ และซีรีส์หลายเรื่อง ด้วยตัวคดีที่มีเหยื่อจำนวนมาก มีรูปแบบคดีที่น่าสงสัย และไม่สามารถจับคนร้ายได้ จนกลายเป็นคดีที่ปิดไม่ลงมากว่า 30 ปี
แต่อยู่ๆ คดีนี้ก็กลับกลายมาเป็นที่พูดถึงอีกครั้ง หลังตำรวจเปิดเผยว่า สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัยในคดีได้ ทำให้คดีนี้ถูกนำมาตรวจสอบเพิ่มเติม จนสามารถอาจจะคลี่คลายข้อสงสัย และปริศนาในอดีตได้
คดีฆาตกรรมต่อเนื่องฮวาซอง
คดีฆาตกรรมต่อเนื่องฮวาซอง เกิดขึ้นในช่วงปี 1986-1991 ที่มีการพบศพผู้หญิงอายุตั้งแต่ 13 ซึ่งกำลังเดินทางกลับจากโรงเรียน ไปจนถึงคุณยายวัย 71 ปี ที่เดินทางกลับ จากบ้านของลูกสาว โดยผู้หญิงเหล่านี้ ถูกข่มขืนและฆ่าตามที่ต่างๆ ในเมืองฮวาซอง จังหวัดคยองกี ของเกาหลีใต้ และสถานที่พบศพนั้น มักจะเป็นตามตรอกซอกซอย หรือบริเวณทุ่งนา ตำรวจพบความคล้ายคลึงกันของเหยื่อ
ซึ่งทุกศพจะถูกปิดปาก และเสียชีวิตจากการถูกรัดคอ โดยสิ่งที่คนร้ายใช้เป็นอาวุธนั้น คือข้าวของ และเสื้อผ้าของเหยื่อเอง เช่นถุงน่อง หรือถุงเท้า ทั้งยังพบว่าอวัยวะเพศของเหยื่อ มีร่องรอยการถูกล่วงละเมิด และฉีกขาดรุนแรงด้วย นอกจากนี้ ตำรวจยังคาดการณ์ว่า พวกเขาถูกคนร้ายโจมตี ในระหว่างเดินทางกลับบ้านช่วงกลางคืน
ที่เหยื่อตั้งแต่รายที่ 2-10 คนร้ายเลือกก่อเหตุช่วง 1-5 ทุ่ม มีเพียงรายแรกที่ก่อเหตุช่วง 6 โมงเช้า คดีนี้ถือเป็นที่สะเทือนขวัญ ในเกาหลีใต้เป็นอย่างมาก ประชาชน ต่างก็ตกอยู่ในความกลัว ซึ่งเจ้าหน้าที่เอง ก็มีความพยายามจับกุมคนร้าย โดยใช้กำลังตำรวจกว่า 2 ล้านนายในการสืบหา และมีการสอบสวนผู้ต้องสงสัยมากกว่า 2 หมื่นคน
แต่สุดท้ายก็ไม่สามาร จับตัวฆาตกรได้ จนคดีหมดอายุความลง ในเดือนเมษายน ปี 2006 ทั้งหลังจากคดีนี้เอง ยังมีคดีข่มขืนและฆ่าที่คล้ายคลึงกัน ซึ่งตำรวจพบว่าพยายามเลียนแบบคดีนี้ด้วย
คนร้ายคือใครทำไมถึงมาจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ตอนนี้ ?
ในช่วงนั้น การสืบคดีของเจ้าหน้าที่ ได้เบาะแสมาจากคำให้การ ของผู้รอดชีวิตเพียงคนเดียว และคนขับรถบัสที่คนร้ายขึ้น หลังก่อเหตุครั้งที่ 7 ซึ่งตามประกาศของตำรวจ ได้อธิบายไว้ว่า คนร้ายเป็นผู้ชาย อายุอยู่ในช่วงวัย 20 ปี สูงประมาณ 170 เซ็นติเมตร มีร่างกายผอมบาง จมูกโด่ง ดวงตาแหลมคม
และในตอนนั้นตำรวจ ยังระบุกรุ๊ปเลือดของเขาว่า คือกรุ๊ป B (แต่ใน 2019 ตำรวจออกมาระบุเพิ่ม ว่ากรุ๊ปเลือดอาจไม่ถูกต้อง) แม้จะพอมีเบาะแส มีการสเก็ตภาพคนร้าย และตรวจสอบผู้ต้องสงสัยกว่าหมื่นคน คดีนี้ก็กลายเป็นคดีที่ปิดไม่ลง จนหมดอายุความ แต่ทางตำรวจก็ยังคงเก็บหลักฐาน เบาะแส และประวัติต่างๆ ของคดีไว้อยู่
แต่แล้วในปี 2019 คดีก็ถูกพูดถึงอีกครั้ง หลังพบผู้ต้องสงสัยในคดี หลังผ่านไปถึง 33 ปี ท่ามกลางความสงสัยของหลายคนว่า ทำไมถึงมาหาตัวผู้ต้องสงสัยเพิ่มได้ในตอนนี้ ? ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ได้ให้คำตอบว่า เป็นเพราะการพัฒนาของเทคโนโลยี ที่ทำให้ปัจจุบันสามารถตรวจสอบ DNA ในหลักฐานเก่าได้มากขึ้น จนนำไปสู่ตัวผู้ต้องสงสัยในที่สุด! โดยเมื่อเดือนกรกฎาคม ทางทีมสืบสวนคดี ในจังหวัดคยองกี
ได้ส่งหลักฐานบางส่วน ที่เกี่ยวข้องกับคดี ไปยังหน่วยงานนิติวิทยาศาสตร์ ของรัฐ และขอการทดสอบวิเคราะห์ DNA ซึ่งผลของการตรวจสอบพบว่า DNA ในชุดชั้นในของเหยื่อรายที่ 9 ไปตรงกับ DNA ของผู้ต้องสงสัยที่ถูกเก็บ ไว้ในฐานข้อมูล ทั้ง DNA ของเขายังเชื่อมโยง กับหลักฐานอื่นๆ ของเหยื่อในรายที่ 5 และ 7 ด้วย
บัน กีซู เจ้าหน้าที่ตำรวจอาวุโส แถลงกับผู้สื่อข่าวว่า “เราเรียนรู้ว่า แม้ว่าจะผ่านไปเป็นเวลานาน และไม่พบ DNA บนหลักฐานในตอนแรก แต่การตรวจ DNA อีกครั้ง ก็เป็นไปได้ในบางกรณี นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้น ที่ทำให้เราขอการวิเคราะห์ทางนิติเวช” เขากล่าว ทั้งยังระบุว่า จะพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อค้นหาความจริง และรับผิดชอบต่อประวัติศาสตร์ด้วย ตำรวจประกาศว่า ผู้ต้องสงสัยที่พบจากการตรวจ DNA คือ ลี ชุนแจ
ซึ่งตอนนี้มีอายุ 56 ปี แต่ถึงอย่างนั้น ก็ไม่สามารถดำเนินคดีกับเขาได้ เพราะคดีหมดอายุความแล้ว โดยในตอนนี้ นายลี เป็นผู้ต้องขังในปูซาน และถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิต จากการข่มขืน และสังหารน้องสาว ของภรรยาตัวเองในปี 1994 ซึ่งเป็น 3 ปีหลังจากพบศพสุดท้าย ในคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ปฏิเสธถึงการมีส่วนร่วม ในคดีฆาตกรรมฮวาซอง
อ้างอิงจาก: https://payoncebiz.com/