หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

แนวทางการแก้ปัญหาเมื่อประชากรโลกถึง 7,000 ล้านคน (ไวรัสโคโรนาอาจเป็นหนึ่งในการแก้ปัญหาโดยวิธีทางธรรมชาติ)

แปลโดย Fukurou

แนวทางการแก้ปัญหาเมื่อประชากรโลกถึง 7,000 ล้านคน

***เอกสารฉบับนี้จัดทำขึ้นก่อนปี 2011**                                                                                                  
เมื่อประชากรโลกเหยียบ 7,000 ล้านคน : สภาพแวดล้อมจะเป็นอย่างไร?

การคาดการณ์ประชากรโลกในปี 2011 ของสมาคมประชากรโลกที่ หนังสือวารสารเนชั่นแนลจีโอกราฟฟิค ฉบับเดือนมกราคม 2011 นำมาลงหน้าปก เป็นการเตือนว่าในปีนี้ ประชากรโลกจะมีจำนวนถึง 7,000 ล้านคน ที่หลายประเทศจะต้องไม่ละเลย และเตรียมการรองรับการเพิ่มขึ้นของประชากร ซึ่งไม่กี่ปีมานี้เราพูดถึงประชากรโลกที่ 6,000 ล้านคน ทำให้ต้องแก่งแย่งทรัพยากรกันมหาศาล

แต่ในขณะที่ปีนี้ประชากรโลกพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับไม่ได้รับความสนใจเท่าที่ควร เพราะที่ผ่านมาปัญหาของประชากรยังไม่ดูรุนแรงเท่ากับปัญหาเศรษฐกิจ การเมือง หรือปัญหาโลกร้อนที่กล่าวถึงกันในปัจจุบัน ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ประชากรเพิ่มสูงขึ้นเท่านั้น ในบางประเทศที่มีผู้สูงอายุปริมาณมากขึ้นต้องเป็นภาระที่รัฐบาลในหลายประเทศประสบปัญหาในการให้บริการทางสุขภาพ ความเป็นอยู่ของประชากรสูงวัยเหล่านั้นด้วยต้องใช้งบประมาณอีกมหาศาลในการดูแลเป็นภาระของประชากรวัยทำงานที่ต้องแบกภาระอีกทางหนึ่ง

อย่างไรก็ตามความต้องการอาหาร ทรัพยากรที่มีมากขึ้น กระทบต่อสิ่งมีชีวิต สภาพแวดล้อมของโลกใบนี้อย่างมาก ตั้งแต่ทรัพยากรที่ดินแหล่งเพาะปลูก ที่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า พืชพรรณธรรมชาติต่างถูกทำลายอย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองความต้องการใช้ทรัพยากร ของประชากรโลก มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การพัฒนาเมืองจึงไม่เพียงแต่สร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ยังมีการขยายเมืองในพื้นที่รอบนอกอย่างมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจที่สัตว์ป่าพืชพรรณตามธรรมชาติจะสูญพันธุ์เร็วขึ้นจากกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์

จากสภาพที่เปลี่ยนแปลงจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลก ที่กล่าวมาแล้วผลจากกิจกรรมของมนุษย์ที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมจนเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดคือการใช้ทรัพยากรพลังงานอย่างมหาศาล ในกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์ ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมเหล่านั้น ยิ่งเป็นตัวผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมให้ไม่น่าอยู่ยิ่งขึ้น โดยพิจารณาจากปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ไม่ว่าน้ำท่วม ภาวะความแห้งแล้ง ภัยพิบัติทางธรรมชาติที่มีความรุนแรง หรือความถี่มากขึ้น นอกจากนี้ขอบเขตของผลกระทบที่เกิดขึ้น จากความสามารถของธรรมชาติที่เคยฟื้นสภาพอย่างรวดเร็ว กับดูเหมือนว่าโลกใบนี้เริ่มล้า และอ่อนแรง การฟื้นฟูสภาพกลับมาดังเดิมดูจะเป็นเรื่องยาก อย่างเช่นการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิน้ำในทะเลจนเกิดปะการังฟอกขาว ที่พยายามจะพื้นฟูโดยเทคโนโลยีต่างๆ ของมนุษย์ ไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร

การบริโภคทรัพยากรต่างๆ ของมนุษย์ ในอัตราที่เพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการเพิ่มขึ้นของประชากร ก่อให้เกิดมลพิษจำนวนมาก มีความสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพหลายชนิดที่ส่งผลกระทบกลับมายังระบบนิเวศ เช่น ความต้องการพลังงาน ใช้ทรัพยากรเชื้อเพลิงปริมาณมากๆ และเกิดมลพิษทางอากาศ ส่งผลกลับมาที่พืชพรรณในพื้นที่ได้รับฝนกรดจากการสะสมตัวของไอกรดจากการผลิตพลังงานในพื้นที่

จากการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมอย่างรวดเร็ว บนโลกใบนี้จนยากจะฟื้นฟูกลับมาดังเดิม ทำให้มนุษย์ชาติ ต้องปรับตัว บทความนี้จึงอยากจะเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชน และผู้กำหนดนโยบายในการพัฒนาประเทศได้พิจารณา ดังนี้

1. แนวคิดเมืองช้า (slowly city) คือการใช้ชีวิต ทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวันในเมืองที่เคยเร่งรีบตั้งแต่การกิน การนอน การทำงานให้ช้าลงไป จากการแข่งขัน แก่งแย่งกันในเรื่องต่างๆ ของชีวิต ลองหันกลับมาทบทวน และลดความเร็วในการใช้ชีวิตดูบ้าง ที่เป็นรูปธรรมได้แก่ การกินโดยการเคี้ยวอาหารให้นานขึ้น ละเอียดขึ้น การทำงานที่ใช้สติรอบคอบ การนอนที่เหมาะสมกับวัย การเดินทางที่หันมาเดินแทนการขับรถซิ่งตามท้องถนน สร้างกฎกติกาการดำเนินชีวิตอย่างช้าๆ บ้าง จะทำให้เราได้ตระหนักถึงความเป็นไปในการดำเนินชีวิตและความสวยงามของการใช้ชีวิตอย่างประณีตมากขึ้น ในเมือง slow city จริงๆ มีให้เห็นอยู่มากในเมืองชนบท เมืองเกษตรกรรมต่างๆ ที่ดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายและดั้งเดิม ดูจะเป็นวิถีแบบไทยๆ ที่น่าสัมผัส

slow city จึงไม่ใช่เมืองฝันกลางวันแต่เป็นเมืองแห่งการมีสติ และมองรอบด้านด้วยการเห็นคุณค่าของเวลาและสิ่งแวดล้อมที่อยู่ร่วมกัน ข้อเสนอแนวคิดนี้จึงน่าจะเป็นการเริ่มที่ตัวเราเองก่อน ประเทศไทยได้เสนอเมืองลำพูน เป็นตัวอย่างเมืองslow city ที่เรียกว่าเมืองสบาย สบาย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างเมืองอื่นๆ ที่มีความเป็นอยู่และวัฒนธรรมใกล้เคียงกัน

2. แนวคิด small is beautiful เป็นแนวคิดของนักเขียน ชูมัคเกอร์ ชาวเยอรมัน ที่นำเสนอการทำงานเล็กๆ ที่ให้ความเป็นตัวตนของเรา การขับเคลื่อนของธุรกิจที่มีความคล่องตัวกว่าธุรกิจขนาดใหญ่

แนวทางการแก้ปัญหาเพิ่มเติม

1. การวางแผนครอบครัว (Family planning)

รัฐบาลโฆษณาประชาสัมพันธ์  เชิญชวนให้ประชาชนวางแผนครอบครัว  เพื่อลดอัตราการเกิดด้วยวิธีป้องกันการปฎิสนธิและการทำหมัน  ชี้แจงให้ประชาชนเห็นความสำคัญของการมีน้อย เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสุขภาพมารดา ลูกมีโอกาสศึกษามากขึ้น  ฐานะความเป็นอยู่ในครอบครัวจะดีขึ้น  เป็นผลดีต่อการพัฒนาประเทศ

การวางแผนครอบครัว คือ การเว้นระยะการมีบุตรให้เหมาะสมแก่สถานภาพฐานะของครอบครัว  สุขภาพอนามัยของมารดา  โดยป้องกันการปฏิสนธิแบบชั่วคราวด้วยการใช้ถุงยางอนามัย  ใช้ห่วงอนามัย  ใช้ยาเม็ดรับประทาน  วิธีการป้องกันแบบถาวรด้วยการผ่าตัดทำหมัน ถ้าทำหมันชายก็ผูกตัวท่ออสุจิ ทำหมันหญิงก็ผูกตัดท่อปีกมดลูก

2. การใช้การศึกษาเรื่องประชากร

เพื่อให้ตระหนักถึงปัญหาเนื่องจากการเพิ่มรวดเร็วของประชากร  ทำให้มีการโยกย้ายถิ่นเข้ามาอาศัยในเมือง เกิดชุมชนแออัด กระทบกระเทือนต่อสวัสดิการทางสังคม กิจการด้านสาธารณูปโภค

ให้ประชาชนได้ทราบปัญหาการมีลูกมากที่มีผลกระทบกระเทือนต่อครอบครัว ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ  การศึกษา สุขภาพอนามัย สังคม และชาติในที่สุด  ตลอดจนให้มีการศึกษาประชากรอย่างง่าย ๆ ในระดับประถมศึกษา สำหรับระดับชาวบ้านควรแนะนำให้เห็นโทษของการมีบุตรมาก ชี้แจงให้เห็นถึงวิธีการคุมกำเนิดแบบง้าย ๆ และที่สำคัญต้องส่งเสริมการศึกษาทุกระดับ

3. การจัดการสังคม

จัดการบริการด้านต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกสบาย  ความสุข กระจายรายได้และความเจรฺยสู่ชนบท  ให้อยู่ดีกินดี  ไม่ต้องดิ้นรนอพยพโยกย้ายหนีความแร้นแค้น  เข้าไปอยู่ให้เมืองแออัด ก่อปัญหา  ชาวชนบทจะได้เข้าใจปัญหาการมีบุตรมาก  และไม่มีอคติต่อการวางแผนครอบครัว

4. พัฒนาด้านเศรษฐกิจ

ส่งเสริม  สนับสนุนเกษตรกรรม  ให้ขยายพื้นที่ทำการเกษตร  สาธิตแนะนำเกษตรกรวิธีเพาะปลูกดูแลรักษาที่ดีให้ได้ผลผลิตสูงขึ้น  ปรับปรุงเรื่องการขนส่ง  การตลาด ให้รู้จักออมทรัพย์

การแก้ปัญหาสังคมในด้านประชากรเพิ่มขึ้นมากและรวดเร็วเป็นปัญหาที่ต้องร่วมกันหลายฝ่ายช่วยกันแก้ไข ไม่ใช่เป็นหน้าที่ของคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ คนไทยทั้งชาติต้องร่วมมือกันเพราะการเพิ่มประชากร จะมีผลกระทบต่อสวัสดิภาพ  เพราะจะต้องมีบริการในด้านต่างๆ ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต

อัตราการเพิ่มประชากร ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศด้อยพัฒนา  ได้แก่  ประเทศในกลุ่มแอฟริกา  ลาตินอเมริกา  และเอเชีย  ( 3 ใน 5 ของประชากรโลก ) จากอัตราการเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดปัญหาตามมาอีกมาก  เช่น  ปัญหาการขาดแคลนอาหาร  ปัญหาการแบ่งปันทรัพยากร ปัญหาที่อยู่อาศัย ปัญหาการศึกษา  ปัญหาการจัดการในเรื่องสาธารณูปโภค  เป็นต้น   นักวิชาการทั่วโลกมองหาแนวทางลดปัญหาการเพิ่มประชากรโลกไว้หลายคน อาทิ

โรเบิร์ต มัลธัส(Robert Multhus)  อธิบายว่า การเพิ่มขึ้นของประชากรอย่างรวดเร็วจะเป็นภัยต่อสังคม เขาจึงเสนอวิธีการควบคุมโดยธรรมชาติ คือเมื่อจำนวนเพิ่มมากขึ้นก็จะทำให้มาตรฐานการครองชีพต่ำลงจะมีสาเหตุบั่นทอนชีวิตมนุษย์ให้สั้นลง  ได้แก่  โรคภัย  สงคราม  ทุพภิกขภัย  เป็นต้นนอกจากนี้เขายังเสนอให้งดเว้นการแต่งงานหรือเลื่อนการแต่งงานออกไปจนกว่าคู่สมรสจะอยู่ในฐานะที่เลี้ยงดูครอบครัวได้ ผลงานของมัลธัส   ได้ก่อให้เกิดการคัดค้านจากนักวิชาการหลายคนที่ไม่เชื่อว่าปัญหาเรื่องนี้จะเลวร้ายอย่างที่มัลธัสได้กล่าวไว้ และไม่เชื่อว่ามัลธัสจะมีหลักฐานสนับสนุนที่ถูกต้อง

วิลเลียม ก๊อดวิน (William Godwin) กล่าวว่า มนุษย์ควรพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีทางด้านวิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรมเพื่อผลิตอาหารเพิ่มเป็นทวีคูณ

คาร์ล  มาร์กซ์  (Karl  Marx) กล่าวไว้ว่า ไม่ต้องไปกังวลกับการเพิ่มของประชากร แต่ควรจัดระบบและควบคุมให้มีการแบ่งปันที่เป็นธรรม  ก็จะแก้ปัญหาได้ 

สหประชาชาติได้เสนอแนวทางแก้ปัญหาประชากรเพิ่มไว้ 4 แนวทาง และให้มีการรณรงค์อย่างต่อเนื่องดังนี้

1.การวางแผนครอบครัว เพื่อลดอัตราการเพิ่มของประชากร ลงด้วยการรณรงค์อย่างจริงจัง โดยชี้แจงความจำเป็นและความ สำคัญของการวางแผนครอบครัวและวิธีการที่ถูกต้องโดยมีกองทุนให้การสนับสนุน การวางแผนครอบครัวที่นิยมใช้กันในหลายประเทศ  ได้แก่  การคุมกำเนิดแบบธรรมชาติ  การกินยา  การใส่ห่วงอนามัย และการทำหมัน

2.การให้การศึกษาแก่ประชาชน  ทั้งในระบบโรงเรียนและประชาชนทั่วไป

3.การพัฒนาทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี  โดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาผลิตทั้งเครื่องอุปโภค บริโภคให้เพียงพอต่อการเพิ่มของประชากร

 4.การใช้มาตรการทางกฎหมาย เช่น  ออกกฎหมายกำหนดให้มีบุตรได้ไม่เกิน 1 คนหรือ 2  คน หากไม่ปฏิบัติตามจะมีการตัดสิทธิบางประการ  หรือต้องเสียภาษีสูงกว่าธรรมดา

การควบคุมประชากรมนุษย์  

การควบคุมประชากรมนุษย์เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อลดอัตราการเพิ่มประชากรในประเทศกำลังพัฒนาและควบคุมประชากรในประเทศที่พัฒนาแล้ว  เพิ่มสร้างความสมดุลของประชากรในพื้นที่ต่าง ๆ ของโลก  มิฉะนั้นการเคลื่อนย้ายประชากรจะเกิดขึ้นสูงมาก และสร้างปัญหาความขัดแย้งทางสังคมตามมาภายหลัง  อีกทั้งยังมีความสำคัญต่อการต่อการวางแผนประเทศในอนาคต   การควบคุมประชากรมนุษย์นั้นกระทำได้หลายวิธี   แต่มีแนวการกระทำโดยกว้าง ๆ แบ่งได้  2  รูปแบบ คือ

1.การกระทำกับประชากรโดยตรง  เป็นการจัดการกับประชากรโดยตรงให้มีอัตราการเกิดและการตายอยู่ในภาวะพึงประสงค์ตามเป้าหมายที่วางไว้  เช่น  การวางแผนครอบครัว  การให้การศึกษา  การให้คำแนะนำ  การบริการสาธารณสุข  เป็นต้น

2.การกระทำโดยอ้อม  เป็นการจัดการให้ภาวะรอบด้านเป็นปัจจัยผลักหรือปัจจัยดึงดูดให้ประชากรมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจากที่เคยเป็นอยู่ไปสู่ทิศทางที่ได้เป้าหมายไว้  เช่น การพัฒนาความเป็นเมือง  การให้การศึกษา  แนวทางการพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจ  นโยบายทางการเมือง  การเปิดประเทศ เป็นต้น สิ่งเหล่านี้จะแรงกดดันให้ประชากรในสังคมนั้น ๆ ต้องเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตนไปจากเดิม  อาจจูงใจให้มีบุตรเพิ่มขึ้น หรือ ลดลงได้แล้วแต่สถานการณ์    

ดังนั้นการควบคุมประชากรเป็นสิ่งที่ผู้จัดการประเทศหรือสังคมหนึ่ง ๆ ต้องวางวัตถุประสงค์ หรือทิศทางของสังคมนั้นไว้อย่างชัดเจนแล้วเลือกแนวทางในการไปสู่เป้าหมายนั้น ๆ ตามความเหมาะสมและศักยภาพของแต่ละสังคม

***จำนวนประชากรมนุษย์ทั้งหมดที่ยังมีชีวิตอยู่บนโลก ซึ่งปัจจุบันองค์การสหประชาชาติ (UN) ประมาณการว่าประชากรโลกมีจำนวนราว ๆ 7,300 ล้านคน ณ เดือนมกราคม ค.ศ. 2020 และจะเพิ่มจำนวนเป็น 8,500 ล้านคนในปี ค.ศ. 2030 และ 11,200 ล้านคนในปี ค.ศ. 2100

ประมาณประชากรโลกตั้งแต่ปี 1800 ถึง 2100 ตามผลการคาดคะเนของสหประชาชาติเมื่อปี 2010 (แดง ส้ม เขียว) และการประมาณในอดีตของสำนักสำมะโนสหรัฐ (ดำ) ตัวเลขประชากรที่บันทึกจริงเป็นสีน้ำเงิน ตามการประมาณสูงสุด ประชากรโลกอาจสูงถึง 16,000 ล้านคนในปี 2100 ตามการประมาณต่ำสุด ประชากรโลกอาจลดลงเหลือ 6 พันล้านคน

***ฤาไวรัสโคโรนาจะเป็นวิธีการทางธรรมชาติ ที่จะช่วยควบคุมจำนวนประชากรโลกอย่างแท้จริง !!! ***

แปลโดย: THE EAGLE
ที่มา: http://7billionspeople.weebly.com
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Fukurou's profile


โพสท์โดย: Fukurou
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สาวญี่ปุ่น วัย 38 ปี เคยป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะ 3 หนัก อีก 24 ปี ต่อมาสุขภาพแข็งแรง กินแค่ 3 อย่างนี้พี่สาว "แน็ก ชาลี" ร่ำไห้กลางไลฟ์..ลั่น! ไม่เคยเกาะน้องชายกินเมื่อเหมียวหนีเที่ยวแต่ดันเจอหมาเจ้าถิ่น วิ่งขึ้นไปหลบบนต้นกล้วยก่อน โถว!! ยังไม่ทันได้เที่ยวเลย 😆งานกาชาดปีนี้ สาวๆ ถูกใจบูธ ตร.เป็นอย่างมาก..เพราะมี "หนุ่มหล่อตกน้ำ" บอกเลยเร้าใจสุดๆตำรวจสงขลาสกัดจับรถบัสขนแรงงานเถื่อนเข้ามาเลเซีย ได้ค่าหัวคนละ 3,000 บาทอึ้งไปเลย เปิดค่าสินสอด โฟม เบญจมาศ-เจมส์ จิรายุ เรื่องราวที่ใครๆต้องยิ้มตามเมื่อเหล่ามนุษย์เงินเดือนต้องกลายพันธุ์... เป็น เสือ หมา ควาย ในคราวเดียวทำไมน้ำแข็งชุบแกลบถึงละลายช้ากว่าปกติ?เพจดัง โพสต์ เตือน ใครปล่อยเช่าบ้านให้นระวังจากน้ำตาสู่รักมั่นคง! โฟม ภรรยาเจมส์ จิรายุ เคยคิดเลิก แต่คำนี้ยื้อรัก 10 ปีงานแต่งเจมส์ & โฟม กับชุดเจ้าสาวและล็อคเก็ตสีทองที่ซ่อนความหมายพิเศษเอาไว้ตลาดนัดมือสองรอบกรุงเทพฯ : โลกใบใหม่แห่งการซื้อสินค้าที่รอคุณไปค้นหา
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สุวรรณภูมิแตก นักท่องเที่ยวทะลัก 32 ล้านคน ไทยแลนด์ฮอตจัดสร้างรายได้ล้านล้านกูเกิลสตรีทวิว ช่วยตำรวจไขคดีฆาตกรรมสถานกงศุลญี่ปุ่นเตือนคนไทย ระวังเป็นผีน้อยซึ่งจะถูกจับทำไมน้ำแข็งชุบแกลบถึงละลายช้ากว่าปกติ?ตำรวจสงขลาสกัดจับรถบัสขนแรงงานเถื่อนเข้ามาเลเซีย ได้ค่าหัวคนละ 3,000 บาท
กระทู้อื่นๆในบอร์ด MISCELLANEOUS-จิปาถะ
ประเทศในกลุ่มอาเซียนที่มีอุณหภูมิสูงสุดและต่ำสุดในรอบ 20 ปี"เจี๊ยบ อมรัตน์"ยอมรับรู้จัก"พ่อกำนันนก"ข้าวปลูกครั้งแรกอย่างน้อย 9,400 ปีที่แล้วในจีนสหรัฐฯยอมยกเลิกการอาญัติกองทุนน้ำมันอิหร่านกว่าสองแสนล้านบาท เพื่อแลกกับนักโทษ 5 คน
ตั้งกระทู้ใหม่