เฟี้ยวปะละ!!! ตำรวจแจงแล้วสารโคเคนในตัว “บอส” ทันตแพทย์ใช้รักษาฟันจึงไม่สั่งฟ้อง
ที่ประชุมคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร โดยมีนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกมธ. ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยเชิญ พล.ต.ท.จารุวัฒน์ ไวศยะ ผู้ช่วยผบ.ตร. พล.ต.ท.สมชาย พัชรอินโต ผบช.สำนักงานกฎหมายและคดี มาให้ข้อมูลต่อกมธ. กรณีไม่แย้งคำสั่งอัยการที่ไม่ฟ้องนายวรยุทธ หรือ บอส อยู่วิทยา ทายาทเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดังขับรถชนตำรวจ สน.ทองหล่อ เมื่อปี 2555
นายนิโรธ แถลงผลหลังประชุมว่า กมธ.สอบถามตำรวจหลายประเด็นในกรณีไม่สามารถเอาผิด ข้อหาเมาแล้วขับของนายวรยุทธ โดยได้รับคำชี้แจงว่า เนื่องจากพนักงานสอบสวนไม่สามารถตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์หลังเกิดเหตุได้ทันที เพราะผู้ต้องหาขับรถหลบหนีเข้าบ้าน ตำรวจทำได้เพียงล้อมบ้านไว้กว่าจะได้หมายศาลเข้าไปตรวจค้นบ้าน นำตัวผู้ต้องหาไปตรวจแอลกอฮอล์ เป็นเวลา 16.00น. ทิ้งเวลาจากตอนเกิดเหตุนานถึง 10ชั่วโมงโดยตามกฎหมาย ระบุว่า การจะนำคดีตรวจสอบแอลกอฮอล์สู่ศาลได้ต้องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ทันทีหลังเกิดเหตุจึงไม่สามารถเอาผิดกรณีนี้ได้
ส่วนเรื่องความเร็วรถยนต์ นายนิโรธ กล่าวว่า ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีหน่วยงานตรวจสอบความเร็ว 3 หน่วย ดังนี้
1.กองพิสูจน์หลักฐาน ใช้หลักฟิสิกส์ ดูหลักการปะทะจะมีความเร็วและความแรงแค่ไหน ผลเบื้องต้นพบ น่าจะมีความเร็วเกิน 80กม.ต่อชม.
2. อาจารย์มหาวิทยาลัยพระจอมเกล้าพระนครเหนือ ใช้หลักวิศวกร คำนวณจากกล้องวงจรปิด พบความเร็วอยู่ที่ 80กม.ต่อ ชม.
3.อาจารย์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ใช้หลักวิศวกร คำนวณจากกล้องวงจรปิดเช่นกัน พบความเร็ว 177กม.ต่อ ชม. เมื่อข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญความเร็วต่างกัน อัยการจึงเชิญกองพิสูจน์หลักฐานและอาจารย์จุฬาฯ มาให้ข้อมูลอีกครั้งทั้ง 2 หน่วยงาน และยอมรับว่า อาจจะคำนวณความเร็วผิดพลาด เนื่องจากไม่ได้หักลบค่าเลนส์ที่กล้อง อัยการ จึงเห็นว่า ควรหาประจักษ์พยานเพิ่มเติมเป็นเหตุให้มีพยานเพิ่มอีก 2 ปากคือ 1.นายจารุชาติ มาดทอง เป็นพยานที่อยู่ในสำนวนตั้งแต่แรกแล้ว และยืนยันว่า ผู้ต้องหาขับรถไม่น่าจะเร็ว และ 2.พล.อ.ท.จักรกฤช ถนอมกุลบุตร เป็นพยานที่อัยการให้ตำรวจไปสอบเพิ่มเติม เนื่องจาก ก่อนหน้านี้ผู้ต้องหาขอให้ตำรวจสอบพยานรายนี้ แต่ตำรวจ ระบุว่า ทำสำนวนเสร็จแล้ว ถ้าจะสอบเพิ่มให้ไปร้องขอความเป็นธรรมจากอัยการ เพื่อให้มีคำสั่งสอบพยานเพิ่มเติม กระทั่งในที่สุดอัยการสั่งให้สอบพยานรายนี้เพิ่มเติมจนเป็นข่าวอยู่ขณะนี้ อย่างไรก็ตาม กมธ. พิจารณาว่า คดีนี้ ไม่น่าจะถูกต้องและไม่ชอบธรรม จึงฝากข้อสังเกตไปยังตำรวจให้ตรวจสอบรายละเอียดที่ขาดตกบกพร่องอยู่
ด้านนายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ โฆษกกรรมาธิการ กล่าวว่า กรรมาธิการมีข้อสงสัยสำคัญในการซักถามพนักงานสอบสวนถึงสาเหตุที่ไม่มีการแจ้งข้อหาพบสารแปลกปลอมที่เกิดจากยาเสพติดในร่างกายของผู้ต้องหาตามที่มีการตรวจทางนิติเวชวิทยาและยืนยันผลตรวจเลือดของนายวรยุทธ หรือ บอส โดยพนักงานสอบสวน ชี้แจงเหตุผลว่า ที่ไม่แจ้งข้อกล่าวหา เพราะมีทันตแพทย์ ยืนยันว่า สารที่ตรวจพบในร่างกายวรยุทธ เป็นยาที่มีส่วนผสมของโคเคนในการรักษาฟันให้กับนายบอส ทำให้ไม่สั่งฟ้องในเรื่องนี้ แต่พนักงานสอบสวนไม่ได้ให้รายละเอียดที่ชัดเจนและไม่มีใบรับรองแพทย์ยืนยันว่า สารดังกล่าวเกิดขึ้นจากการรักษาฟันจริงหรือไม่เป็นการชี้แจงปากเปล่าเท่านั้น จึงเห็นว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ควรออกมาชี้แจงและตอบคำถามสังคมให้ชัดเจนเพราะถือเป็นประเด็นสำคัญ
🛑 กมธ.ตำรวจฯ เผยสารเสพติดในตัว #บอสอยู่วิทยา เกิดจากยารักษาฟัน !!!
— may kanoknuan (@kanoknuan_) July 30, 2020
พนักงานสอบสวนให้เหตุผลที่ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาเพราะ ทันตแพทย์ยืนยันว่าให้ยาที่มีส่วนผสมของโคเคนในการรักษาทำฟัน ซึ่งเมื่อดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปผสมจะทำให้เกิดสารแปลกปลอมดังกล่าวในร่างกาย https://t.co/KAlcGod4eQ