มาช้าแต่มานะ! หมอพรทิพย์ โพสต์แนะโมลด์เครื่องใหม่ ปฏิรูประบบยุติธรรม ชี้ปกปิดทุกปัญหา
28 ก.ค. 63 แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ กรรมการในคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านกระบวนการยุติธรรม โพสต์ข้อความผ่านอินสตาแกรม วิพากษ์วิจารณ์องค์กรยุติธรรมต้องล้างเครื่องยกใหญ่มีเนื้อหาดังนี้
ในที่สุดสถานการณ์ก็เดินเข้าสู่เส้นทางกรรม แผนปฏิรูปประเทศถูกกำหนดกรอบไว้ว่าต้องสร้างระบบรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ เจ้าหน้าที่ต้องมีความรู้ มีอำนาจในการเก็บหลักฐาน ส่งตรวจ ทำรายงาน
ไม่ใช่ปล่อยให้ใช้ดุลพินิจ เลือกเก็บ เลือกตรวจ เลือกทำสำนวนโดยพนักงานสอบสวน พยานหลักฐานจะเข้าสู่สำนวนทั้งหมด อัยการและศาลจะได้เห็นในสำนวน ผู้ตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ต้องมีระบบประกันคุณภาพ มีความรู้มีความสามารถมีคุณธรรม ความเร็วรถจะแตกต่างกันขนาดนี้ไม่ได้
แต่กรณีนี้มีประเด็นเรื่องการสั่งของอัยการ และผู้บังคับบัญชาตำรวจที่ทำไมจึงดูเหมือนเป็นการตัดสินใจโดยลำพัง ที่หนักสุดเห็นจะเป็นกรรมาธิการทางการเมืองทั้งระดับสสและสวที่ต้องโปร่งใสตรวจสอบได้ ราบชื่อที่ปรากฎสะท้อนระบบพรรคพวก ไม่ได้เน้นที่ความยุติธรรม ที่สำคัญทนายความในคดีทำไมจึงมีชื่อเป็นที่ปรึกษากรรมาธิการชุดนี้และตัวเองยังยื่นเรื่องขอความเป็นธรรม
อีกเรื่องที่พยายามผลักดันทุกทางคือสิทธิที่จะรับรู้ของเหยื่อ ระบบของไทยมักปกปิด อ้างว่าเป็นความลับในสำนวน จนทำให้ไม่สามารถตรวจสอบได้ คราวนี้สื่อนอกเป็นผู้เสนอข้อมูลให้สังคมได้รู้จนร้อนเป็นไฟไปทั่ว เรื่องนี้เห็นทีจะเงียบหายง่ายๆไม่ได้แน่นอน
ไม่ปฏิรูปคงไม่ได้แล้ว มีหลักฐานชัดเจนในคดีแต่ผู้ที่ทำสำนวนที่ทำให้เกิดความอ่อนจนท้ายสุดสั่งไม่ฟ้อง ทั้งผู้บริหารของอัยการทั้งตำรวจต่างไม่มองที่ความจริง ความยุติธรรม แต่มองที่ข้อกฎหมายจึงปัดความรับผิดชอบกันให้วุ่นวาย
ทุกคดีที่ล้มเหลวต้องมีคำตอบไม่ใช่โทษกันไปโทษกันมา และไม่ยอมให้คนนอกตรวจสอบ นายกปรับครมแล้วเห็นทีจะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปเฉยๆไม่ได้เพราะท่านสัญญาต่อสภาว่าจะปฏิรูปตำรวจ ความล้มเหลวของคดีนี้เป็นเรื่องกระบวนการยุติธรรม ต้องคลี่ให้เห็นปัญหาทุกจุด ทุกขั้นตอน
ยามนี้กรรมาธิการยุติธรรมของสสกำลังขับเคลื่อน มีการตอบสนองต่อปัญหาเร็วมาก ต่างจากกรรมาธิการยุติธรรมของสวที่นิ่งเฉยทั้งที่มีหน้าที่ต้องปฏิรูป อย่าปล่อยให้เรื่องเงียบหาย คดีน้องชมพู่ก็คือปัญหาในการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน อ่านข่าวว่าอัยการส่งหนังสือแจ้งตำรวจว่าสั่งไม่ฟ้อง ตำรวจจึงออกหนังสือว่าจะถอนหมายทั้งที่แก่นของปัญหาคือความล้มเหลวที่ทุกฝ่ายต้องรับผิดชอบ
ที่สำคัญคือสื่อต่างประเทศเป็นคนนำข้อมูลมาเปิดเผย ไม่ใช่สื่อไทย ไม่รู้สึกอายกันบ้างหรือ เรื่องนี้ไม่มีทางจบง่ายๆแน่นอน
ดูโพสต์นี้บน Instagram
ดูโพสต์นี้บน Instagram