ปราสาท Malbork: อิฐมหัศจรรย์

ปราสาท Malbork ทางตอนเหนือของโปแลนด์สวมหมวกขนนกสองตัว ไม่เพียง แต่จะเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่วัดตามพื้นที่เท่านั้น แต่ยังเป็นปราสาทอิฐที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย

ปราสาทแห่งนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 13 โดยอัศวินเต็มตัวซึ่งเป็นศาสนานิกายคาทอลิกของแซ็กซอนหลังจากยึดครองปรัสเซียโบราณเพื่อเสริมสร้างการควบคุมพื้นที่ของตนเอง ในอีกร้อยปีข้างหน้าปราสาทได้ถูกขยายแต่งและเสริมสร้างจนกลายเป็นปราสาทที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ปราสาท Malbork ในแคว้นพอเมอราเนียประเทศโปแลนด์ รูปภาพ: Darios / Shutterstock.com

Malbork Castle หรือ Marienburg ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำ Nogat ห่างจากทะเลบอลติกประมาณ 25 ไมล์ แม่น้ำก่อตัวเป็นเขตแดนตามธรรมชาติไปยังไซต์ยาว 52 เอเคอร์ที่ปราสาทตั้งอยู่ อีกสองด้านได้รับการคุ้มครองโดยที่ลุ่มปล่อยให้ทางด้านทิศใต้หันหน้าเข้าหาปราสาทเพื่อป้องกัน ด้านนี้เสริมด้วยกำแพงและหอคอยที่น่าเกรงขามที่สุด ภายในป้อมปราการนี้มีโครงสร้างการป้องกันสามอย่างที่รวมตัวกันโดยเครือข่ายการป้องกันที่ซับซ้อน

ปราสาทด้านนอกจัดสำนักงานเจ้าหน้าที่บริการและการประชุมเชิงปฏิบัติการที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนคำสั่งสงคราม ปราสาทกลางเป็นศูนย์กลางการบริหารจัดการและยังเป็นที่พักของแขก ปราสาทบนเป็นหัวใจของป้อมปราการแห่งนี้ที่มีโบสถ์บทที่หอพักหอพักห้องครัว ฯลฯ

ปราสาทถูกสร้างขึ้นด้วยอิฐเพราะหินอาคารคุณภาพไม่เพียงพอในภูมิภาค อย่างไรก็ตามรากฐานที่แข็งแกร่งจำเป็นต้องทำให้ปราสาทโดดเด่นสำหรับผู้บุกรุก ดังนั้นสี่ถึงเจ็ดฟุตแรกของผนังทั้งหมดถูกสร้างขึ้นด้วยก้อนหินแม่น้ำเต็มไปด้วยก้อนหินขนาดเล็ก อิฐถูกสร้างและอบบนไซต์ในลานด้านนอกโดยใช้โคลนจากตลิ่ง ต่อมาการก่อสร้างอิฐถูกย้ายไปที่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ หินถูกใช้เท่าที่จำเป็น แต่สำหรับองค์ประกอบการตกแต่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโบสถ์และทางเข้าบ้านบทที่ ประมาณว่ามีการใช้อิฐเจ็ดถึงสามสิบล้านก้อนในการก่อสร้าง

รูปภาพ: Szymon Mucha / Shutterstock.com

ตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ของปราสาท Malbork ในแม่น้ำทำให้เหล่าอัศวินเต็มตัวในการค้าขายแม่น้ำช่วยให้พวกเขาเก็บค่าผ่านทางแม่น้ำจากเรือที่แล่นผ่าน ปราสาทแห่งนี้ยังคงอยู่กับเหล่าอัศวินประมาณ 150 ปีจนกระทั่งกองทัพโปแลนด์ได้ยึดครองในปี ค.ศ. 1457 ในช่วงสงครามสิบสามปี มันกลายเป็นที่อยู่อาศัยของกษัตริย์โปแลนด์ในอีก 300 ปีต่อมานานกว่าสองเท่าที่เคยเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของคำสั่งเต็มตัว

โดยฉากแรกของโปแลนด์ในปี ค.ศ. 1772 ปราสาทก็ถูกทอดทิ้งและถูกนำมาใช้เป็นโรงเรือนและค่ายทหารของกองทัพปรัสเซียน ในปี ค.ศ. 1794 การสำรวจโครงสร้างของปราสาทได้ดำเนินการเพื่อตัดสินใจว่าจะเก็บปราสาทหรือทำลายมัน ภาพร่างของปราสาทและสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นในระหว่างการสำรวจโดย David Gilly สถาปนิกชาวปรัสเซียนผู้เป็นหัวหน้าแผนกของอำนาจการก่อสร้างของรัฐบาลได้รับการตีพิมพ์โดยลูกชายของ Gilly ไม่กี่ปีต่อมา สิ่งสลักเหล่านี้ทำให้ประชาชนปรัสเซียน "ค้นพบ" ปราสาทและประวัติศาสตร์ของอัศวินเต็มตัว

รูปภาพ: Boris Stroujko / Shutterstock.com

หลังสงครามแห่งพันธมิตรครั้งที่หกปราสาทแห่งนี้ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของประวัติศาสตร์ปรัสเซียและจิตสำนึกแห่งชาติ หลังจากนั้นไม่นานการบูรณะปราสาทก็เริ่มขึ้นซึ่งยังคงดำเนินต่อไปเป็นระยะเวลานานกว่าร้อยปี

ในช่วงระบอบการปกครองของนาซีปราสาทก็กลายเป็นสถานที่แสวงบุญ พวกนาซีใช้ภาพของอัศวินเต็มตัวในการโฆษณาชวนเชื่อและอุดมการณ์บ่อยครั้งแสดงให้เห็นการกระทำของเหล่าอัศวินในฐานะผู้บุกเบิกการยึดครองของนาซีในยุโรปตะวันออก โดยเฉพาะอย่างยิ่งฮิมม์เลอร์ที่หมกมุ่นอยู่กับคำสั่งเต็มตัวและต้องการที่จะเห็นเอสเอสอเป็นวันชาติที่ทันสมัยของคำสั่งเก่า ปราสาท Teutonic ทำหน้าที่เป็นพิมพ์เขียวสำหรับปราสาทสั่งซื้อจำนวนมากที่ Hitler สร้างขึ้น

กระแทกแดกดันทั้ง ๆ ที่มีการอ้างอิงถึงประวัติศาสตร์ของคำสั่งเต็มตัวในโฆษณาชวนเชื่อของนาซีสั่งห้ามตัวฮิตเลอร์เพราะเขาเชื่อว่าตลอดประวัติศาสตร์คำสั่งทหารศาสนา - โรมันคาทอลิคเป็นเครื่องมือของพระเห็นและเป็นภัยคุกคามต่อการประกอบ ระบอบนาซี

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการต่อสู้มากมายในพื้นที่และปราสาทได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจากการปอกเปลือกของฝ่ายสัมพันธมิตร เกือบครึ่งหนึ่งของปราสาทพังยับเยิน ในอีกเจ็ดสิบปีข้างหน้าปราสาทก็ค่อยๆถูกนำกลับคืนสู่สภาพเดิม สรุปผลงานเมื่อสี่ปีก่อน (2559)

การทำลายปราสาท Malbork ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 รูปถ่าย: Daniel.widawski / Wikimedia Commons

มุมมองมุมสูงจากปราสาท Malbork รูปภาพ: konradkerker / Shutterstock.com

Brick Gothic รายละเอียดของปราสาท รูปถ่าย: Diego Delso / Wikimedia Commons

ปราสาทชั้นใน Malbork รูปถ่าย: Adriano Oliveira / Flickr

รูปถ่าย: Alexander Baxevanis / Flickr

รูปถ่าย: Leszek Kozlowski / Flickr

รูปถ่าย: Leszek Kozlowski / Flickr