มิติลับ สัมผัสสยอง ตอน โดดขึ้นรถ
ณ เวลาประมาณห้าทุ่มกว่าๆ มีรถกระบะคันหนึ่งขับรถฝ่าความมืดบนถนนเปลี่ยวมาเรื่อยๆ
ซึ่งเขาคนนั้นมีชื่อว่าต้อม … ตัวต้อมในตอนนี้กำลังขับรถจะกลับบ้านต่างจังหวัด โดยเลิกงานปุ้บต้อมก็กลับบ้านเลย เพราะเขาได้ลาพักร้อนไป 5 วัน เพื่อกลับไปหาพ่อแม่และครอบครัว
และเหตุผลที่ต้อมเลือกขับกลับในเวลากลางคืนนั้นเพราะเขาไม่ชอบการขับรถในเวลากลางวันเนื่องจากว่ารถเยอะบวกกับอากาศร้อนเขาจึงเลือกที่จะกลับตอนกลางคืน
และครั้งนี้มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้อมกลับในเวลากลางคืน โดยทุกๆครั้งที่เขาขับรถกลับผ่านโค้ง ผ่านศาลต่างๆ เขาก็จะบีบแตรรถสามครั้ง
“ ปี๊กๆๆ “
เพื่อเป็นการเคารพสถานที่นั้นๆ
ซึ่งครั้งนี้ก็เหมือนกันเขาเคยทำแบบไหน ก็ทำแบบนั้นอยู่เรื่อยๆ
จนกระทั่งต้อมขับรถมาจนมาจนถึงตีสามหน่อยๆ และตอนนั้นมันก็ใกล้จะถึงเขตหมู่บ้านแล้ว เพราะเหลืออีก 20 กิโลก็คงถึงแล้ว
ตอนนั้นต้อมขับมาถึงโค้งอีกโค้งหนึ่งเขาก็บีบแตรเพื่อเคารพสถานที่อีกที แต่ครั้งนี้มันก็มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นเมื่อเขาบีบแตรเสร็จ ก็มีงูเหลือมตัวใหญ่เลื่อยผ่านทางมา ต้อมจึงเบรกรถดังเอี๊ยด เพื่อให้งูตัวนั้นเลื้อยผ่านไปก่อน
และด้วยความที่งูมันเลื่อยช้า ต้อมจึงนั่งรอและเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อยๆ และในขณะที่ต้อมนั่งเล่นโทรศัพท์ ต้อมก็รู้สึกเหมือนว่ามีอะไรสักอย่างกระโดดขึ้นท้ายรถเขาเพราะรถมันยุบไปทีหนึ่ง
ตอนนั้นต้อมรีบหันกลับไปมองก็ไม่เจออะไร ก่อนจะหันกลับมาตรงถนน ก็ตกใจไปอีกเพราะก่อนหันไปงูพึ่งเลื่อยไปได้ครึ่งทางเอง แต่ตอนนี้คืองูหายไปไหนไม่รู้
ต้อมมองไปที่ถนนพร้อมขยี้ตาก่อนจะเกาหัวเบาๆแล้วขับรถไปต่อ
ซึ่งพอขับไปได้แปปเดียวมันก็มีเรื่องแปลกเกิดขึ้นอีกเมื่อมีกลิ่นเหม็นเน่าลอยมาจากไหนก็ไม่รู้
ตอนนั้นต้อมต้องเร่งแอร์แล้วหยิบน้ำหอมมาฉีดให้ทั่วรถเพื่อดับกลิ่น แต่กลิ่นก็ยังไม่ได้จางไปเลย แถมเหม็นมาก เหม็นเหมือนกับว่ารถเขาบรรทุกของเน่ามาซะงั้น
พอกลิ่นมันแรงขึ้น ต้อมก็เริ่มมองซ้ายมองขวาหาที่มาของกลิ่นล่ะ และพอหันซ้ายหันขวาไม่เจอ ต้อมก็เลยไม่ได้สนใจอะไรแล้วคิดว่า ขับต่อไปอีกนิดหนึ่งคงหาย
แต่มันไม่ใช่อย่างที่ต้อมคิดเลย เมื่อขับไปอีกนิดหนึ่งกลิ่นก็ยังไม่หาย แล้วยังมีเหตุการณ์ที่ทำเอาต้อมต้องเกือบช็อคเกิดขึ้นมาอีก
เมื่อต้อมมองผ่านกระจกหลังแล้วเห็นว่ามีร่างๆหนึ่งนั่งอยู่ข้างหลังรถตรงท้ายรถ เขานั่งอยู่ในลักษณะก้มหน้านิดๆ ผมยาว แล้วมองมาทางต้อมราวกับรู้ว่าต้อมมองอยู่
ตอนนั้นต้อมร้องเฮ้ยเสียงดังมากเพราะรู้ละว่าตัวเองโดนดีแน่นอน ต้อมจึงรีบเหยียบคันเร่งเพื่อขับรถให้เร็วสุดๆและมากกว่าขับรถเร็วคือต้อมขับสะบัดซ้าย ขวา เพื่อให้ตัวที่เกาะท้ายรถหลุด แต่สะบัดยังไงก็ไม่หลุด ต้อมจึงตัดสินใจเหยียบเบรกกะทันหันดัง “ เอี๊ยดดดดด”
เมื่อเหยียบเบรกกะทันกันจนหัวเกือบฟาดพวงมาลัยแล้ว ต้อมก็รีบหันไปมองข้างหลัง ซึ่งก็ไม่เจออะไรแล้ว ต้อมจึงค่อยๆยิ้มออกมาได้บ้าง
แต่ก็ยิ้มได้ไม่นาน เมื่อต้อมหันกลับมาที่หน้ารถ ก็เจอตัวที่เขาพยายามจะสบัดให้หลุดมาเกาะอยู่กระจกหน้ารถแทน
โดยเขาพยายามทุบกระจกรถของต้อมอยู่ ซึ่งทุกครั้งที่ทุบเลือดก็จะกระเด็นเต็มหน้ากระจกรถไปทั่ว
ต้อมเองก็มองภาพที่เกิดขึ้นแล้วร้อง “ อร๊าคคคค” ดังมาก
ก่อนจะรีบเหยียบคันเร่งแล้วขับต่อแบบสะบัดซ้ายขวาอีกเช่นเคย
และการสะบัดครั้งนี้ก็ทำเอาร่างนั้นกระเด็นตกข้างทางไป
แล้วหลังจากนั้นต้อมก็รีบขับรถไปต่อ โดยขับมาสักพักก็เจอวัดๆหนึ่ง ต้อมจึงรึบขับเข้าไปเพื่อขอความช่วยเหลือทันที
ซึ่งพอขับเข้าเขตวัดก็แทบไม่น่าเชื่อเลยว่า เลือดที่มันติดอยู่ตามกระจกรถก็ค่อยๆหายไป
ส่วนต้อมเองก็ไปนั่งอยู่แถวๆกุฏิ ซึ่งตอนนั้นมาก็เห่าและหอนหนักมากทำให้พระตื่นแล้วออกมาหาต้อม
และพอพระออกมา ต้อมก็เล่าทุกอย่างให้ฟังและขอนอนที่นี้จนกว่าจะเช้าถึงเดินทาง
พระก็ยอมให้นอน…และก่อนที่พระจะพาต้อมไปนอนทั้งคู่ก็มองไปที่ทางเข้าวัดที่หมาหอน ณ จุดนั้นหนักมาก
ซึ่งพอมองไปปุ้บก็เจอผู้หญิงคนที่เกาะรถต้อมนั้นล่ะยืนกวักมือเรียกต้อมอยู่
พอต้อมเห็นก็ช้อคมากรีบกอดขาพระทันที
ส่วนพระก็มองไปแบบนิ่งๆ ก่อนจะตะโกนไปว่า
“ ต่างคนต่างอยู่นะโยม อย่างสร้างเวรสร้างกรรมกันเลย”
แล้วพระก็พาต้อมขึ้นกุฏิไป
จนกระทั่งรุ่งเช้าพระก็รดน้ำมนต์ให้ต้อม พร้อมเจิ่มรถให้ใหม่แล้วเล่าให้ต้อมฟังว่า
“ ทางผ่านที่ต้อมมา มันเกิดอุบัติเหตุเมื่อเดือนก่อนๆ โดยมีผู้หญิงขี่มอไชต์ไปแหกโค้งและตายตรงนั้น และเหมือนกับว่าดวงวิญญาณจะวนเวียนอยู่ไม่ไปไหนสักที
เพราะคนแล้วคนเล่าที่ผ่านทางนั้นในเวลากลางคืน ก็ล้วนแล้วแต่เจอแบบต้อม ซึ่งต้อมก็ยังโชคดีที่เป็นรถกระบะ บางคนขี่มอไชต์ผู้หญิงคนนั้นก็โดนขึ้นมอไชต์มาเลยก็มี”
พอต้อมได้ฟังต้อมก็กลัวหนักมาก…และหลีกเลี่ยงการเดินทางทางนั้นไปเลย โดยตอนกลับก็ไปอีกทาง ถึงแม้จะเดินทางไกลหน่อย แต่มันก็ยังกว่าไปเสี่ยงช้อคตายทางนั้น
สามารถรับชมได้ที่ aplay.tv https://bit.ly/2OJcDz9