พบโครงกระดูกเหยื่อฆาตกรรม "ปริศนา" อายุ 2,000 ปีจากยุคเหล็ก ขณะอังกฤษสร้างรถไฟสายใหม่
พบโครงกระดูกเหยื่อฆาตกรรม "ปริศนา" อายุ 2,000 ปีจากยุคเหล็ก ขณะอังกฤษสร้างรถไฟสายใหม่
นักโบราณคดีอังกฤษพบโครงกระดูกจากยุคเหล็กซึ่งมือถูกมัดไพล่หลังไว้ โดยเชื่อว่าชายคนนี้เป็นเหยื่อการฆาตกรรม
ทีมนักโบราณคดี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทีมสร้างเส้นทางรถไฟ HS2 ซึ่งจะมีความเร็ว 362 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พบโครงกระดูกอายุ 2,000 ปีของชายคนหนึ่งที่ฟาร์มเวลล์วิค ใกล้เมืองเว็นโดเวอร์ในมณฑลบักกิงแฮมเชียร์ของอังกฤษ
ดร.เรเชล วูด จากทีมนักโบราณคดีบอกว่า การเสียชีวิตดังกล่าวเป็น "ปริศนา" และหวังว่าการวิเคราะห์เพิ่มเติมจะช่วยให้ได้ข้อมูลมากขึ้นเกี่ยวกับการค้นพบที่มีแนวโน้มน่าสยดสยองนี้
นอกจากโครงกระดูกดังกล่าวแล้ว ทีมนักโบราณคดียังเจออนุสาวรีย์ที่ทำจากไม้ซึ่งจัดเรียงในลักษณะคล้ายกันกับสโตนเฮนจ์ และก็หลุมศพจากยุคโรมัน
นี่เป็นส่วนหนึ่งของการค้นพบของจากยุคหินใหม่ไปจนถึงยุคกลาง ก่อนที่จะเริ่มก่อสร้างเส้นทางรถไฟจากกรุงลอนดอนไปเบอร์มิงแฮม แมนเชสเตอร์ และลีดส์
ดร.วูด ซึ่งทำงานให้บริษัทฟิวชัน เจวี (Fusion JV) ระบุว่า "การค้นพบสถานที่ที่แสดงให้เห็นกิจกรรมของมนุษย์ในช่วงเวลา 4,000 ปีทำให้เราค่อนข้างแปลกใจ"
สิ่งที่พบจากยุคหินใหม่เป็นอนุสาวรีย์วงกลมที่ทำจากท่อนไม้ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 65 เมตรหลายท่อน และจัดเรียงตามการขึ้นของดวงอาทิตย์ในวันเหมายัน (winter solstice) ซึ่งเป็นวันที่ช่วงกลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปี ประเทศในแถบซีกโลกเหนือถือให้เป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนประเทศทางซีกโลกใต้นับเป็นวันที่ย่างเข้าสู่ฤดูร้อน
พื้นที่บริเวณนี้ยังมีหลักฐานว่ามีมนุษย์อยู่อาศัยตั้งแต่ยุคสัมฤทธิ์ไปจนถึงยุคเหล็ก (3,000 ปีก่อนคริสตศักราช-ค.ศ.43) อีกด้วย
ในยุคโรมัน พื้นที่บริเวณนี้ถูกใช้สำหรับฝังศพ โดยพบโครงกระดูกของคนชั้นสูง โดยมีโลงศพราคาแพงที่ทำจากตะกั่ว
ด้วยเหตุนี้ โครงกระดูกชายจากยุคเหล็กจึงแปลกที่สุด โดย ดร.วูด บอกว่า "การตายของชายที่ฟาร์มเวลล์วิคยังเป็นปริศนาอยู่ ไม่มีเหตุอื่นมากมายที่ร่างคุณจะไปลงเอยที่ก้นคูน้ำ หน้าคว่ำ และมือถูกมัดไพล่หลัง"
ดร.วูด หวังว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกจะสามารถไขข้อสงสัยถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับชายคนนี้ได้
เส้นทางรถไฟ HS2 เป็นโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปซึ่งถูกชะลอมานาน และตัวเลขงบอย่างเป็นทางการที่ 6.5 หมื่นล้านปอนด์ในปี 2015 กลายเป็น 1.06 แสนล้านปอนด์แล้ว
อ้างอิงจาก: HS2