แม้ว่าจะไม่มีใครรู้ว่าฮอตดอกกลายมาเป็นสัญลักษณ์ที่นิยมในฤดูร้อนได้อย่างไร? สิ่งที่เราสามารถคาดเดาถึงวิธีที่พวกมันกลายมาเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเฉลิมฉลองในวันที่ 4 ของเดือนกรกฎาคม หากคุณเชื่อตำนานเรื่องในนิวยอร์ก ที่ผู้อพยพ 4 คนแข่งขันกินฮอตดอกที่แผงขายฮอตดอกชื่อดังของ Nathan บนเกาะ Coney ในวันที่ 4 กรกฎาคม 1916
การแข่งขันกินฮอตดอกถูกตั้งว่าเป็นข้อสรุปของการโต้แย้งเกี่ยวกับการที่มันกลายมาเป็นสัญลักษณ์ คือ นับตั้งแต่ปี 1916 เป็นต้นมา ร้านของ Nathan ที่มีชื่อเสียงบนเกาะ Coney เป็นที่ตั้งของการแข่งขันกินฮอตดอกเกือบทุกปีในวันที่ 4 กรกฎาคม
ในวันนี้การแข่งขันกินฮอตดอกนานาชาติ ที่มีชื่อเสียงของ Nathan ประจำปี เป็นการแข่งขันกินฮอตดอกที่โด่งดังที่สุดในโลก มันได้กลายเป็นประเพณี ในวันประกาศเอกราชสำหรับหลาย ๆ คน
ในแต่ละปีมีผู้คนมากกว่า 40,000 คนมาที่ Coney Island เพื่อชมการแข่งขันซึ่งมักมีการถ่ายทอดสดทาง ESPN!
ในระหว่างการแข่งขันมีผู้แข่งขัน 20 คน เพื่อหาคนที่สามารถกินฮอตดอกิ(กับขนมปัง!) ที่ดีที่สุดในเวลาเพียง 10 นาที นอกจากผู้ชนะมีสิทธิที่จะโม้แล้ว ผู้ชนะอาจจะมีอาการอาหารไม่ย่อย -พร้อมกับได้สวมใส่เข็มขัดประดับด้วยเพชรพลอยสีเหลืองมัสตาร์ดเป็นพิเศษ
Joey Chestnut จากเมืองซานโฮเซ่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ครองสถิติโลกสำหรับการกินฮอตดอก ในปี 2018 เขากินฮอตดอก 73.5 ชิ้น (และขนมปัง!) ใน 10 นาที
คุณสามารถกินฮอตดอกได้มากกว่า 73 ชิ้นในเวลาเพียง 10 นาทีหรือไม่? นั่นเป็นสถิติโลกที่เหลือเชื่อ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ จำนวนฮอตดอกที่ชาวอเมริกันกินตลอดทั้งปี
ตามที่คณะกรรมการฮอตดอกและไส้กรอกแห่งชาติ ระบุว่าชาวอเมริกันกินฮอตดอกมากกว่า 20,000 ล้านชิ้นทุกปี จะมีการกินฮอตดอกมากกว่า 155 ล้านชิ้นเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่ 4 ของเดือนกรกฎาคม
คุณได้ทำในส่วนของคุณหรือไม่? คณะกรรมการประเมินว่าคนอเมริกันแต่ละคนกินฮอตดอกเฉลี่ย 60 ชิ้นต่อปี
คุณเติมอะไรสุดโปรดลงบนฮอตดอก? ทางเลือกสำหรับผู้ใหญ่เป็นมัสตาร์ด ในขณะที่เด็กมักจะชอบซอสมะเขือเทศ
หากคุณสงสัยว่าชื่อ "ฮอตดอก" เป็นมาอย่างไร?
ที่มาของคำว่า "ฮอตดอก" ที่แปลว่า "หมาร้อน" มาจากในปี ค.ศ. 1906 นักวาดการ์ตูนชื่อ Tad Dorgan ได้แรงบันดาลใจจากรูปร่างที่โค้งงอคล้ายสุนัขดัชชุนของไส้กรอก และจากเสียงพ่อค้า "เห่า" ตะโกนเรียกคนซื้อ Dorgan จึงได้วาดรูปสุนัขดัชชุนราดด้วยมัสตาร์ดประกบด้วยขนมปัง และเขียนบรรยายใต้รูปว่า "รับหมาร้อน ๆ" (Get your hot dogs!) เล่ากันว่า Dorgan ไม่สามารถสะกดคำว่า ดัชชุนได้ถูกต้อง จึงใช้คำว่า "หมา" แทน ปรากฏว่าคำว่าฮอตดอกกลายเป็นคำที่ติดปากชาวอเมริกันทั่วไป จนเลิกเรียกไส้กรอกด้วยคำอื่น ๆ และยังทำให้ชาวโลกคิดว่าฮอตดอกเป็นอาหารที่ชาวอเมริกันคิดขึ้นมาอีกด้วย