มิติลับ สัมผัสสยอง ตอน คืนเดือนดับ
สัก เป็นพรานป่าล่าสัตว์ขาย ออกมาล่าสัตว์ในคืนเดือนดับเพราะว่าเคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า ในเวลากลางคืนในที่ป่าแห่งนี้สัตว์จะชุมมาก โดยเฉพาะในคืนเดือนดับมักจะมีสัตว์ใหญ่ๆออกมาหากินเสมอๆ
ท่ามกลางความเงียบสงัดของป่าในช่วงเวลากลางดึกของคืนวันเดือนดับ ได้มีเงาตะคุ่มๆของหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งเดินแหวกความมืดเข้าไปในป่า
ชายคนนี้มีนามว่า สัก เขามีอาชีพเป็นพรานป่าล่าสัตว์ขาย และทุกครั้งที่เขาออกล่า เขาจะเลือกออกล่าในเวลากลางวัน เพราะเขาไม่ค่อยชินกับการเดินป่าในเวลากลางคืนสักเท่าไร
แต่เหตุที่วันนี้เขาออกมาล่าสัตว์ในคืนเดือนดับก็เพราะว่า ตัวสักเองเคยได้ยินผู้เฒ่าผู้แก่บอกว่า ในเวลากลางคืนในที่ป่าแห่งนี้สัตว์จะชุมมาก โดยเฉพาะในคืนเดือนดับมักจะมีสัตว์ใหญ่ๆออกมาหากินเสมอๆ และที่สำคัญไม่เคยมีใครเข้ามาล่าสัตว์ที่ป่าแห่งนี้ในคืนเดือนดับเลยและก็ไม่มีใครบอกสักด้วยว่าเพราะเหตุใดนายพรานคนอื่นๆถึงไม่นิยมเข้ามาสัตว์ในคืนเดือนดับ
ซึ่งด้วยความที่วันนี้มันเป็นคืนเดือนดับ ป่ามันก็ยิ่งดูเงียบไปกว่าทุกๆคืน โดยก้าวแรกที่สักก้าวเข้ามาในป่าเขาก็คิดละว่า ค่ำคืนที่เงียบเช่นนี้ เขาคงจะได้สัตว์ใหญ่แน่นอน
สักคิดพร้อมยิ้มก่อนจะปีนขึ้นไปนั่งบนกิ่งไม้ใหญ่ๆเพื่อส่องสัตว์ และพอนั่งได้สักพักเขาก็ได้ยินเสียงกุ้กๆกั้กๆดังมาจากข้างล่างต้นไม้ ณ ตอนนั้นเขาแอบคิดว่าคงเป็นหมูป่าแน่เลย เพราะหมูป่ามันชอบผ่านมาทางนี้อยู่บ่อยๆ
เขาคิดพร้อมก้มมองไปข้างล่าง... แต่ในขณะที่เขามองลงไป เขากลับเจอกวางตัวหนึ่งที่เขาสวยมาก สวยจนสักคิดการไกลไปว่า ถ้าได้กวางตัวนี้มา เขาคงขายเขากวางได้เงินหลายบาทแน่นอน
สักคิดพร้อมเล็งปืนไปยังกวางตัวนั้น
แต่ในขณะที่เขากำลังจะยิง กวางตัวนั้นก็แหงนหน้ามองสักด้วยสายตาที่แดงก่ำ และสักก็ไม่ได้สนสายตาของกวางที่มองเขาแต่อย่างไร สักทำการเหนียวไกลปืนทันที
“ เปี้ยง!”
และพอสิ้นเสียงปืน กวางตัวนั้นก็ล้มพับลงไปในทันที
สักหัวเราะดังลั่นไปทั่วป่าให้กับความแม่นปืนของตนเอง ก่อนจะรีบลงจากต้นไม้ด้วยความดีใจที่ได้กวางเขาสวย
แต่พอสักลงมาถึงพื้น สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่ออยู่ดีๆ กวางเขาสวยตัวนั้น ก็ค่อยๆลุกขึ้นแบบไม่มีร่องรอยการบาดเจ็บอะไรเลย แถมยังมองมาที่สักด้วยสายตาที่แดงก่ำเช่นเคย
ณ ตอนนั้น สักตกใจให้กับสิ่งที่พบเจอก่อนจะยกปืนขึ้นเพื่อที่จะยิงในระยะประชิดอีกครั้ง
แต่ในขณะที่จะกำลังจะยิง กวางเขาสวยก็วิ่งหายไปในความมืดแบบรวดเร็วมาก
ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำเอาสักโมโหมาก รีบวิ่งตามไปทั้งๆที่ก็มองไม่เห็นด้วยช้ำว่ากวางวิ่งไปถึงไหนแล้ว
สักวิ่งผ่านความมืดไปด้วยความโมโห โดยวิ่งไปด่าไป ก่อนจะต้องเบรกกะทันหันในทันที เพราะเบื้องหน้าที่เขาพบเจอกับเป็นฝูงกวางเขาสวย โดยมีกวางที่เขาวิ่งล่ามายืนนำเป็นจ่าฝูงอยู่
สักยืนนิ่งมองไปที่ฝูงกวางที่ต่างก็ยืนมองเขาอยู่ด้วยสายตาที่แดงก่ำอย่างน่ากลัว
แต่ด้วยความโมโหสักไม่ได้สนสายตาที่หน้ากลัวใดๆของกวางเลย สักตัดสินใจสาดกระสุนใส่ฝูงกวางแบบบ้าคลั่ง
“ เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆ”
พอสิ้นเสียงปืนและสิ้นควันเขม่าปืนสักก็ยิ้มเพราะคิดว่ากระสุนที่สาดไปต้องโดนกวางสักสามสี่ตัวแน่นอน
แต่…นั่นก็เป็นเพียงแค่ความคิดของสัก เพราะความเป็นจริงแล้ว ฝูงกวางยังคงยืนนิ่งชนิดที่ว่าเหมือนไม่ได้โดนอะไรเลย
ณ จุดนั้นสักตกใจหนักมากและเริ่มถอยหลังๆหนีออกทีละก้าวและทุกก้าวที่สักถอยหลังออกไปก็จะมีเสียงหัวเราะดังตามทุกครั้งซึ่งหัวเราะเหล่านั้นก็มาจากฝูงกวางที่เดินหน้าเข้ามาหาสัก
ฝูงกวางที่เป็นสัตว์ แต่มีเสียงหัวเราะเป็นเสียงคนค่อยๆเดินหน้าเข้าหาสักที่ก้าวถอยไปทีละก้าวๆ จนทำเอาสักเริ่มประสาทหลอนจนตัวสักต้องทิ้งปืนแล้ววิ่งหนีไปทันที
สักวิ่งหนีด้วยความกลัวสุดขีด แต่เหมือนกับว่ายิ่งสักวิ่งหนีเท่าไร เสียงหัวเราะมาใกล้เท่านั้น
“ ฮ่าๆๆๆ”
เสียงหัวเราะมันไล่ตามสักมา จนสักคิดว่าตัวเองจะหนีไม่รอดแล้ว …แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีโชคดีอยู่บ้าง เมื่อสักได้วิ่งไปเจอต้นไม้ใหญ่ สักจึงรีบปีนขึ้นไปทันที
พอปีนขึ้นไปได้สักก็กอดกิ่งไม้ใหญ่ไว้แน่นมาก สักทั้งกอดทั้งสั่นแล้วพูดเบาๆว่า
“ กลัวแล้วๆๆ ”
พร้อมกับมองลงไปข้างล่าง ซึ่งมีฝูงกวางตาแดงก่ำยืนมองสักอยู่
และฝูงกวางเหล่านั้นก็ไม่หนีไปไหน เหมือนเฝ้ารอสักอยู่ต้นไม้โดยเดินไปเดินมาอยู่บริเวณโคนต้น
สักเองก็ไม่มีที่จะไปแล้วทำได้แค่นั่งกอดกิ่งไม้ใหญ่พร้อมกับอาการทั้งหอบทั้งสั่น
กระทั่งเวลาผ่านมาเริ่มเช้า แสงแดดเริ่มส่องเข้ามาในป่า ฝูงกวางตาแดงก่ำก็หายไปกับแสงแดดนั้น แต่ตัวสักเองก็ยังไม่กล้าที่จะลงจากต้นไม้ จนกระทั่งถึงเวลาผ่านมาตอนช่วงสายๆเริ่มมีชาวบ้านออกมาตามหาสัก และก็พบว่าสักนั่งกอดกิ่งไม้อยู่บนต้นไม้ใหญ่
ชาวบ้านจึงรีบช่วยกันเอาสักลงจากต้นไม้…แต่กว่าจะเอาลงได้ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะตัวสักไม่ยอมลงเลย พร้อมพูดแต่คำว่า
“ กลัวๆกลัวแล้วๆ “
อยู่อย่างนั้น…ซึ่งหลังจากเอาสักลงได้ ชาวบ้านก็พาสักไปที่วัดเพื่อรดน้ำมนต์ทันที
และในขณะที่หลวงพ่อรดน้ำมนต์ให้สัก หลวงพ่อก็พูดบอกในทำนองที่ว่า...
“ คนเรามักจะตายเพราะความโลภและความอยากได้ของตัวเองทั้งนั้น “
และมันก็มันดีแค่ไหนที่ตัวสักรอดมาได้ในคืนเดือนดับ เพราะไม่เคยมีใครกล้าออกไปล่าสัตว์ที่ป่าแห่งนั้นในคืนเดือนดับ..เหตุผลเพราะเคยมีคนโลภคนหนึ่งออกไปในคืนเดือนดับเหมือนสัก...แต่เขาไม่สามารถกลับออกมาได้แบบทสักเลยเพราะเขาได้จบชีวิตลงในป่าแห่งนั้นโดยการตายแบบแปลกๆนั้นคือ ยืนเอาหลังพิงต้นไม้ใหญ่ตายไป นั่นเอง
และตั้งแต่นั้นมาพอสักเริ่มหายจากอาการกลัวแล้วกลับมาปกติ สักก็ขอบวชทำสมาธิสักพักและหลังจากสึกมาก็ไม่ออกล่าสัตว์อีกเลย
สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ aplay.tv https://bit.ly/2OjXKDt