หัวครกยาร่วงบ้านฉัน
"หัวครก" หรือ "ยาร่วง" หรือ "กาหยี" ที่เรียกกันทางภาคใต้ มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า มะม่วงหิมพานต์ ซึ่งในแต่ละภาคของประเทศไทยก็จะมีชื่อเรียกต่างกันออกไป รัยประทานได้ทุกส่วน เช่น ยอดอ่อนมามาเป็นผักแกล้ม ผลเอามากินสดจิ้มเกลือ หรือนำมาแกง เม็ดเอามาต้มเกลือ คั่ว หรือผัดน้ำตาลปี๊บ (เคลือบคาราเมล) ก็อร่อยไม่แพ้กัน
"หัวครก" เป็นพืชยืนต้นที่มีคุณประโยชน์เกือบทุกส่วน ซึ่งจากที่ผู้เขียนได้ฟังคนเฒ่าคนแก่บอกต่อรุ่นสู่รุ่นนั้น ผู้เขียนได้จำจดและนำมาบอกเล่าผ่านโดยสังเขปผ่านบทความนี้
ใบ จะมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ช่วยบรรเทาอาการริดสีดวงทวารได้ ใบสดนำมาต้มดื่ม/หรือกินยอดอ่อน สามารถช่วยลดไข้ บรรเทาอาการท้องร่วง ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ เพราะใบมีรสฝาด
เปลือกของลำต้น นำมาต้มเอาน้ำกลั้วคอ ช่วยลดอาการปวดฟัน
ผล สามารถทานสด หรือนำมาแกงกะทิใส่ปลาย่างได้ ผลมีคุณสมบัติช่วยขับเหงื่อ ขับปัสสาวะ
เมล็ด มีคุณค่าเป็นแหล่งให้พลังสูง ป้องกันการเป็นนิ่วได้ลักษณะใบมะม่วงหิมมะพานต์ ซึ่งวันนี้ผู้เขียนจะนำส่วนของเม็ดหัวครก (เม็ดมะม่วงหิมพานต์) มาแปรรูป จากพืชที่ไม่มีราคา มาสร้างมูลค่าราคาแพงกันค่ะ
เรามาเริ่มจาก เม็ดหัวครกต้มเกลือ
วัตถุดิบ
1.เม็ดหัวครก (เม็ดมะม่วงหิมพานต์)
2.เกลือ 1/2 ช้อนชา
3.น้ำเปล่า 1 ถ้วยตวง
4.น้ำปูนใส
วิธีทำ
1.นำเม็ดหัวครก (เม็ดมะม่วงหิมพานต์) ที่แก่ผ่าซีกและแกะออกจากเปลือกเรียบร้อยแล้ว ไปแช่น้ำปูนใสเพื่อขจัดยางออกไป และป้องกันไม่ให้เม็ดเละตอนต้ม
2. นำน้ำเปล่าตั้งไฟกลาง จนสังเกตว่าน้ำร้อนมีฟองปุดๆที่ก้นหม้อ ก็ให้ใส่เกลือลงไป
3.เมื่อเกลือละลาย นำเม็ดหัวครก(เม็ดมะม่วงหิมพานต์) ใส่ลงไป ต้มจนสุกเปื่อย
4.เมื่อสุกได้ที่ก็เทใส่กระชอนเพื่อให้สะเด็ดน้ำ ก็เทใส่จานพร้อมเสิร์ฟได้แล้วค่ะ
เพียงเท่านี้เราก็ได้เม็ดหัวครกสดต้มเกลือ (เม็ดมะม่วงหิมพานต์สดต้มเกลือ) เมนูแสนอร่อย รสชาติหวานมัน เค็มนิดๆ เป็นอาหารว่างทานเล่น เคี้ยวเพลินๆ ได้แล้วจ้า
อีกหนึ่งเมนูคือ "เม็ดหัวครกหราน้ำผึ้ง" (เม็ดมะม่วงหิมพานต์เคลือบคาราเมล)
วัตถุดิบ ได้แก่
1. เม็ดหัวครกสดผ่าซีก (เม็ดมะม่วงหิมพานต์ผ่าซีก) 1/2 กก.
2.น้ำตาลเหลว (น้ำตาลปี๊บจากตาลโตนด) 1 ถ้วยตวง
3.เกลือ 1/2 ช้อนชา
4.น้ำมัน
5.ใบหัวครก (ใบมะม่วงหิมพานต์)
6.น้ำปูนใส
วิธีทำ มีดังนี้
1. นำเม็ดหัวครกไปแช่น้ำปูนใสสักครู่ เพื่อขจัดยางให้ออกไป ล้างด้วยน้ำให้สะอาดอีกครั้ง และนำไปทอดในกระทะให้เหลืองกรอบ ตักพักให้สะเด็ดน้ำมัน
2. นำกะทะตั้งไฟอ่อน เทน้ำตาลเหลว ( น้ำตาลปี๊บ) ครึ่งกิโลกรัม ซึ่งผู้เขียนเลือกใช้น้ำตาลเหลว(น้ำตาลปี๊บ) ที่ทำจากน้ำตาลโตนดเคี่ยว ใส่เกลือลงไปสักครึ่งช้อนชา เคี่ยวจนเป็นคาราเมล ข้นเหนียวหนึบหนับเหตุผลที่ผู้เขียนเลือกใช้น้ำตาลเหลวจากตาลโตนด เพราะจะให้คาราเมลสีน้ำตาลอมแดง สีสดสวยกว่าน้ำตาลมะพร้าว และมีกลิ่นหอมกว่าด้วย และตอนเคี่ยวจนเป็นคาราเมล เมื่อเย็นตัวก็จะไม่จับกันเป็นก้อนแข็งเหมือนน้ำตาลมะพร้าว และน้ำตาลทราย แค่น้ำตาลเหลวจากตาลโตนด จะคงรูปคาราเมลเมื่อเย็นตัวคือเหนียวหนึบหนับกัดแล้วไม่แข็ง
3. เมื่อได้คาราเมลแล้ว นำเม็ดหัวครกที่ทอดพักไว้ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. ตักเม็ดหัวครกที่เคลือบคาราเมลแล้วมาหยอดใส่ใบหัวครก ที่เราเตรียมไว้เพื่อรอให้เย็นและเซตตัว แนะนำใบหัวครกที่ใช้เป็นภาชนะรองเม็ดหัวครกหราน้ำผึ้ง (เม็ดมะม่วงหิมพานต์เคลือบคาราเมล) ควรตัดขอบเป็นทรงกลมให้มีขนาดเท่าๆกันเสียก่อน เพื่อเวลาตักหยอดเม็ดหัวครกของเราจะได้ปริมาณเท่าๆกัน
5. เมื่อเย็นและเซตตัวแล้ว ก็พร้อมเสิร์ฟได้แล้วค่ะ กินไม่หมดก็ใส่กระปุกเก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายเดือนเลยนะคะ เป็นการถนอมอาหารด้วยค่ะ
ตักเม็ดมะม่วงหิมมะพานต์ ใส่ใบสำหรับทำจานรอง รสชาติ "หัวครกหราน้ำผึ้ง" จะมีความหวานหอมของน้ำตาลโตนด ความมันจากเม็ดหัวครก เคี้ยวหนึบหนับไม่แข็ง เหมาะกับเป็นอาหารว่างทานเล่นได้ดี แถมอิ่มและให้พลังงานสูงด้วยนะคะ ใครสนใจก็ลองหาซื้อหรือลองทำกินเองได้นะคะ รับรองว่าอร่อยจริงๆน้า