รีวิวตัวอย่าง #ฝ่านรกซอมบี้คลั่ง Train to Busan :Peninsula
หนังน่าดูอีกเรื่องที่อยากจะมาเล่าสู่กันฟังนะครับ สำหรับเรื่องนี้ที่กำลังจะเข้าโรงภาพยนต์ ซึ่งผู้เขียนเองก็รอชมเหมือนกัน เนื่องจากติดตามในภาคแรกมาแล้วครับกับ Train to Busan :Peninsula
หรือในชื่อภาษาไทยว่า "ฝ่านรก ซอมบี้คลั่ง" ถึงแม้ว่าในภาคนี้จะไม่มีสุดหล่อ กงยู แล้ว แต่ก็ได้สุดหล่อคนไหม่มาแทนกับความหล่อสุดเซอร์ของ คังดงวอน เรียกว่าหล่อน้ำตาไหลกันเลยทีเดียว เรื่องราวเบื้องต้น ก็จะเป็นความหายนะแห่งคาบสมุทรเกาหลี 4 ปีให้หลัง Train to Busan ความคลั่งของเหล่าซอมบี้ก็ยังไม่ยุติลงสักทีและดูเหมือนมันยิ่งทวีคูณความโหดมากขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ
เชื้อซอมบี้แพร่กระจายรุนแรง จนกลายเป็นดินแดนนรกร้าง เข้าสู่การดิ้นรนเพื่อเอาตัวรอดอีกครั้ง กับการต่อลมหายใจสุดท้าย ท่ามกลางความน่าสะพรึงของซอมบี้ มีเพียงสิ่งเดียวที่ทุกคนต้องทำ คือ “ต้องรอดตาย” ภาพยนต์จะนำพาเราลุ้นระทึกไปกับภารกิจเดือด ดิบ ด้วยฝีมือการสร้างของ “ยอน ซังโฮ” ผู้กำกับที่ทำให้คนคลั่งมาแล้วทั่วโลกในภาพยนต์เรื่อง Train to Busan ซึ่งครั้งนี้เขาจะกลับมาสร้างโลกแห่งหายนะครั้งใหญ่ใน Train to Busan :Peninsula โอ๊ยยยย.....ผู้เขียนรอชมอยู่ จะไปนั่งกรี๊ดให้โรงแตกกันเลยทีเดียว 5555555...........
เมื่อเชื้อซอมบี้ระบาดกวาดล้างประเทศ จองซอก (คังดงวอน) เกือบจะหนีออกจากเกาหลีใต้ไม่พ้น ขณะที่เขาใช้ชีวิตแบบไร้จุดหมายในฮ่องกง เขาได้รับข้อเสนอให้กลับมาเหยียบคาบสมุทรเกาหลีที่ตอนนี้กลายเป็นเขตกักกันเชื้ออีกครั้ง ภารกิจของเขา คือ ต้องไปกู้ซากรถบรรทุกที่จอดทิ้งอยู่ในกลางกรุงโซลกลับมาให้ได้ในเวลาที่จำกัด แต่แผนกลับล้มเหลวเมื่อกองกำลังไม่ทราบฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า หน่วยพิเศษที่ 631 เข้าจู่โจมทีมของจองซอกขณะเดียวกับที่กำลังรับมือฝูงซอมบี้คลั่ง
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย มินจอง (อีจองฮยอน) และครอบครัวช่วยชีวิตเขาไว้ ทำให้ความหวังสุุดท้ายที่เขาจะหนีไปจากคาบสมุทรแห่งนี้ยังคงอยู่ ชายที่เป็นความหวังของมนุษยชาติอาสาพาผู้รอดชีวิตยืนหยัดฝ่าวิกฤต การต่อสู้ที่ต้องแลกมาด้วยชีวิต...เริ่มต้นอีกครั้ง....
ภาคต่อของ Train to Busan ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกาหลีที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประเทศไทยกว่า 70 ล้านบาท และยังเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้เปิดตัวอันดับ 1 ตลอดกาลในเกาหลี มียอดผู้ชมสูงสุดทะลัก 11.5 ล้านคน และยังกวาดรายได้ทั่วโลก 140 ล้านเหรียญ
ด้วยทุนสร้างที่มากกว่าภาคแรกถึงสองเท่าทำให้ Train to Busan :Peninsula เล่าเรื่องในสเกลที่ใหญ่กว่าและอลังการ ทั้งฉากโลกหลังโลกาวินาศ กรุงโซลทีย่อยยับ ท่าเรืออินชอนทีถูกทําลาย และห้างสรรพสินค้าร้างที่กลายเป็นลานประลอง การันตีว่าต้องระทึกกว่า Train to Busan ทำให้ Peninsula เป็นภาคต่อที่สมภาคภูมิที่สุดเท่าที่หนังเอเชียเคยมีมา
ผู้กํากับยอนซังโฮได้รับแรงบันดาลใจในการจําลองภาพดินแดนวันสิ้นโลกจากภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดแนว post-apocalypse อย่าง Mad Max 2, Mad Max: Fury Road, Land of The Dead และ The Road รวมถึงอนิเมะเรื่องดังอย่าง Akira และ Dragon Heads โดยใช้ระยะเวลาในการถ่ายทําทั้งสิ้น 62 วัน
ต่อยอดความสำเร็จของภาพยนตร์เกาหลีในเวทีระดับโลกที่ Parasite ได้กรุยทางไว้ให้โดย ยอนซังโฮ ผกก. Train to Busan : Peninsula ให้สัมภาษไว้ว่า "เมื่อก่อนผู้กำกับเกาหลีต้องข้ามน้ำข้ามทะเลไปอเมริกาเพื่อทำหนังให้ฮอลลีวู้ด มีนักแสดงอเมริกัน พูดภาษาอังกฤษ แต่ตอนนี้ที่มีหลายแพล็ตฟอร์มให้เราแสดงผลงานมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นเน็ตฟลิกซ์ หรือความสำเร็จของ Parasite มันทำให้หลายๆ อย่างเปลี่ยน แต่เพียงเพราะว่า Parasite ได้กระแสตอบรับล้นหลามไม่ได้แปลว่าเราควรทำ Parasite 2 มันยังมีหนังอีกหลายแนวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นหนังเกาหลีฟอร์มยักษ์หรือนอกกระแส Parasite ช่วยทะลายกำแพงที่เคยมีอยู่ได้หมดสิ้นแล้ว เราแค่ต้องเดินตามรอยเข้าไป"
และล่าสุด Train to Busan : Peninsula เป็นหนึ่งในภาพยนตร์ 56 เรื่องที่ถูกเลือกให้ได้รับการประทับตราเป็น “Official Selection” หรือภาพยนตร์ที่ได้รับเลือกอย่างเป็นทางการจากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ประจำปี 2020 ซึ่งในปี 2016 Train to Busan เองเคยแจ้งเกิดสร้างเสียงฮือฮามาแล้วหลังจากเปิดฉายในกลุ่ม Midnight Screening ก่อนจะกลายเป็นปรากฏการณ์เค-ซอมบี้ฟีเวอร์ไปทั่วโลก
23 กรกฎาคมนี้ ขอแว๊บไปดูก่อน พร้อมนี้ผู้เขียนได้นำภาพสวยๆจากโปสเตอร์หนังมาฝากกันครับ สำหรับวันนี้สวัสดีครับ........