เปิดความจริง คนโบราณทำไมถึงบอกว่า "กินข้าวเสร็จ อย่าเพิ่งอาบน้ำ" เด็ดขาด แท้จริงแล้วมันมีประโยชน์ต่อเรามากๆ
***อาบน้ำตามแบบโบราณว่าไว้***
เคยได้ยินไหมว่า 'เพิ่งกินข้าวเสร็จอย่าเพิ่งอาบน้ำ' เพราะอาหารจะไม่ย่อย คนโบราณรู้อะไรที่เราไม่รู้...
เพราะกระเพาะต้องใช้เลือดในการย่อยอย่างมาก หากไปอาบน้ำ เลือดจะวิ่งมาที่ผิว ไม่ช่วยกระเพาะย่อยอาหาร ท้องก็จะอืด...สุดท้ายก็เน่าใน(เพราะการย่อยไม่สมบูรณ์ อาหารที่เหลือไปหมักหมมที่ลำไส้) เมื่อเริ่มกินอาหารแล้ว..อย่าเพิ่งอาบน้ำ เดินย่อยสัก 2-3 ชั่วโมงค่อยอาบ
วิธีการอาบน้ำที่ดีแต่โบราณก็คือ
ตอนเช้าให้อาบน้ำเย็น...เพื่อให้ร่างกายสดชื่น กะปรี้กะเปร่า ปลุกความรู้สึกที่หลับไหล ให้ตื่นมามีแรงสู้กับวันใหม่ และควรอาบก่อนกินอาหารเช้าด้วย
ตอนเย็นให้อาบน้ำอุ่น ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย หลับสบาย ความเครียดจากกิจกรรม ระหว่างวันจะถูกระบายออกไปทางรูขุมขน ไม่เก็บกักไว้ในหัวใจ 'หากความเครียด เก็บกักไว้ในหัวใจ' จะทำให้เป็นคนนอนหลับยาก ตื่นเช้ามาก็จะเพลีย นอนไม่อิ่ม
แต่ถ้าตอนเช้าหากไปอาบน้ำอุ่น ก็จะทำให้เลือดถูกดึงมาที่ผิวมาก และระบายออกทางรูขุมขนที่เปิด เสียพลังงานแต่เช้า จะรู้สึกไม่สดชื่นแต่กลับผ่อนคลาย ไม่อยากทำอะไร ซึ่งจริงๆ แล้วในตอนเช้า เป็นเวลาที่กระเพาะทำงานได้สูงสุด ย่อยอาหารได้สูงที่สุด
ดังนั้นหากทำเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ จะกินอาหาร แล้วย่อยยาก ท้องอืด มีอาการเพลียหลังกินข้าว ต้องกินกาแฟ ตามลงไปจึงทำให้รู้สึกตื่นขึ้น สุดท้ายก็ติดกาแฟอีกด้วย อาหารที่ย่อยไม่หมด จะเน่าที่ภายในลำไส้ ก่อให้เกิดสิวฝ้า เพราะของเสียต้องถูกระบายออกทางรูขุมขน
ควรอาบน้ำเย็นในยามเช้าแทน(อุณหภูมิที่ทนได้ ไม่จำเป็นต้องมาจากตู้เย็น แต่อาบแล้วรู้สึกเย็น) เพื่อจะช่วยให้รูขุมขนปิด พลังชี่ถูกเก็บไว้ในกาย พร้อมกับทำงานได้ตลอดทั้งวัน สังเกตได้เลยว่าจะรู้สึกมีกำลังมากขึ้น ไม่อ่อนเพลีย
เทคนิคช่วยทำให้หน้าเด้ง...
คือในยามเช้า ให้เอาน้ำเย็น(เจี๊ยบ)มาล้างหน้า... (ในสมัยก่อน น้ำฝนในตุ่มก็เย็นชื่นใจแล้ว แต่ในเมืองจีน น้ำเย็นถึงใจเลย ส่วนยุคเรา แนะนำให้เอามาจากตู้เย็นเลย) เนื่องจากที่ใบหน้าเป็นเส้นลมปราณหยางทั้งหมด ลองเอาน้ำเย็นมาล้างดู จะรู้สึกอุ่น และสดชื่น เลือดมาเลี้ยงเยอะขึ้น ผิวหน้าจะไม่หย่อนยานง่าย บางคนจะเกิดปรากฎการณ์ 'อมชมพู' โดยมิได้คาดหมาย ดวงตาจะสดใส เปล่งประกาย