ประวัติการตั้งอำเภอบรบือ จังหวัดมหาสารคาม
เมื่อเริ่มจัดการปกครองตามพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ รศ. ๑๑๖ (พ.ศ. ๑๔๔๐) ตั้งนามอำเภอนี้ว่า “อำเภอปัจจิมสารคาม” เดิมที่ว่าการตั้งอยู่ในเขตเทศบาลเมืองมหาสารคามปัจจุบัน ซึ่งขณะนั้น เมืองมหาสารคาม
มีอยู่ ๒ อำเภอคือ อำเภออุทัยสารคาม (อำเภอเมืองมหาสารคามปัจจุบัน) และอำเภอปัจจิมสารคาม มีหลวงสารคามการนิคม หรือหลวงสารประสิทธิ์เขต (โลม เปาริสาร) เป็นนายอำเภอ
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๓ พระพิทักษ์นรากร หรือพระเจริญราชเดช
(อุ่น ภวภูตานนท์) ข้าหลวงกำกับราชการเมืองมหาสารคาม ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งให้เป็นผู้ว่าราชการเมืองมหาสารคาม ได้พิจารณาเห็นว่า บ้านเมืองได้เจริญและมีผู้คนหนาแน่นขึ้น ควรจะได้ขยายตัวเมืองและอำเภอออกไป จึงได้ทำหนังสือกราบทูลสมเด็จพระเจ้าวรวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ขอย้ายอำเภอปัจจิมมหาสารคามจากเมืองมหาสารคามไปตั้งที่บ้านค้อ ตำบลบรบือ แล้วได้เปลี่ยนนามอำเภอเป็น “อำเภอท่าขอนยาง” โดยนำเอานามเมืองท่าขอนยางซึ่งถูกยุบเป็นตำบล มาตั้งชื่ออำเภอนี้
ต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ หม่อมเจ้านพมาศ นวรัตน์ ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามขณะนั้น ได้เสด็จมาตรวจราชการที่อำเภอท่าขอนยางถึงตำบลบรบือและเห็นว่ามีหนองบ่อ ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากที่ว่าการอำเภอ เป็นที่อุดมไปด้วยข้าวปลาพืชพันธ์ธัญญาหาร มีบ่อแร่ธาตุเหล็กและบ่อเกลือเลื่องลือไปทั่วท้องที่ใกล้เคียง
หม่อมเจ้านพมาศ นวรัตน์ จึงประทานนามให้ใหม่ว่า
บ่อระบือ ในภายหลังได้มีการใช้อักษรเพี้ยนไปจากเดิม จึงกลายเป็นชื่อ “บรบือ” มาจนกระทั่งบัดนี้
ครั้นต่อมาเมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๐ พระสารคามคณาภิบาล (พร้อม ณ นคร) ผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคามในขณะนั้น ได้มาตรวจราชการที่อำเภอนี้ เห็นว่าที่ว่าการอำเภอควรจะอยู่ใกล้เส้นทางซึ่งกรมทางหลวงแผ่นดินสาย ๑๖ ตัดผ่าน พระสารคามคณาภิบาลจึงทำหนังสือกราบบังคมทูลเสนอเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ให้มีการปรับปรุงเขตที่ตั้งอำเภอใหม่ จึงได้ย้ายที่ว่าการอำเภอมาตั้งอยู่ ณ บ้านบรบือ ตำบลบรบือ ตราบจนเท่าทุกวันนี้
ที่มา : หนังสือ “ครั้งเดียวในชีวิต” ที่ระลึกการอุปสมบทชาวมหาสารคาม ๘๙๙ รูป น้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสฉลองศิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี, โรงพิมพ์ศิริภัณฑ์ ออฟเซ็ท. ๒๕๔๙
อ้างอิงจาก: หนังสือ “ครั้งเดียวในชีวิต” ที่ระลึกการอุปสมบทชาวมหาสารคาม ๘๙๙ รูป น้อมเกล้าถวายเป็นพระราชกุศล แด่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสฉลองศิริราชสมบัติครบ ๖๐ ปี, โรงพิมพ์ศิริภัณฑ์ ออฟเซ็ท. ๒๕๔๙