เพจP'nโดเรม่อนโพสต์ระบุว่า เรื่องการโพสต์รูปเหล้าเบียร์ในโซเชียลมีเดียแล้วโดนจับปรับเป็นสิ่งที่แย่มาก ทุกอย่างแขวนอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าพนักงานแทบจะล้วนๆ เป็นกฎหมายแบบ "หิวเมื่อไหร่ก็แวะมา (ปรับ)"
ผมคิดว่าเรื่องนี้ทำให้เราเห็นปัญหาที่ฝังรากลึกในการใช้กฎหมายไทยห้าหกอย่าง (ยาวมากเพราะค่อนข้างโกรธ แต่ถ้าอ่านให้จบจะขอบคุณมากๆ ครับ)
1 - การทำให้ผิดก่อน แล้วจะเอาเรื่องหรือไม่เป็นอีกเรื่อง
เมื่อก่อนเราอาจพูดได้ว่า "การไม่รู้กฎหมายไม่สามารถเป็นข้ออ้างในการหลุดพ้นจากกฎหมายได้" แต่เมื่อกฎหมายกว้างขนาด "โพสต์รูปเหล้าเบียร์ถือเป็นความผิด" ก็คล้ายกับว่าทุกคน "ทำผิดโดยพื้นฐาน" แต่การจะเอาเรื่องหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าในสภาพการณ์ปัจจุบัน เจ้าหน้าที่รวมถึงรัฐ "หิว" แค่ไหน
การทำให้ประชาชนทั่วไป "ผิดไว้ก่อน" นี้เป็นสิ่งที่ขัดกับสิทธิเสรีภาพโดยสิ้นเชิง มันทำให้เราตกอยู่ในความกลัว ทุกครั้งที่ไปดื่ม ก็ไม่สามารถโพสต์รูปได้เพราะกลัวว่าจะผิดกฎหมายไหม ฯลฯ การผลักประชาชนไปอยู่ในโหมดของความกลัวนี้เป็น Narrative ที่เราเห็นได้เรื่อยๆ จากภาครัฐ โดยเฉพาะในยุคนี้
ในวันนี้มือของกฎหมายไม่ใช่มือที่ "คุ้มครอง" แต่เป็นมือที่ "คุกคาม"
2 - โทษที่ไม่ได้สัดส่วน
การโฆษณาแอลกอฮอล์มีโทษปรับตั้งแต่ 50,000-500,000 บาท สูงกว่าหลายข้อหาที่ดูหนักหนากว่านี้ เช่น เมาแล้วขับจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายทางร่างกายและจิตใจ ปรับ 20,000-100,000 บาท จนกระทั่ง "ถ้าเมาแล้วขับทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย" ก็ปรับแค่ 60,000-200,000 บาทเท่านั้น เทียบกันแล้ว ทำไมการโพสต์รูปเหล้า เบียร์ จึงมีโทษมากกว่า? ทั้งที่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับผู้ใดโดยตรง?
3 - กฎหมายที่กว้างเป็นมหาสมุทรและดุลยพินิจ
ตามข้อมูลอ้างอิงหลายเพจ โพสต์ที่เข้าข่ายเรื่องโฆษณาแอลกอฮอล์คือโพสต์ที่มีลักษณะ
- ห้ามโพสต์เห็นยี่ห้อ
- ห้ามโพสต์ขวดที่ทำให้รู้ว่ายี่ห้อไหน
- ห้ามโพสต์ชวนให้ดื่ม
- ห้ามโพสต์สรรพคุณ
- ห้ามโพสต์ชมหรือเชิญชวนให้ลอง
- ห้ามโพสต์แก้วเบียร์ที่มียี่ห้อ
- ห้ามแปลข่าว เขียนเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ ถึงแม้ว่าจะไม่มีขายในบ้านเราแต่ก็เป็นเหตุแรงจูงใจในการบินไปหาซื้อบริโภคได้
- เวลาไปเที่ยวห้ามถ่ายภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ไม่มีขายในไทยมาลง เพราะอาจจะทำให้เกิดความอยากกินและบินไปซื้อได้
- ห้ามถ่ายของแถมที่มีโลโก้แอลกอฮอล์ ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นแอลกอฮอล์ก็ตาม เพราะถือว่าถ้าซื้อของแถมก็ต้องซื้อสุราหรือเบียร์อยู่ดี
- โพสต์เก่าผ่านไปกี่ปี ถ้ายังมีภาพแอลกอฮอล์ก็โดนหมด และเป็นความผิดได้
พออ่านแล้วแน่นอนว่าก็จะรู้สึกอีหยังวะ ทำไมมันกว้างขนาดนี้ กว้างจนดูเหมือนเรื่องตลก เช่น ไปต่างประเทศก็ยังโพสต์ไม่ได้ การเขียนกฎหมายที่กว้างเป็นมหาสมุทรขนาดนี้คล้ายกับจะมีจุดประสงค์กลับไปที่ข้อ 1 คือทำให้ประชาชนแทบทุกคนเป็นคนผิด แล้วจะเอาผิดหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง ขึ้นกับดุลยพินิจ ซึ่งถามว่าในสังคมนี้เราไว้ใจเจ้าหน้าที่พนักงานได้แค่ไหน?
4 - การให้แรงจูงใจในการจับ
.
เงินปรับส่วนหนึ่งจะไปตกกับเจ้าพนักงาน ส่วนหนึ่งคืนคงคลัง ทำให้เจ้าพนักงานที่ "ช็อต" เงินมีแรงจูงใจในการสเกาต์หาโพสต์ และพยายามบีบใช้กฎหมายนี้มากขึ้นเพื่อหารายได้เสริม เรื่องนี้สร้างปัญหาสองสามอย่าง
หนึ่งคือประชาชนเดือดร้อน ยิ่งฤดูกาลที่ต้องใช้เงินมากเช่นเปิดเทอมที่เจ้าหน้าที่อาจ "หิว" มากกว่าปกติ ก็ยิ่งมีการใช้กฎนี้ (อย่าลืมว่าฤดูกาลดังกล่าว ประชาชนก็ต้องใช้เงินมากกว่าปกติเช่นกัน) สอง คือเป็นการใช้เวลาราชการโดยไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แท้จริง แทนที่จะมาไล่จับ เอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่สร้างสรรค์กว่านี้เสียจะดีกว่า สาม เป็นการสร้างค่านิยมฝังรากลึกในหมู่เจ้าหน้าที่ในการใช้อำนาจอย่างผิดๆ เพื่อให้ได้ซึ่งผลประโยชน์ของตนเอง
5 - การทำให้เหล้าเป็นบาป
เหล้าตกเป็นจำเลยของสังคมมาโดยตลอด มีทั้งองค์กร สสส. ที่สร้างแคมเปญติดตรึงใจของทุกคนว่า จน เครียด กินเหล้า (เหล้าเป็นเหตุของความจน) เหล้าถูกมองเป็นเหตุของปัญหาครอบครัว ถูกมองเป็น "อบายมุข" มีมิติทางศีลธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง
.
กฎหมายนี้ถูกรองรับและเรียกร้องด้วยองค์กรอย่าง "แอลกอฮอล์วอช" ที่ให้เหตุผลว่าการโฆษณาขายเหล้า เบียร์ ออนไลน์ เป็นการทำร้ายเยาวชน คำถามคือ แล้วเมื่อไหร่ที่ประชาชนจะพ้นจากการที่ถูกรัฐมองว่าเป็นเยาวชน? เมื่อไหร่ที่รัฐจะเลิกผลักนิยาม "ความดี" ของตัวเองมาให้ประชาชนแบกรับ?
6 - กฎหมายที่ล้าหลัง และบังคับใช้ไม่เท่าเทียม
กฎหมายดังกล่าวไม่เข้ากับยุคสมัยโซเชียลเนตเวิร์ก ที่มีความยืดหยุ่นทั้งทางภูมิศาสตร์ (ใครในโลกนี้ก็โพสต์ได้) และเวลา (โพสต์เก่าแค่ไหนก็ถูกขุดขึ้นมาได้) ทำให้เราเห็นการบังคับใช้อย่างไม่เท่าเทียมและสร้างความงุนงงต่อประชาชน เช่น ในขณะที่ประชาชนโพสต์แล้วโดนปรับ แต่เมื่อเป็นยี่ห้อแอลกฮอล์เจ้าหนึ่งยิงโฆษณามาจากต่างประเทศ (เป็นยี่ห้อไทย) กฎหมายกลับไม่มีอำนาจเอื้อมไปถึง ทั้งหมดนี้ทำให้เกิดการบังคับใช้กับคนตัวเล็กตัวน้อยเท่านั้น ส่วนนายทุนที่มีทรัพยากรมากกว่า สามารถหลีกเลี่ยงและเล็ดรอดตามช่องของกฎหมายได้เสมอ
7 - การเข้าไม่ถึงกระบวนการทางกฎหมาย
จากหลายโพสต์ที่มีการแชร์ออกมา เราจะเห็นว่าผู้ถูกจับส่วนใหญ่จะยอม "จบที่ปรับ" โดยไม่ต่อความยาวสาวความยืดไปสู่ศาล เพราะการไปศาลมีต้นทุนของมันทั้งเวลาและเงิน บุคคลทั่วไปไม่สามารถยอมรับต้นทุนนี้ได้ มีเพียงบริษัทใหญ่ เช่น บริษัทโฆษณา หรือบริษัทแอลกอฮอล์เท่านั้นที่สามารถยอมรับต้นทุนนี้เพื่อดำเนินกิจการต่อ คำถามคือกฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่เพ่งเล็งไปการคุกคามประชาชนหรือไม่? หากสร้างเงื่อนไขในการเข้าถึงกฎหมายเช่นนี้? บนหน้ากระดาษอาจดูดี (หากไม่พอใจก็ไปจบที่ศาล) แต่ในการบังคับใช้จริงเป็นอย่างไร?
.
ดยสรุปแล้ว ผมคิดว่ากฎหมายโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เป็นภาพสะท้อนของปัญหาที่ใหญ่กว่าในสังคมไทย คือวัฒนธรรมอำนาจนิยมและวัฒนธรรม "คนดี" อันมาจากพุทธศาสนาที่ถูกเข้าใจอย่างบิดเบี้ยว
หากไม่เห็นด้วยกับกฎหมายนี้ฝากแชร์ต่อไป เพื่อเรียกร้องการแก้ไขหรือกระทั่งยกเลิกกฎหมายนี้
ผมจะอัพเดทข้อมูลเรื่อยๆ หากมีคนท้วง หรือมีประเด็นเพิ่มเติม
.
อ้างอิง มาตรา 32 ของพระราชบัญญัติควบคุมแอลกอฮอล์
https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor/c74d97b01eae257e44aa9d5bade97baf/files/lawalc/001_1alc.PDF
เรื่องการโพสต์รูปเหล้าเบียร์ในโซเชียลมีเดียแล้วโดนจับปรับเป็นสิ่งที่แย่มาก...
โพสต์โดย P'nโดเรม่อน เมื่อ วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2020