แนวคิดเพื่อการตลาดแบบไหน จะพาแบรนด์ของเราไปสู่ความสำเร็จได้เร็วในยุคนี้!
การตลาด ถือเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในธุรกิจทุกรูปแบบ สิ่งนี้ถือว่าสำคัญกับสินค้าและแบรนด์ของเราที่สุดด้วยไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่รุ่น ยิ่งตลาดในปัจจุบันมีการแข่งขันที่สูงขึ้น จึงมักมีไอเดียใหม่ๆ ที่สอดแทรกเข้ามาเรื่อยๆ แต่ถึงยังไง บางทีไอเดียเก่าๆ แต่ถ้าเราลองนำมาปรับใช้ใหม่ก็อาจจะดึงดูดผู้บริโภคได้มากแบบคาดไม่ถึงด้วยเช่นกัน เพราะสินค้าและบริการของเราจะขาดการทำการตลาดแบบที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ แต่ถ้าใครเคยตัดพ้อว่าไม่มีงบการทำมาร์เก็ตติ้งเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าจะเลือกลงทุนกับโปรโมชั่นแบบไหนดี ก็อย่าพึ่งหมดกำลังใจกันไป มาดูแนวคิดดีๆ ในบทความนี้สิว่า การตลาดแบบไหนที่ยังประสบความสำเร็จได้อยู่ และจะช่วยทำให้เราวางแผนได้อย่างคุ้มค่าเงินที่สุดในยุคสมัยแบบนี้ด้วย มาดูเลย
แนวคิด Design Thinking
Design Thinking คือ กระบวนการคิด เพื่อดีไซน์ที่คำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลัก อีกทั้งทำมาเพื่อแก้ปัญหาการใช้งาน และตอบโจทย์ชีวิตของผู้บริโภคมากกว่าเดิมในแบบสร้างสรรค์ เราก็จะมาสู่การผลักดันเศรษฐกิจที่ดี และกลมกลืนไปกับเทคโนโลยีใหม่ๆได้ง่ายขึ้น. โดย แนวคิด Design Thinking ถือเป็นแนวคิดเก่าแก่ ที่เริ่มในช่วยยุค 60 ในอเมริกา ตอนนั้นมีความเฟื่องฟูเต็มที่เกี่ยวกับ วิศวกรรมศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เพื่อการอุตสาหกรรม และออกแบบเพื่อการแก้ปัญหา จนกลับมารุ่งเรืองอีกเมื่อมีการนำมาใช้ในปี 2002 ที่ส่งผลต่อธุรกิจในระดับสูง
Design Thinking มี 5 ขั้นตอนที่เป็นประโยชน์ คือ การทำความเข้าใจ โดยเก็บข้อมูลและสอบถามตามจริงที่สุด , การวิเคราะห์ และนำมานิยามจนได้ข้อสรุปเพื่อแก้ปัญหา , การระดมความคิดในแบบที่สร้างสรรค์ เพื่อแรงบันดาลใจในการคิดนอกกรอบ , รูปร่างไอเดียที่ชัดเจนจนมาเป็นแบบจำลอง และอย่างสุดท้าย คือการทดสอบเพื่อนำมาใช้จริงพร้อมเปิดรับ Feedback. เราก็สามารถนำแนวคิด Design Thinking แบบนี้ มาลองพัฒนาในด้านของบรรจุภัณฑ์ที่มีรูปแบบใช้ได้จริงในออฟฟิศ หรือการนำสิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติ มารวมกับเทคโนโลยี เพื่อดีต่อการใช้งาน และเป็นเทรดน์สุดล้ำ ก็ลองได้ถ้าเรามีไอเดีย
การจับมือไว้แล้วไปด้วยกันของ Co-Marketing
เมื่อการทำธุรกิจก็เหมือนการวิ่งมาราธอน ถ้าใครรู้จักออมแรงไว้บ้าง เดินสลับวิ่งไปเรื่อยๆ ก็ถือเป็นกลยุทธ์เฉพาะตัวให้ก้าวไปถึงเป้าหมายได้เหมือนกัน. ปัจจุบัน การจับมือในการทำโปรเจคร่วม โดยการจับคู่แบรนด์ ยังถือเป็นการรู้จักผสานจุดแข็งของกัน เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าและสร้างความแปลกใหม่ได้จริง เช่นนักร้องสาว Beyonce เคยทำแบรนด์เสื้อผ้ากีฬา Topshop เมื่อมาจับมือกับแบรนด์กีฬาระดับโลกอย่าง Adidas หุ้นก็พุ่งถึงสูงถึง 1.35 % ทั้งยังช่วยกันสร้างฐานลูกค้าได้อีกสำหรับ Collaboration Marketing นี้ หรือแถบบ้านเรา ก็มีการจับมือฟินเว่อร์ ‘ฮัทเจอก้อน’ คือแคมเปญธุรกิจร่วมของบาร์บีคิวพลาซ่า กับพิซซ่าฮัท ด้วยการเสริมชุดหมูบาร์บีฮัท ในรูปแบบถาดเหมือนพิซซ่า พร้อมน้ำจิ้มสุดเฉพาะ หรือเมนู พิซซ่าฮัทบีก้อน ที่เป็นพิซซ่าบาร์บีคิวสูตรใหม่คล้ายกระทะปิ้งย่าง แค่พูดมาก็หิวแล้ว!
ถือว่า การคิดนอกกรอบบ้าง สร้างสรรค์เพื่อสิ่งใหม่ๆ ด้วยการจับมือกับกลุ่มแบรนด์ที่มีฐานลูกค้าต่างกัน ก็อาจเป็นไอเดียดีๆทางธุรกิจกับเราที่ใช้ได้จริงด้วย แต่ต้องเลือกแนวทางที่เสี่ยงน้อยสุด กำหนดเป้าหมายและคุยกันให้ชัดเจนกับแบรนด์พันธมิตร ไม่ลืมทำ Research เพื่อทราบแน้วโน้มเพื่อเปิดใจผู้บริโภคในด้านสินค้าและบริการ ที่สำคัญคือ การเลือกแบรนด์ที่เข้ากันได้ หรือมีทิศทางในแนวเดียวกัน เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างกำไร และเปลี่ยนสู่สิ่งใหม่ๆ แล้วนำจุดแข็งทั้งเราและเพื่อน ไปพรีเซอร์เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่มากกว่าไปพร้อมๆกัน
ศาสตร์ Content Marketing
เมื่อนักช็อปกลุ่มมิลเลนเนียม ไม่ค่อยหน้ามืดในการซื้อกันซะแล้ว กลุ่มลูกค้าหลายกลุ่ม ชอบการเสิร์จหาข้อมูล อ่านรีวิว เพื่อประกอบการตัดสินใจกันก่อน ทั้งการเปรียบเทียบราคา และสืบเสาะหาโปรโมชั่นเด็ด จึงทำให้เราต้องสวนฐานะนักการตลาดออนไลน์ อย่าง Content Marketing กันอยู่บ่อยๆ ซึ่งก็คือ นอกจากหน้าเพจร้านออนไลน์แล้ว เราต้องมีการตลาดเชิงเนื้อหาด้วย เพราะการแค่มีรูปสินค้าและบอกบอกราคามันน้อยไปแล้ว
เราต้องสังเกตเทรนด์ของตลาดออนไลน์ให้เป็น หยิบเรื่องราวเอามาเขียนเป็นคอนเซ็ปต์ง่ายๆที่โดนใจ เป็นการเสิร์ฟ Content ดีๆกับลูกค้า อาจไม่ใช่แค่ยัดเยียดการขายท่าเดียว แต่ต้องมี สาระความรู้และคำแนะนำ ในรูปแบบที่ให้ความสนุกสนาน สอดแทรกไอเดียหรือแรงบันดาลใจ และขาดไม่ได้ คือแรงในการจูงใจเพื่อซื้อสินค้า. ส่วนในเรื่องการโพสต์นั้น เราก็ต้องไม่ให้ขาด แต่ก็ไม่ให้ถี่ โดยต้องมีความเข้าใจ และปรับเปลี่ยนให้เหมาะกับกลุ่มลูกค้าของเรา พร้อมมี Content แนะนำให้เรื่องของโปรโมชั่นดีโปรโมชั่นเด็ดเอาไว้ด้วย เพื่อให้กลุ่มเพื่อน สามารถแชร์ เรื่องราวต่อๆกัน บนไทม์ไลน์ของเพื่อนอีกทีได้ ถือเป็นศาสตร์ดีๆ ที่เราควรมีเอาไว้เพื่อเทคนิคในการตลาดนั่นเอง
เสิร์ฟการตลาดดีๆ ในแบบที่ครองใจผู้บริโภคได้อยู่ไม่ว่าสมัยไหน!
เพื่อก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดี และเหมาะกับยุคสมัยที่มันกำลังฮิตติดเทรนด์ ไอเดียที่ว่ามาเราก็สามารถนำกลับมาทำได้ในอีกตลอดเวลา จะลัดตรงไหนก่อนก็ได้ด้วย เพราะไม่ใช่ทุกการเดินทางต้องเป็นเส้นตรงเสมอไป ถ้าเราลองแล้ว เจอกันปัญหา ก็ลองหาคำนิยาม เพื่อทดลองแก้ไขข้อผิดพลาดกันต่อไป แล้วไอเดียใหม่ๆในการสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาก็จะอยู่คู่กับแบรนด์หรือธุรกิจของเราไปได้อีกหลายๆก้าว อย่างกระบวนการคิดแบบ Design Thinking ที่สร้างสรรค์และคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหลักเพื่อการแก้ปัญหา , เลือกแบรนด์ที่มีความเข้ากันได้มาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อโอกาสในการสร้างกำไรด้วยจุดแข็งของทั้งคู่ และ อย่างสุดท้าย คือ ศาสตร์ Content Marketing เพื่อสอดแทรกสาระความรู้ ไอเดีย ไปจนถึงแรงการจูงใจในการซื้อ ก็คือตัวอย่างไอเดียดีๆที่อยากฝากไว้กัน.