สาวเล่าประสบการณ์ ไปตรวจ Covid-19 ลากยาวถูกนำไปกักตัวในสถานกักตัวที่ฮ่องกง
คุณ hotflatwhitereads เล่าประสบการณ์กะแค่ไปตรวจCovid-19 ลากยาวถูกนำไปกักตัวในสถานกักตัวที่ฮ่องกง
เห็นสถานกักตัวในไทย แล้วก็อยากมาแชร์สถานกักตัวที่ฮ่องกง
ณ ตอนนี้ที่พิมพ์อยู่ก็ยังอยู่ในสถานกักตัวค่ะ
คือเราฝึกงานอยู่ที่ฮ่องกงค่ะ แล้วเมื่อวันที่ 1 เมษายน..
หลังจากได้รับสายจากทางกรมสุขภาพว่าเพื่อนที่ทำงานเราได้รับการคอนเฟิร์มว่าติดเชื้อ
เราก็ตัดสินใจไปตรวจเพื่อความปลอดภัยของคนรอบตัวเรา
ซึ่งเพื่อนที่ทำงานคนอื่นไปตรวจก่อนหน้านี้ก็ดูไม่ได้ยุ่งยากอะไร
ตรวจแล้วกลับบ้าน รอทางโรงพยาบาลแจ้งมา รอบริการนานสุดก็5ชั่วโมง
ค่าตรวจ HKD$180 อันนี้คือโรงพยาบาลรัฐที่ทางรัฐบาลจัดบริการไว้ให้นะคะ
คืนนั้นหลังเลิกงานเราก็โทรไปถามทางโรงพยาบาลเพื่อความแน่ใจว่าสามารถเข้ารับบริการได้ เพราะไม่ใช่ใครก็จะไปรับการตรวจได้
ที่ฮ่องกงหากได้รับการคอนเฟิร์มผลว่าติดเชื้อ ทางโรงพยาบาลจะส่งข้อมูลไปที่กรมสุขภาพ
แล้วทางรัฐบาลจะประกาศเป็นConfirmed Case โดยมีหมายเลขกำกับ ซึ่งจะไม่บอกชื่อ แต่บอกรายละเอียดพวก เพศ อายุ ที่อยู่ อาการ ต่างๆ
ซึ่งถ้าเรามี Confirmed Case Number ก็แน่นอนเลยว่าไปรับการตรวจได้
--- โรงพยาบาล ---
เราก็แจ้งทางโรงพยาบาลไปว่า เราทำงานร่วมกับConfirmed Case หมายเลขนี้เมื่อวันที่ 23 มีนาคม
แล้วเขาก็ให้เราไปนั่งรอในโซนที่จัดไว้ เรียกว่า Fever Zone
เป็นพื้นที่ด้านนอกโรงพยาบาล เอาPartition มากั้นเป็นช่องๆ แล้วก็มีเก้าอี้หนึ่งตัวให้นั่ง
พนักงาน: รอรับบริการประมาณ 1ชั่วโมง
แต่ผ่านไปประมาณ 20 นาที ก็มีคนเรียกให้เราเข้าไปนั่งห้องเอ็กซเรย์ เพื่อเอ็กซเรย์ปอด
หมอ: เปลี่ยนใส่เสื้อที่วางไว้บนเก้าอี้ แล้วรอในห้องนี้ ถ้าโทรศัพท์ดังก็รับนะ
เรา: เปลี่ยนเสื้อนั่งรออยู่ประมาณ 15 นาที โทรศัพท์ก็ดัง
คุณหมอถามเกี่ยวกับอาการต่างๆว่าเรามีอาการอะไรบ้าง ตอนนั้นเราแค่เจ็บคอค่ะแต่คิดว่ามาจากตากฝน
ละก็ถามเรื่องความใกล้ชิดกับเคสที่ติดเชื้อ เราก็เล่าเหตุการณ์ไป หมอก็วางสายไป
10 นาทีต่อมา
หมอ: เดี๋ยวจะทำการเอ็กซ์เรย์ปอดนะ แล้วก็ทำการตรวจเชื้อ ซึ่งมีสองทางให้เลือก
1) เป็นวิธีที่รู้ผลเร็วที่สุด ภายใน 6-8 ชั่วโมง โดยการนำคอตตอนบัดยาวๆใส่เข้าไปในโพรงจมูกกับคอของเรา แล้วนำเนื้อเยื่อ(เราจำไม่ได้ว่าหมอใช้คำว่าอะไร) ส่งไปแล็บ แต่วิธีนี้อาจจะทำให้คุณรู้สึกเจ็บเล็กน้อย โดยเฉพาะถ้าคุณอยู่ไม่นิ่งตอนที่ใส่เข้าไป อาจจะเจ็บมาก และหลังจากนั้นคุณต้องนั่งรอฟังผลอยู่ที่ Fever Zone ตรงนั้น
เรา: แล้วอีกวิธีละคะ? (ในใจตอนนั้นคือ เอ้อรู้เลยก็ดี ยอมเจ็บหน่อย แต่ก็แอบกลัว)
หมอ: ต้องอยู่โรงพยาบาล แล้วก็ตรวจวิธีปกติ ซึ่งใช้เวลารู้ผล 2-3วัน
เรา: เรามีทำงานตอนบ่าย ขอเลือกวิธีหนึ่งแล้วแจ้งผลมาได้ไหม
หมอ: คือตอนนี้ทางโรงพยาบาลไม่สามารถให้คุณออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว เพราะคุณมีการใกล้ชิดกับผู้ที่ติดเชื้อ
เราตอนนั้นแบบโลกเปลี่ยน กะว่าแค่มาตรวจตอนเช้าแล้วกลับไปทำงานเพราะคนอื่นก็แบบนี้
นี่กลายเป็นไปไหนไม่ได้แล้ว เราก็เลือกวิธีแรกไป
หมอก็เข้ามาเอ็กซ์เรย์ แล้วก็มีอีกชุดเข้ามาตรวจเชื้อ ซึ่งพนักงานก็มามุงกันมาก
หลังจากนั้นพนักงานก็พาเราไปนั่งรอค่ะ สิ่งเดียวที่เราถามก่อนพนักงานจะจากไป "แล้วถ้าเราหิวละ?"
พนักงาน: งั้นเดี๋ยวเอาบิสกิตมาให้นะ
แต่สุดท้ายได้โจ๊กไก่กับบิสกิตค่ะ
แล้วก็นั่งอยู่ตรงนี้ไปยาวๆ 8 ชั่วโมง แบตสำรองก็ไม่ได้เตรียมมา แล้วหมอจะติดต่อเรามาทางโทรศัพท์ ก็ต้องประหยัดแบตไว้
ตอนเย็นมีเอาข้าวเย็นมาให้พร้อมน้ำ 1 ขวด ตอนนั้นเกือบครบ 8 ชั่วโมงละ
เราก็ถามพนักงานไปว่า "ผลเรายังไม่ออกอีกหรอ?"
พนักงานก็ไม่รู้ บอกว่าหมอจะโทรมาแจ้งผลเราเอง แล้วเขาคงสงสารก็เอาบิสกิตมาให้เพิ่ม พร้อมฟอยล์กันหนาว
คือวันนั้นอากาศเย็นแถมมีลมพัดตลอด เรายังคิด จะมาป่วยก็ตอนนี้นี่แหละ ให้นั่งข้างนอกตากลม 8 ชั่วโมง
แล้วสายที่รอคอยก็มาค่ะ! ซึ่งคุณหมอใช้เวลา8ชั่วโมงเต็มจริงๆ
โทรหาเราตอนเช้า 11:38 am แล้วโทรมาแจ้งผลตอน 19:38pm
NEGATIVE อ่ะคิดว่าแฮปปี้กลับบ้านได้ ปล่าวจ้ะ
หมอบอกว่า "รอก่อนนะ เพราะต้องแจ้งเคสเราไปที่กรมสุขภาพว่าจะมีมาตรการควบคุมอะไรไหม"
เราคือท้อแท้ละจุดนั้น จะยังไงก็ว่ามาค่ะหมอแต่เร็วนิดนึงนะคะ แบตจะหมดแล้วค่ะ
สักพักหมอก็โทรมา
หมอ: เนื่องจากเราใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ และมันยังอยู่ในระหว่าง 14 วันซึ่งถึงผลจะเป็นเนกาทีฟแต่ก็มีโอกาสที่เชื้อจะพัฒนาขึ้นมาได้ เพราะฉะนั้น..วันนี้ให้ตรงดิ่งกลับบ้านได้แต่ต้องทำ Home Quarantine แล้วหลังจากนั้น กรมสุขภาพจะโทรมารับตัวเราไป Quarantine Camp!
เรา: เดี๋ยวนะหมอ เราเข้าใจเรื่อง 14 วัน แต่ทำไมเราต้องไปแคมป์ เรากักตัวอยู่บ้านก็ได้ไหม เราสามารถอยู่ห้องคนเดียวได้
(คือที่พักเราที่ทำงานจัดมาให้ซึ่งแชร์กับเพื่อนอีกสามคน นั่นคือที่เราแจ้งหมอไปตอนแรก ก็เข้าใจว่าอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้
ละตอนนั้นใจคือช็อครอบสอง หนึ่งเราห่วงงานเพราะตอนนี้ที่ทำงานก็ขาดคนอยู่แล้ว สองอะไรคือQuarantine Camp ไม่อยากไป!!)
หมอ: อันนี้คือตามที่กรมสุขภาพแจ้งมาต้องทำตามนี้ เพราะต้องมีการติดตามผลเคสเรา
ณ ตอนนั้นคือเราอยากกลับบ้านแล้ว เราก็โอเคๆเข้าใจไป ละคืนนั้นหัวหน้าเราก็ใจดีให้เราย้ายไปพักห้องเดี่ยวคนเดียว
--- ก่อนไปกักตัว ---
ประมาณ 11 โมงสายที่(ไม่)รอคอยก็มา จากกรมสุขภาพแจ้งว่าจะมารับตัวเราวันนี้
วันนั้นเราก็ไฟท์สุดฤทธิ์ว่าขอไม่ไปได้ไหม สาเหตุคืออะไร ทำไมทำ Home Quarantine ไม่ได้
เอาWristband มาคอยใส่ให้เราก็ได้ถ้ากลัวว่าเราจะไม่กักตัวจริง (ที่ฮ่องกงเขาแจกWristbandไว้คอยเช็คคนที่ต้องQuarantine ค่ะ)
ทางนั้นก็บอกแต่ว่าเพราะเราใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อและนี่คือคำสั่งตามกฎหมายจากรัฐบาลเขาต้องทำตามนี้
สุดท้ายนางก็ยอมวางสายไป โดยถามว่าเราปฏิเสธจะไปแคมป์ใช่ไหม เราก็บอกใช่ แล้วช่วยให้ใครที่เราสามารถต่อรองได้ติดต่อเรามา
ซึ่งหัวหน้าเราก็แอบเป็นห่วงเราว่าไม่ควรทำให้เป็นเรื่องยุ่งยากน้า ถ้าเรื่องถึงตำรวจจะดูไม่ดี เพื่อนเราคนฮ่องกงก็บอกตามที่ประกาศคือเราต้องไปแหละ
วันนั้นก็ผ่านไป
--- วันไปกักตัว ---
11โมง เวลาเดิมของวันถัดมา
คือเราก็ทำใจส่วนหนึ่งแล้วว่าไปก็ได้ อีกอย่างคือเราอยากเห็นด้วยว่าแคมป์มันเป็นยังไง
ก็เลยโอเคหลังจากไฟท์จนอ่อนใจ เราก็ยอมไป ก็ถามที่ไหนไปกี่วัน
เราต้องไปอยู่ที่นั่น 4 วัน คือเเราออกได้วันที่ 7 แต่เวลาที่ออกได้คือ 11:59 pm เท่านั้น
ก็เหมือนเสียไปอีกหนึ่งวันในนั้น เศร้าแต่ก็ไม่มีทางเลือกแล้ว และสถานที่คืออยู่ในเขต New Territory
แต่เรื่องกักตัวนี่มันเป็นกฎจริงๆค่ะ ถ้าบ้านเราก็เหมือนมีมาตราบัญญัติที่ไปดูได้เลยตามมาตราหมายเลขนี้
ประมาณเกือบบ่ายโมงก็มีคนมารับเรา ระหว่างทางก็มีรับไปผู้หญิงอีกคนด้วยค่ะ
อย่างน้อยก็สบายใจมีเพื่อนร่วมทางอ่ะเนาะ โดยเขาจัดให้นั่งแยกเรานั่งแถวหลังสุด ผู้หญิงอีกคนนั่งแถวหน้าสุด
เพื่อนถ่ายให้ตอนโบกมือลาเราจากบนห้อง
และแล้วเราก็มาถึงสถานกักตัวค่ะ
ก่อนเล่าเรื่องสถานกักตัว เราขอแชร์สิ่งที่เราได้จากประสบการณ์นี้
คือเราเข้าใจเลยว่าทำไมโรคนี้มันถึงไม่หยุดระบาดสักที
เพราะคนที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองติดไหม แค่มีความเสี่ยงก็จะยังไม่บอก ไม่เตือนใคร แล้วหวังว่าตัวเองจะไม่ติด เพราะตัวเองยังไม่มีไข้ มีอาการอะไร
อย่างกรณีเพื่อนที่ทำงานเรา คือแฟนเขาทำงานในสถานที่ที่พบผู้ติดเชื้อ2ราย ก็ถูกกรมสุขภาพเรียกให้ไปตรวซึ่งผลเป็นเนกาทีฟ
แต่หลังจากนั้นกลับมีไข้ วันที่23 มีนาคมเขาไปส่งแฟนเขาที่โรงพยาบาลก่อนมาทำงาน (นั่นคือสิ่งที่หัวหน้าเล่าให้เราฟัง)
แล้วเขาก็มาทำงาน วันนั้นเรายังทักเพื่อนเลยค่ะว่า ทำไมดูหน้าเครียดๆ เพื่อนบอกอ๋อคงพักผ่อนน้อย
แล้ววันนั้นที่ทำงานเราฉลองวัน Harmony Day มีทำขนมแจกพนักงาน ไม่ได้มีการใช้อะไรร่วมกันค่ะ มันเป็นชิ้นแบบหยิบทานเอา
จานใครจานมัน ละเพื่อนเราก็ไปยืนทานห่างจากกลุ่มเรามาก เรายังคิดเลยวันนั้นทำไมไม่มายืนทานกับพวกเรา
ซึ่งตอนทานมันก็ต้องเอาผ้าปิดปากออกเนอะ นั่นคือระยะเวลาที่หมอตัดสินว่าเราใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อถึงแม้จะเป็นเวลาไม่ถึงชั่วโมง
และทำให้เราตกมาอยู่ในสถานการณ์นี้
สุดท้ายเพื่อนเราและลูกชายเขาอีกสองคนก็ติดเชื้อ สรุปติดเชื้อกันทั้งครอบครัว ทั้งๆที่เขาบอกหัวหน้าเราว่า
ได้แยกแฟนเขาให้อยู่คนเดียวตั้งแต่วันแรกๆแล้ว
คือเราขอไม่เรียกว่าความเห็นแก่ตัวในกรณีเพื่อนเรา เราว่าความกลัวและความหวังว่าตัวเองจะไม่ติดเชื้อมากกว่า
เพราะตัวเขาเองก็พยายามอยู่ห่างจากพนักงานคนอื่นค่ะ แต่เขาไม่ได้แจ้งเรื่องแฟนเขาให้ที่ทำงานทราบ
สุดท้ายหัวหน้าเราเห็นข่าวเกี่ยวกับสถานที่ทำงานของแฟน ในวันถัดมา จึงขอให้เขาหยุดงาน
ตอนนั้นแหละที่เขายอมรับ แล้วความแย่มันไม่ใช่แค่เรื่องการติดเชื้อ
ความสัมพันธ์ของที่ทำงานก็พังไปด้วย เพื่อนที่ทำงานหลายคนโกรธเขามากที่ไม่ยอมบอก ความไว้ใจคือสิ่งที่เขาทำลายไปค่ะ
โรคนี้มันน่ากลัวจริงๆนะ
ลงรูปตึกแถวสถานกักตัวไว้ก่อน เดี๋ยวมาพิมพ์ต่อในคอมเม้นนะคะ
ใกล้ถึงเวลาข้าวเที่ยงมาส่งแล้วขอไปทานข้าวก่อนค่ะ
ตึกฮ่องกงก็ต้องแบบนี้แหละ!