นายตำรวจคนดัง พ่อ รมต. มี “ของดี” คุ้มชีวิต!!
คดีนี้เป็นข่าวดังในปี ๒๕๐๔ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะมีคนบ้าระห่ำกระทำเรื่องเช่นนี้ได้ เมื่อกุมารจีนเลือดร้อนคว้าปังตอสับหมูบนเขียงหมูเถื่อนของแม่ ย่องเข้าด้านหลัง ฟันเต็มเหนี่ยวเข้าต้นคอ สวญ.คนดังซึ่งกำลังบันทึกการจับกุมอยู่หน้าเขียง เคราะห์ดีที่ สวญ.มี #ของดี เป็นเครื่องคุ้มครองชีวิต จึงไม่ถึงกับคอขาด เพียงแค่สาหัส
เหตุเกิดเมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ในเวลา ๗ น.เศษ เมื่อ พ.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ สารวัตรใหญ่คนขยันของ สน.ลุมพินี ซึ่งเป็นนายตำรวจที่มีข่าวอยู่เป็นประจำในเรื่องขยันขันแข็งและซื่อตรง ได้แต่งนอกเครื่องแบบออกตรวจท้องที่แต่เช้าตรู่ตามกิจวัตร พอเดินมาถึงปากตรอกดงเตย ตำบลคลองเตย อำเภอพระโขนง ก็เห็นนางเง็ก เปิดแผงขายหมูอยู่ที่ปากซอย สวญ.สงสัยว่าต้องเป็นหมูเถื่อนอีกแน่ เพราะจับกันมาจนเป็นเจ้าประจำแล้ว จึงเข้าไปถามนางเง็กว่ามีอาชญาบัตรหรือไม่ นางเง็กก็ว่ามี แต่ไม่ได้เอาออกมาจากบ้าน พ.ต.ท.เสน่ห์จึงเรียก พลฯสมพงษ์ รินราช ซึ่งปฏิบัติหน้าที่จราจรอยู่ที่ปากซอย ให้คุมตัวนางเง็กไปเอาอาชญาบัตรที่บ้านซึ่งอยู่ในซอยมาแสดง นางเง็กเลยรับสารภาพว่าความจริงไม่มี สวญ.จึงให้ พลฯสมพงษ์ไปหาเข่งมาใส่ของกลางไปโรงพัก
ขณะที่ สวญ.กำลังบันทึกการจับกุมอยู่นั้น ก็รู้สึกว่ามีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังจึงหันไปดู ก็เห็นว่าสิ่งนั้นวูบลงมาที่คอจึงเอี้ยวตัวหลบ ทำให้ปังตอของคนร้ายพลาดเป้าหมายไปลงที่ต้นคอติดไหล่ด้านขวา และเห็นคนร้ายโยนมีดลงบนเขียงก่อนวิ่งไปในซอย พลฯสมพงษ์จึงรีบพา พ.ต.ท.เสน่ห์ส่ง ร.พ.ตำรวจ พร้อมกับเก็บสร้อยทองหนัก ๑๐ บาทของ สวญ.ที่ขาดหล่นอยู่บนพื้นไปด้วย
ปรากฏว่ามือปังตอผู้นี้คือนายเนี้ยว ลูกชายคนเล็กวัย ๒๐ ปีของนางเง็กนั่นเอง ซึ่งกำลังเรียนในระดับเตรียมอุดมศึกษาของโรงเรียนมีชื่อแห่งหนึ่ง ตำรวจ สน.ลุมพินีโดยเฉพาะ พ.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์รู้จักครอบครัวนี้เป็นอย่างดี เพราะจับกันมาถึง ๔๐-๕๐ ครั้งแล้ว รวมทั้งได้จับนายทรัพย์ บิดาของนายเนี้ยว ซึ่งประพฤติตัวเป็นผู้กว้างขวางย่านคลองเตย ส่งเข้าเรือนจำลาดยาวตามนโยบายกวาดล้างอันธพาลของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นด้วย แต่นายทรัพย์มีคดีหนีทหารอยู่ ทหารจึงมารับตัวไปควบคุม ต่อมานายทรัพย์ได้หลบหนีออกมาได้ และหลบไปนอกประเทศ
เมื่อตำรวจรุดไปที่บ้าน ก็ไม่พบทั้งแม่ทั้งลูก บ้านปิดสนิท ส่วน พ.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ แพทย์ รพ.ตำรวจได้ช่วยชีวิตไว้ได้ โชคดีที่มีสร้อยทอง ๑๐ บาทต้านคมปังตอไว้ก่อน จึงเย็บเพียง ๒๐ เข็ม และห้ามเยี่ยมโดยเด็ดขาด ซึ่งสหพันธ์สหกรณ์ผู้เลี้ยงและผู้ค้าสุกร ได้ส่งเงินมาช่วยรักษา ๕,๐๐๐ บาท และตั้งรางวัลในการตามจับคนร้ายอีก ๕,๐๐๐ บาท
ต่อมาตำรวจทราบว่านางเง็กหลบไปอยู่ที่คลองไผ่สิงห์โตใกล้คลองเตย จึงไปควบคุมตัวมาได้ในเย็นวันนั้น นางเง็กว่าเห็นลูกขณะฟัน สวญ.ด้วย แต่ห้ามไม่ทัน และตกใจมากเพราะคาดไม่ถึง เกิดความกลัว จึงหนีไปอยู่บ้านญาติ ส่วนลูกหนีไปไหนไม่ทราบ
ตร.ทราบมาอีกว่าขณะเกิดเหตุนั้น นายใช้ พี่ชายคนโตซึ่งถูกเกณฑ์ทหารและหนีทหารเช่นเดียวกับพ่อ ก็หลบมาอยู่ในบ้านด้วย เมื่อเกิดเรื่องรู้ว่าตำรวจต้องแห่กันมาแน่ จึงได้หนีไป ตร.จึงต้องตามล่าตัวทั้งพี่ทั้งน้อง
ตร.แยกย้ายกันหลายสายออกล่าสองพี่น้องในคืนนั้น สายหนึ่งไปดักที่ด่านรังสิต มี ตร.สน.ลุมพินี ๒ นายที่รู้จักครอบครัวนี้ไปร่วมกับ ตร.ท้องที่ เมื่อรถเมล์สาย กรุงเทพฯ-นครราชสีมาที่ออกจากกรุงเทพฯ ในเวลา ๑๙.๐๐ น.มาจอด เห็นชาย ๓-๔ คนรีบลงจากรถ คนหนึ่งแม้จะตัดผมเกรียนก็ดูมีลักษณะคล้ายนายใช้ ซึ่งปกติไว้ผมยาวมีจอนยาว จึงเรียกให้หยุด แต่ชายคนนั้นกลับวิ่งหนีเข้าป่าข้างทางหายไปในความมืด ทิ้งกระเป๋าไว้ใบหนึ่ง บนรถยังพบเพื่อนสนิท ซึ่งรับว่าชายที่หนีไปก็คือนายใช้นั่นเอง
ตร.พยายามตามญาติของครอบครัวนี้มาสอบถาม แต่ทุกรายต่างก็ให้การว่าไม่รู้ไม่เห็น ตร.จึงขอร้องว่าถ้าใครพบตัวก็ให้เกลี้ยกล่อมมามอบตัวเสียดีกว่า โทษจะได้เบาลง ต่อมาในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม นางเฮ็กจู ป้าของนายเนี้ยว ได้มาพบ ตร.ที่ สน.พลับพลาไชย แจ้งว่า เมื่อเช้าวันที่ ๓๐ นี้ ขณะที่ตนอยู่ในสวนที่อำเภอราษฎร์บูรณะ ฝั่งธนบุรี ห่างถนนตากสินเข้าไปประมาณ ๔ กม. นายเนี้ยวได้ไปขอข้าวกิน ว่าหนีตำรวจมา ไม่ได้กินข้าวมาหลายวันแล้ว และมาซ่อนตัวอยู่ในสวนแถวนี้ห่างบ้านนางเฮ็กจูประมาณ ๑ กม. เมื่อตนให้ข้าวกินแล้วนายเนี้ยวก็กลับไปที่ซ่อนตามเดิม ตนจึงตามไปเกลี้ยกล่อมให้มอบตัว นายเนี้ยวเห็นว่าหนีไปก็ไม่พ้นแน่ จึงยอมจะมอบตัว นางเฮ็กจูได้พา ตร.ไปพบนายเนี้ยวซ่อนอยู่ในพงหญ้า ห่างจากกระท่อมร้างแห่งหนึ่ง จึงคุมตัวมา
นายเนี้ยวให้การว่า ที่ทำไปเพราะเกิดความแค้นที่คิดว่า พ.ต.ท.เสน่ห์กลั่นแกล้ง จับกุมครอบครัวของตนหลายครั้ง แม้แต่พ่อก็ถูก สวญ.คนนี้จับเข้าลาดยาว พอเห็นจับแม่อีกจึงบันดาลโทสะไม่ทันได้ยั้งคิด และเผยว่าเมื่อฟันแล้วได้วิ่งไปที่ตรอกไผ่สิงห์โต ออกพระโขนง ซมซานไปตามสวน และไปขอนอนบ้านญาติที่พระโขนงคืนหนึ่ง ก่อนจะข้ามไปหลบตามสวนที่ฝั่งธนหลายแห่ง
ในวันที่ ๑ มิถุนายน ขณะที่ ตร.จะนำตัวนายเนี้ยวไปชี้ที่เกิดเหตุ มือปังตอได้ขอเข้าเยี่ยม พ.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ เพื่อขอขมา ซึ่ง ตร.ก็พาไปให้ตามที่ขอ เพราะ พ.ต.ท.เสน่ห์มีอาการดีขึ้นมากแล้ว มือปังตอหน้าซีดเซื่องซึมขณะที่เดินเข้าห้องพักของ สวญ.ใน ร.พ.ตำรวจ และก้มลงกราบเท้าขอขมาด้วยน้ำตานองหน้า สารภาพว่าทำไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ประกอบกับเป็นคนเลือดร้อนไม่ทันได้ยั้งคิด ซึ่ง พ.ต.ท.เสน่ห์ก็ยิ้มรับคำขอขมา ว่าให้รับผิดเสีย โทษจะได้เบาลง
อัยการได้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลทหาร เพราะในยุคจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ล้มรัฐธรรมนูญและประกาศกฎอัยการศึกตลอดการครองอำนาจ คดีจึงต้องขึ้นศาลทหารที่ไม่มีทั้งอุทธรณ์ ฎีกา ศาลเดียวเป็นอันสิ้นสุด ศาลได้ตัดสินเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๕๐๔ ว่า จำเลยมีเจตนาฆ่า พ.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ตามฟ้องจริง การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำที่บังอาจยิ่ง ทั้งจำเลยก็เป็นผู้มีการศึกษาสูงพอสมควรที่จะได้รับโทษหนัก จึงพิพากษาให้จำคุกจำเลย ๒๐ ปี แต่จำเลยรับสารภาพผิดแต่โดยดี จึงปราณีลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑๐ ปี พอสิ้นคำพิพากษา มือปังตอหันมองหน้าแฟนสาวด้วยดวงตาละห้อย
“พ.ต.ท.เสน่ห์ สิทธิพันธุ์ ก็คือบิดาของ รองศาสตราจารย์ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เมื่อรักษาตัวหายเป็นปกติแล้ว ก็รับราชการต่อมา จนเกษียณอายุราชการในยศพลตำรวจเอก ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจนครบาล”