เรื่องเล่าครั้งเมื่อปืนใหญ่สยามผยองเดช !!! ตำนานเครื่องบรรณาการจากพระนารายณ์สู่แผ่นดินฝรั่งเศส
ว่ากันว่าเรื่องราวของพรหมลิขิตนั้นบางครั้งมันก็ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องเกิดขึ้นกับมนุษย์เดินดินอย่างเราๆ ท่านๆ เพียงอย่างเดียว ดังเรื่องราวที่ผมกำลังจะเล่าต่อไปนี้รับรองได้ว่าคุณผู้อ่านที่เป็นแฟนละครเรื่องบุพเพสันนิวาสจะต้องแปลกใจชนิดอ้าปากค้างเลยทีเดียวถ้าได้รู้ว่าเครื่องบรรณาการที่เราส่งไปฝรั่งเศสพร้อมกับท่านเจ้าพระยาโกศา (ปาน) และ คณะทูตคนอื่นๆ นั้นมันจะเป็นส่วนหนึ่งในการเปลี่ยนแปลงโลกไปตลอดกาลกับตำนานปืนใหญ่สยามที่ไปผยองเดชไกลถึงประเทศฝรั่งเศสว่าแล้วเราก็มาติดตามเรื่องนี้กันดีกว่า
เครื่องบรรณาการจากสยามสู่ฝรั่งเศส
ถือเป็นอีกหนึ่งตอนที่มีผู้พูดถึงกันอย่างหนาหูพอสมควรเลยละครับกับฉากสำคัญในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสที่ราชทูตจากฝรั่งเศสอย่างนาย เชวาลิเยร์ เดอร์ โชมอร์ง เข้าพบกับพระนารายณ์มหาราชก่อนที่พระองค์จะมีพระประสงค์ให้จัดราชทูตเป็นผู้แทนพระองค์เดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศสพร้อมด้วยเครื่องบรรณาการอีกจำนวนหนึ่งเพื่อนำไปถวาย พระเจ้าหลุยที่ 14 แห่งฝรั่งเศสโดยมีพระยาโกษา (ปาน) เป็นผู้นำขบวนดังกล่าว
อย่างไรก็ตามในบันทึกนั้นว่าเอาไว้ว่าการเข้าเฝ้าสมเด็จพระเจ้าหลุยที่ 14 นั้นทางพระยาโกษาปานและราชทูตไทยใช้วิธีการเข้าเฝ้าตามแบบประเพณีไทยปฏิบัติต่อพระมหากษัตริย์ (นั่นก็คือการหมอบคลาน) สร้างความพึงพอใจให้กับพระเจ้าหลุยเป็นอย่างมากจนพระองค์ได้โปรดให้มีการสร้างเหรียญที่ระลึกในการเจริญสัมพันธไมตรี (โดยมีรูปของเจ้าพระยาโกษาปานและพระองค์อยู่ในเหรียญดังกล่าว) และส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 อาณาจักรแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้นไปกว่าเดิมก่อนที่เจ้าพระยาโกษา (ปาน) จะเดินทางกลับประเทศพร้อมด้วยคณะทูต (ว่ากันว่าพระเจ้าหลุยที่ 14 ได้ประทานภรรยาให้ท่านโกษาปานมาหนึ่งคนด้วยหวังที่จะได้เชื่อสายของท่านไว้เนื่องจากพระองค์มองว่าท่านโกษาปานเป็นคนที่ชาญฉลาดนั่นเอง) รวมเวลาเดินทางทั้งสิ้น 1 ปี 9 เดือนก่อนที่คณะทูตทุกท่านจะถึงกรุงศรีอยุธยาในที่สุด
ของบรรณาการที่ถูกเก็บ
อย่างไรก็ตามขอย้อนความกลับไปยังเครื่องบรรณาการที่ไทยมอบให้ทางฝรั่งเศสกันสักนิดโดยหนึ่งในนั้นมีปืนใหญ่อยู่คู่หนึ่งที่ถูกหล่อขึ้นมาโดยช่างฝีมือชาวกรุงศรี (ตรงนี้ไม่ได้บอกว่าใช่จีนฮงหรือไม่) และได้ถูกนำขึ้นทูลเกล้าถวายสมเด็จพระเจ้าหลุยที่ 14 ซึ่งตัวพระเจ้าหลุยนั้นก็ค่อนข้างที่จะพอใจในเครื่องบรรณาการต่างๆ โดยเฉพาะปืนใหญ่ทั้ง 2 กระบอกด้วยเหตุนี้เองพระองค์จึงได้ส่งสั่งให้คนำเอามันไปเก็บไว้ในคลังอาวุธส่วนพระองค์จนกระทั่งเวลาผ่านไปยาวนานถึงยุคของพระเจ้าหลุยที่ 16 ซึ่งในยุคนี้นั้นแผ่นดินฝรั่งเศสเริ่มที่จะคลุกรุ่นไปด้วยเปลวไฟแห่งการปฏิวัติเนื่องมาจากความไม่พอใจในส่วนของราชวงศ์จนนำไปสู่การถล่มคุกบาสตีลในที่สุด แต่เอ้ะ !!! แล้วปืนใหญ่ไทยมันมาเกี่ยวอะไรด้วย
เรื่องของเรื่องก็คือในช่วงที่เกิดการปฏิวัติขึ้นมานั้นอาวุธและอุปกรณ์หลายๆ อย่างค่อนข้างจะคาดแคลนด้วยเหตุนี้เองเมื่อชาวบ้านยึดคลังอาวุธของพระเจ้าหลุยได้พวกเขาก็ได้พบกับปืนใหญ่กระบอกหนึ่ง (ซึ่งถูกำมาจากสยามประเทศพร้อมด้วยเจ้าพระยาโกษาปาน) ที่สำคัญที่สุดก็คือมันดันยิงออกมาได้ไม่มีการติดขัดใดๆ ทั้งสิ้นและนั่นแหละครับคือจุดที่ทำให้ปืนใหญ่ของสยามประเทศได้มีบทบาทอีกครั้งในการถล่มคุกบาสตีลจนทำให้การปฏิวัติฝรั่งเศสสำเร็จไปในที่สุด หากจะกล่าวไปแล้วนั้นใครจะไปรู้ละครับว่าปืนใหญ่ของสยามจะมีโอกาสได้โลดแล่นอยู่ในหน้าประวัติศาสตร์ชนิดเหลือเชื่อขนาดนี้หากไม่ใช่พรหมลิขิตให้มันได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องยิ่งใหญ่แล้วละก็มันก็คงจะเป็นความบังเอิญชนิดเหลือเชื่อสุดๆ ไปเลยทีเดียว