รัฐบาลเตรียมยกระดับการเฝ้าระวังไวรัสโคโรนาร่วมกับจีน
รัฐบาลเตรียมยกระดับการเฝ้าระวังไวรัสโคโรนาร่วมกับจีน พร้อมพิจารณายกเลิก Visa นักท่องเที่ยวที่มีความเสี่ยงในสัปดาห์หน้า แต่ปัดปิดประเทศไทย เพื่อป้องกันโรคระบาด
วันนี้ (1ก.พ.63) เวทีสัมนาหัวข้อ "How to รอด...รอดอย่างไรในสถานการณ์เศรษฐกิจร้อน การเมืองแรง" ให้ความสำคัญกับประเด็นการแพร่ระบาดโรปอดอักเสบ จากไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ใหม่ จากเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ทั้งผลกระทบด้านสุขภาพ และเศรษฐกิจ โดยได้รับการยืนยันจาก นายปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านความมั่นคงของนายกรัฐมนตรี ว่า สัปดาห์หน้าจะมีการพิจารณาเพิ่มความเข้มข้นในการป้องกันไวรัสโคโรนา เรื่องการให้วีซ่ากับนักท่องเที่ยวจีน และจะมีการร่วมมือกับรัฐบาลในการเฝ้าระวังมากขึ้น แต่การปิดประเทศยอมรับว่าเป็นเรื่องยาก เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยกับจีนเชื่อมโยงกันหลายมิติ ขณะที่องค์การอนามันโลก (WHO) แนะนำว่าไม่ควรปิดประเทศ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจะพิจารณอมูลแบบวันต่อวัน เพื่อปรับเปลี่ยนมาตรการให้เป็นไปตามสถานการณ์
ด้านนางสาวกิริฎา เภาพิจิตร ผู้อำนวยการการวิจัยและคำปรึกษาระหว่างประเทศ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศ หรือ ทีดีอาร์ไอ เปิดเผยว่า ปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจในช่วงตต้นปีนี้ มีมาก และรุนแรง โดยเฉพาะไวรัสโคโรนา กระทบนักท่องเที่ยวจีนหายไป 2 ล้านคน งบประมาณปี 63 ที่ล่าช้าออกไปอีก และสถานการณ์ภัยแล้ง ทั้งหมดจะฉุดให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่า 2% จาก เป้าหมายเดิมที่ระดับ 2.8% ซึ่ง ทีดีอาร์ไอจะมีการปรับประมาณการณ์อย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ยังมี 3 ปัจจัยบวกที่เข้ามาช่วย ในช่วงที่เศรษฐกิจมีปัญหา คือ เศรษฐกิจยังไม่ติดลบ ทั้งเศรษฐกิจโลกที่ World Bank และ IMF ยังเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกโตเกิน 2% ราคาน้ำมันที่ย่อตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง อยู่ที่ระดับ 31.2บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ทั้งหมดเป็นปัจจัยสนับสนุนให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้
ขณะที่ นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าไทย มองว่า คณะกรรมการร่วมเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เตรียมปรับประมาณการณ์เศรษฐกิจไทยใหม่ จากเดิมที่คาดไว้ในกรอบ 2.5-3% หรือ ค่ากลางอยู่ที่ 2.8% อาจมีการปรับลดลงตามความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจยังโตไม่ต่ำกว่า 2.5% เนื่องจากเศรษฐกิจไทย ยังมีโอกาสรับเงินลงทุนที่เข้ามาลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากการย้ายฐานการผลิตจากประเทศจีน ต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา
ขณะที่ทุกภาคส่วนสามารถช่วยกันฟื้นเศรษฐกิจไทย ด้วยโครงการไทยเท่ เที่ยวเมืองไทย และใช้ของไทย โดยเฉพาะหน่วยงานภาครัฐ ต้องสนับสนุนให้เกิดการจัดสัมนาในประเทศ เชื่อว่าจะช่วยให้เม็ดเงินหมุนเวียนเศรษฐกิจ พยุงเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ปัจจัยเสี่ยงรุมเร้า