นพ.กัมปนาท โพสต์กรณี ผอ.โรงเรียนฆ่าโหดชิงทอง ข่าวน่าตื่นเต้นเร้าใจจะถูกมองเป็นอาหารอันโอชะของชาวเน็ต
นพ.กัมปนาท ตันสิถบุตรกุล (Kampanart Tansithabudhkun, M.D.) โพสต์ไว้น่าคิดมาก กรณี ผอ.โรงเรียนฆ่าโหดชิงทอง
... ผมอาจจะมีแนวคิดสวนกระแส ไม่ถูกใจหลายๆคน ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องอ่านต่อนะครับ ท่านจะเสียเวลาเปล่าๆ
... วันนี้พอมีข่าวจับผู้ต้องหาได้ ไม่กี่ชั่วโมง เริ่มมีโทรศัพท์โทรมาสัมภาษณ์ แต่ผมไม่ว่างรับสายครับ เพราะต้องทำมาหากิน แม้ช่วงว่างก็ไม่ให้สัมภาษณ์เหมือนกัน แต่ก็ยังคงติดตามข่าวอย่างใกล้ชิด
... ก่อนหน้านี้ ผมและเพื่อนๆ เราก็วิเคราะห์กันไปต่างๆนานา ตามวิสัยคนตามข่าวทั่วๆไป ก็็ไม่ได้แปลกอะไร..... แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ทำคือ.... วิเคราะห์ออกสื่อหรือสังคมภายนอก เพราะเราไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ และไม่ได้รู้ดีไปกว่าที่อ่านตามข่าวเท่านั้น เราจึงเลือกคุยกันเฉพาะใน Social Media ที่มีความเป็นส่วนตัวระหว่างเรากับเพื่อนๆของเรา เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
... การตั้งสมมติฐานการทำคดีต่างๆของผู้ก่อเหตุ ก็ทำแค่เพื่อบริหารสมอง บริหารความคิด แล้วรอลุ้น รอเช็คตามตอนจับผู้ต้องหาได้แล้ว ก็คงตื่นเต้นดี เหมือนเล่นเกมแล้วลุ้นรางวัล ประมาณนั้นครับ ว่าจะทายถูกหรือไม่ ( แต่ต้องเรียนว่ามิใช่สนุกสนานกับเรื่องของความตายของผู้อื่นนะครับ... อย่าเพิ่งเข้าใจผิด)
... การถูกใช้เป็นเครื่องมือของสื่อ ในฐานะบุคลากรวิชาชีพ เพื่อวิเคราะห์ที่มาที่ไปของบุคลิกภาพหรือ "สันดาน" ของมนุษย์ทึ่ถูกสังคมเกลียดชัง.... โดยที่ยังไม่ได้ฟังข้อสรุปจับต้นชนปลายให้ถูกต้องจากทางตำรวจเลย... เป็นสิ่งที่บุคลากรในวิชาชีพไม่ควรกระทำ... เพราะไม่แฟร์และละเมิดสิทธิ์ผู้อื่น... อันนี้ขอพูดจากประสบการณ์ที่เคยทำงานตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่เคยตรวจสภาพจิตและวิเคราะห์สภาพจิตจากผู้ที่เคยก่อคดีอุกฉกรรจ์ทั้งหลาย... ไม่ว่าผู้ก่อคดีเหล่านั้นจะมีความเจ็บป่วยทางจิตหรือไม่ได้เจ็บป่วยทางจิตก็ตาม
...สังเกตดูว่า แม้ ผบ.ตร.จะประกาศให้ใจเย็นๆ รอแถลงการณ์โดยขอเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อน เป็นสิ่งที่ดี (แต่ไม่ถูกใจสื่อและประชาชนจำนวนหนึ่ง)
.... สำหรับผมชื่นชมทางตำรวจนะครับ ทั้งในเรื่องการทำงานที่รอบคอบ รัดกุม ใช้หลักวิชาการทางการสืบสวนสอบสวน แม้จะใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ยังมีนัก (มโน)วิเคราะห์ สรรหาข้อมูลมาวิเคราะห์มั่วๆ บิดเบือนเต็มไปหมด ซึ่งก็เป็นธรรมชาติของชาวเน็ตประเทศไทย.... ต้องทำใจครับ... แต่แอบสงสารผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ที่ยังถูกหยิบยกมาเกี่ยวข้อง (มั่วๆ)ให้วิญญาณไม่สงบสักทีนึง
... นอกจากนี้สื่อทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นสื่อหลักหรือพวกที่อยากเป็นสื่อเสียเอง.... ก็พยายามสรรหาข้อมูลต่างๆเอามาวิเคราะห์กันมั่วไปหมดโดยที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่รายชั่วโมงเลยทีเดียวอ่านดูแล้วก็แทบจะไม่ได้ประโยชน์อะไรนอกจากความตื่นเต้นเร้าใจกันรายชั่วโมงเท่านั้น เพราะการสัมภาษณ์คนนี้ทีคนโน้นทีแต่ละคนก็มีความคิดเห็นที่หลากหลายโดยที่ไม่รู้ว่าข้อมูลที่ได้มานั้นเป็นข้อมูลของความเป็นจริงหรือเป็นข้อมูลของความคิดเห็นหรือเป็นพวกตีไข่ใส่ข่าวให้ดูตื่นเต้นมากขึ้นหรือเปล่า
... แต่อันที่รับไม่ได้เลยก็คือสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งที่ส่งผู้สื่อข่าวลงไปสัมภาษณ์เด็กนักเรียนตัวเล็กๆซึ่งยังแยกแยะเรื่องราวต่างๆได้ไม่เก่งได้ไม่เต็มที่และวุฒิภาวะการจัดการทางด้านอารมณ์ที่ยังไม่ดีพอ แล้วก็เอาภาพถ่ายเหล่านั้นมานำเสนอให้เป็นกรณีดราม่าสะเทือนใจของสื่อช่องนั้น... นำเสนอเรื่องราวความผิดหวังของเด็กๆซึ่งเคยเป็นลูกศิษย์ของผู้ก่อเหตุ ท่านนี้....
.... ลักษณะของการกระทำของสื่อแบบนี้ ดูเหมือนจะเป็นการล่วงละเมิดสิทธิเด็ก เพราะถ้าคุณ ตั้งคำถามบางอย่างที่ก่อให้เกิดความเสียใจหรือสะเทือนใจต่อเด็ก แล้วเด็กมีปัญหาเรื่องของการจัดการความผิดหวังตามมา.... ไม่ทราบว่าคุณจะรับผิดชอบต่อตัวเด็กอย่างไร
.... ผมมองว่าถ้าจะสัมภาษณ์คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว เขามีสิทธิ์และความสามารถที่จะปกป้องตัวเองได้อย่างเต็มที่แล้ว อันนี้ก็ไม่ได้ห่วงมาก.... แต่การละเมิดต่อสิทธิของเด็กแบบนี้.... ผมไม่เห็นด้วยเลย น่าจะหยุดได้แล้วนะครับ
... อย่างไรก็ตามผมยังมองว่าการติดตามแค่ข้อมูลข่าวสารต่างๆโดยเฉพาะลำดับขั้นตอนที่ทางตำรวจได้ปฏิบัติแล้วนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาเป็นสิ่งที่ทำให้เราได้ความรู้มากขึ้นและเป็นประเด็นที่ดี มากกว่าการที่จะไปวิเคราะห์อะไรมากมายเพราะบางทีก็วิเคราะห์กันผิดๆถูกๆ คนที่น่าจะวิเคราะห์ได้เหมาะสมที่สุดก็คือคนที่รู้ข้อมูลโดยละเอียดหรือคนที่เรียนมาทางด้านอาชญาวิทยา ส่วนตัวจิตแพทย์เองผมคิดว่าก็ไม่ได้รู้อะไรมากมายหรอกนะครับ เพราะเราก็เรียนมาเรื่องจิตเวชศาสตร์และจิตวิทยาของมนุษย์ที่มีปัญหาทางด้านสุขภาพจิตแต่เราไม่ได้เน้นทางด้านเรื่องของคดีความหรือไปคอยจับผิดอะไรใคร
... ความเห็นส่วนตัวมองว่า... ถ้าเราวางตนอยู่ในบทบาทของวิชาชีพของตัวเองได้อย่างเหมาะสมมันก็แสดงให้เห็นถึงการมีจริยธรรมในวิชาชีพและการมีจริยธรรมในวิชาชีพ... มันก็จะไม่ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นด้วย แล้วสังคมของเราก็จะได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริงเพราะเป็นข้อมูลที่มาจากแหล่งที่ตรงกับปัญหาจริงๆด้วยนะครับ
... สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่า ถึงแม้ข่าวที่น่าตื่นเต้นเร้าใจจะถูกมองว่าเป็นอาหารอันโอชะของคนที่อยากมีพื้นที่บนสื่อมากมายขนาดไหน... แต่ถ้าข่าวที่นำเสนอออกมา ได้มาจากผู้นำเสนอข่าวที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของจริยธรรมวิชาชีพ มันก็เป็นแค่ข้อมูลที่ไร้คุณค่าและไม่ได้เป็นอาหารอันโอชะหรือมีประโยชน์แต่อย่างใด เผลอๆก็อาจจะสะท้อนตัวตนที่น่ารังเกียจให้คนอื่นเขาเห็นอีกต่างหากครับ...
ปล. ข่าวเรื่องจิตแพทย์ให้สัมภาษณ์ข้างล่างนี้ ไม่ได้มาจากผมนะครับ.... ส่วนจะมาจากใคร ท่านลองไปหาเอาเองครับ.
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=2632773266830417&id=160858877355214&__tn__=K-R