ประสบการณ์หลอน ผีเข้าบ้าน!! ดีเจป๊อป แก้ไขสถานการณ์แล้ว หลังอยู่ร่วมกับผีในบ้าน 10 วันเต็ม
จากกรณี ดีเจป๊อป กิตติพงศ์ ตันติชินานนท์ ออกมาเล่าประสบการณ์หลอน ผีเข้าบ้านตน และออกมาหลอกให้ลูกสาวตนกลัว ล่าสุดแก้ไขสถานการณ์แล้ว ด้านแฟนคลับเข้ามาแสดงความยินดี และขอให้ครอบครัวกลับสู่สถานการณ์สงบ ไม่เกิดเรื่องแปลกๆ อีก
จากกรณี ดีเจป๊อป กิตติพงศ์ ตันติชินานนท์ โพสต์เล่าเหตุการณ์แปลกที่เกิดขึ้นในบ้าน คล้ายว่ามีวิญญาณมาอยู่ด้วย ตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค. 2563 โดยเล่าเรื่องราวหลอนที่ทั้งตนและลูกสาว "น้องญามา" ประสบไว้อย่างละเอียดว่า
"ใครว่านางกลัวพระเครื่อง..กลัวบทสวด..กลัวคำสาบแช่ง.. ครอบครัวผมอยู่กับนางมาแล้วครบ 10 วัน 10 คืน ทั้งคน ทั้งพระ ทั้งนาง
อยู่กันอย่างอบอุ่นตั้งแต่คืนวันที่ 2 ม.ค.ที่ผ่านมา น้องญามานั่งเล่นอยู่ที่ห้องหนึ่งในบ้าน ก็ได้จ้องมองไปบริเวณที่ว่างเปล่าประหนึ่งเห็นคนแปลกหน้าอยู่ในห้องนั้น จนร้องกลัวๆๆแล้ววิ่งหลับตามากอดพ่ออย่างแน่นชนิดที่ใช้เล็บจิกลงเนื้อคอของผม..จนผมต้องลั่นประโยคแรกใส่นางด้วยสัญชาติญาณของคนเป็นพ่อที่มั่นใจว่าลูกสาวกำลังโดนรังแกว่า "หนูไม่ต้องกลัวนะลูก อยู่กับพ่อไม่มีใครทำอะไรหนูได้ มึงอย่ามาทำให้ลูกกูกลัว!!!(ทำเสียงดังเหมือนตอนที่เล่นเป็นยมฑูตด่าผีในละครเรื่อง เงา)" ซึ่งผมว่าผมเดินเกมส์ผิดไปหน่อย แทนที่นางจะกลัวนางกลับโกรธา"
วันต่อมานางเดินลอยหน้าลอยตา ลอยแม่งยันขา ผ่านไปเฉยๆโดยไม่ได้เกรงใจเลยว่า กูกำลังเป่าผมอยู่ตอนเที่ยงคืนครึ่งแล้วจะตกใจมั้ย นางเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งที่มิได้ระบุสัญชาติและศาสนา ผิวนางขาวจั๊ว ผมสีดำยาวและมัดผม ใส่เสื้อยืดคอกลมสีดำ นางมาพร้อมอุปาทานอันแรงกล้าคือ กูไม่รู้จะไปไหนและจะอยู่ที่นี่เพราะเห็นครอบครัวมีความสุขดีเลยอยากอยู่ด้วย วันดีคืนดีนางก็ปลอมตัวมาในรูปแบบของน้องของญามา ลอยอยู่บนฝาเพดานบ้าง หลังแอร์บ้าง
ญามาก็ได้แต่ตะโกนเรียกน้อง และพยายามกระโดดจับ แถมมีนั่ง Hi5 แปะมือกันอย่างสนุกสนาน..แล้วสักพักพอญามาตายใจ นางก็คงจะทำหน้าเกรี้ยวกราดใส่.. ญามาเลยหลับตาวิ่งหนีร้องกลัวๆมากอดพ่อแม่(นี่คงเป็นที่มาของคำว่าผีหลอก) เป็นแบบนี้ไม่เลือกเวลาทั้งเช้า กลางวัน เย็น ก่อนนอน จนบางทีไม่รู้ว่ามึงเป็นผีหรือยาลดไข้ ตะกี้ก็เพิ่งสวดอิติปิโสกับพาหุงและแผ่เมตตาให้นาง พอสวดจบนางก็มายืนฟังปลายเตียงชิลๆ บางทีนางก็เดินไปทั่วแบบไม่มีจุดหมายทั้งชั้นบนชั้นล่าง ห้องนอน ห้องน้ำ ยันห้องรับแขก ทำบุญให้นางก็ดูเหมือนจะไม่สนใจเลยคาดว่านางน่าจะคนละศาสนา ผลงานล่าสุดที่คาดว่าเป็นของนางคือ จู่ๆแอพพุทธวจนสาธยายพระสูตรฉุกเฉินสำหรับคนก่อนตายฟังก็ดังขึ้นมาเองทั้งๆที่หน้าจอมือถือปิดอยู่ช่วงบ่าย และเมื่อคืนวานนี้ขณะที่ญามากำลังเข้านอน ญามาก็ชี้ขึ้นบนเพดานท่ามกลางห้องที่ดับไฟแล้วเรียกว่า "น้องๆๆๆ.." แล้วก็ "กลัวๆๆๆ.." สิ้นเสียงญามา ของเล่นที่อยู่ตรงปลายเตียงที่วางอยู่เฉยๆซึ่งปกติอีของเล่นนี่ก็ต้องใช้แรงกด ก็ร้องดังขึ้น "baby shark.." ตอนนี้ที่ไม่สบายใจที่สุดคือ กลัวปล่อยไว้นานกว่านี้นางจะทำให้ลูกสาวเราหลอนและขี้กลัวไปเลย วันพุธนี้ท่านเจ้าอาวาสวัดดังแถวบ้านท่านเมตตามาช่วยเจรจาหวังว่าอะไรๆจะดีขึ้น บทสรุปของเรื่องนี้คือยังไม่มีข้อสรุปใดใด ติดตามEP.ต่อไปเร้วๆนี้ ฝันดีครับ"
ล่าสุด ดีเจป๊อป ได้ออกมาเผยการแก้ไขปัญหากับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้น โดยการนิมนต์พระมาที่บ้าน โดยเจ้าตัวได่เล่าผ่านอินสตาแกรมของตนเองไว้ว่า
"เมื่อวานนี้ครอบครัวของพวกเราได้รับความเมตตาจากพระอาจารย์เจ้าอาวาส วัดทองเนียม เชิญนิมนต์มาฉันภัตตาหาร ถวายสังฆทานที่บ้านอย่างเรียบง่าย พร้อมสาธยายธรรมอันเป็นมงคลให้กับครอบครัวของเรา.. ตลอดจนทำน้ำมนต์พรมรอบบ้าน..ทั้งห้องนอน ห้องน้ำ ห้องรับแขก ห้องครัว และส่วนอื่นๆของบ้าน พร้อมทำการผูกข้อมือให้น้องญามาและเมตตามอบพระสูตรคำบาลีให้ผม ถือเป็นมงคลสูงสุดของบ้านเราและครอบครัว ตลอดการดำเนินพิธีมีแต่ความเรียบง่ายและสงบ ระหว่างเดินรอบบ้านเพื่อพรมน้ำมนต์ผมก็ได้มีโอกาสแอบถามท่านพระอาจารย์เป็นระยะๆว่า ท่านพบเห็นสิ่งผิดปกติใดใดบ้างหรือไม่ เพื่อหวังจะคอนเฟิร์มภาพที่ยังติดตาเราอยู่ และสิ่งที่ท่านได้ตอบกลับมาคือ "อืม..สวนสวยมาก" (ในใจก็อยากจะสวนกลับท่านไปว่า ผมรับจัดสวนครับ สนใจติดต่อได้ครับท่าน แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เวลา) จนมาถึงจุดสุดท้ายที่ท่านเดินมาจบ.. ท่านก็กล่าวว่า "อืม..ก็มีนะ..แต่หลังจากนี้ไม่มีแล้วล่ะ"
ผมนี่เห้ออออ ยาวๆแล้วสูดออกซิเจนพร้อมPM2.5เข้าอย่างเต็มปอด.. แต่อีกใจก็ยังไม่วางใจจนกว่าจะผ่านคืนนี้ไปได้ด้วยดี 100%.. ไม่กี่ชม.ต่อมา
เวลาค่ำคืนก็มาถึง.. ผม ภรรยา ญามา และเพื่อนสนิทผม(ที่โดนหลอกให้มาค้างเพื่อประชุมงาน) ก็เลยตัดสินใจกลับไปนอนในห้องที่เคยไม่สบายใจอีกครั้ง มีการสวดมนต์และเล่นกันอย่างสนุกสนานเหมือนทุกคืน จนหลังจากสวดมนต์เสร็จ ญามาก็หลับไปอย่างสบายไม่ร้องเรียกน้องอีกเลยจนเช้า.. ผมและภรรยาเองก็รู้สึกได้ถึงความโปร่งโล่งใจ ที่เห็นลูกของเราได้นอนหลับอย่างเต็มที่และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวเราและครอบครัวของใครอีกเลย ส่วนตัวผมเองเรียนตามตรงว่าจริงๆแล้วครอบครัวเราใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความจริงมากกว่าความเชื่อ โดยไม่ลบหลู่หรือดูถูกความเชื่อของใครหรือของศาสนาใด ถ้าแค่เพียงได้ยินเสียง ได้กลิ่นหรือแค่ความฝัน ผมจะไม่เอาสิ่งเหล่านั้นมาใส่ใจ จนกว่าจะได้มาเห็นกับตาขณะที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน
ถึงจะเชื่อและพิจารณาว่าจะแก้ปัญหาที่อยู่ตรงหน้านั้นด้วยสติและปัญญาอย่างไร ใครไม่เคยเจอหรือเห็นกับตัว ผมก็ขอแนะนำว่าก็อย่าเพิ่งเชื่อ ให้เจอเองก่อนเหมือนผมแล้วค่อยพิจารณา
ตลอด 2 วันที่ผ่านมาผมและภรรยาได้รับคำแนะนำที่ดีที่สุดจากทุกคน ครอบครัวเราขอน้อมรับและขอบพระคุณจากใจมันทำให้ผมและครอบครัวรู้สึกทราบซึ่งถึงความห่วงใยที่ทุกคนมีต่อลูกของเรา และขอบพระคุณพี่ๆทุกๆสื่อที่ให้เกียรติแวะมาเยี่ยมถึงบ้านและคอยถามไถ่ตลอด ท้ายที่สุดนี้บ้านของพวกเราก็กลับมาความสงบร่มเย็นอีกครั้ง ขอบคุณทุกคนตามท่านครับ"
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก