เรื่องเล่าที่ฝังในหัวไม่เคยลืม.....คำสาบแช่งจากผีตายโหง
ปกติแล้วจะเป็นคนอ่าน ไม่เคยเขียนกระทู้นี่เป็นกระทู้แรก และพิมพ์จากมือถือ อาจจะอ่านยากสักหน่อย ขออภัยมา ณ ที่นี้เลยนะคะ
เรื่องนี้แม่เป็นคนเล่าให้ฟัง ยายเองก็รู้เรื่องเหตุการณ์ดี ตอนนั้นเราจึงไปซักยาย คะยั้นคะยอ ว่าเล่าให้ฟังหน่อยอยากรู้มากๆ เริ่มเรื่องเลยนะคะ ยายมีลูกทั้งหมด4คน แม่เราเป็นพี่คนโต คนที่2ท่านผู้หญิง สมมุติว่าชื่อ น้าน้อย นะคะ คนที่3เป็นผู้ชาย สมมุติว่าชื่อ จ่อย ส่วนคนเล็กนี่ไม่ขอเล่านะคะเพราะตอนนั้นน้ายังเล็ก จำเหตุการณ์อะไรไม่ค่อยได้
ตาเสียตอนแม่อายุ15 จบ ม.3 พอดี น้าน้อยอายุ 14 แต่หัวไม่ดี ออกโรงเรียนตั้งแต่จบ ป.6 แม่ไม่ได้เรียนต่อออกโรงเรียน มาช่วยยายทำนา แม่ต้องเป็นเสาร์หลักของครอบครัว พอหมดฤดูทำนา แม่จะพาน้าน้อย ไปรับจ้างได้วันละไม่กี่สิบบาท มันหนักมากเลยนะคะ สำหรับเด็กอายุ15 ที่ต้องรับผิดชอบครอบครัว ยายเล่าว่าตอนที่แม่กับน้ายังเป็น สาว มีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่ มาจีบมากหน้าหลายตา เรียกว่า หัวบรรไดบ้าน ไม่เคยแห้งกันเลยทีเดียว
ตอนนั้นยายคงสงสารแม่ ที่ต้องทำงานงกๆ จึ่งเอิ่ยกับแม่ว่า จะให้แต่งงานกับพ่อ ทั้ง2คนไม่ได้รักกันเลย ไม่เคยคุยกันด้วยซ้ำ แม่ก็ไม่ปฏิเสธ เข้าใจดีว่าบ้านต้องการผู้นำ พ่อกับแม่โดนคุมถุงชน ให้แต่งงานกัน ยายรู้ดีว่าแม่รักผู้ชายอีกคน ที่แต่งงานกับพ่อเพราะความจำเป็น ยายเห็นแม่ไม่มีความสุข จึงได้พูดไว้ว่าลูกสาวที่เหลือ2คนรักใครชอบใคร อยากแต่งกับใครคงไม่บังคับจิตใจลูกอีก
ส่วนน้าน้อย มีหนุ่มๆ ต่างบ้าน ต่างอำเภอ มาจีบไม่เว้นวัน รวมถึงน้าอ่วม หนุ่มบ้านเดียวกัน รุ่นราวคราวเดียวกับน้าน้อย ยายเล่าว่าน้าอ่วมชอบน้าน้อยตั้งแแต่ อนุบาล ตอนเด็กๆน้าอ่วมได้เงินไปเรียนอาทิตย์ละ 1 บาท ก็จะแบ่งมาให้น้าน้อย 50 สตางค์ จนพอโตเริ่มเป็นหนุ่ม ได้อะไรก็มักเอาส่งเสมอต้นเสมอปลายไม่เปลี่ยน แต่น้าน้อยกลับไม่เคยมีใจให้น้าอ่วมเลย แถมยังเป็นคนพูดจาแรงๆ คิดยังไงก็พูดไปอย่างนั้น
มีหนุ่มต่างอำเภอคนหนึ่ง มาจีบน้าน้อย ชื่อ น้าพุด น้าน้อยก็มีใจให้ จีบกันได้สักพัก น้าพุดบอกกับ ยายว่าจะให้แม่มาขอน้าน้อย
ยายก็ถามความสมัครใจลูกสาว น้าน้อยบอกยายว่า ชอบน้า พุด อยู่เหมือนกัน ข่าวลือสพัดรวดเร็ว เหมือนดั่งลมพัดขรี้ ก่อนวันที่น้าพุด จะมาตกลงค่าสินสอด คืนนั้นน้าอ่วม ได้มาหาน้าน้อย ที่บ้าน เรียกอยู่นาน พอควรน้าน้อยก็ไม่ออกมาพบ ยายจึงบอก ให้น้าน้อยออกมาคุย กับน้าอ่วม "คุยกับเขาดีๆ บอกเขาดีๆ แม่ว่าเขาคงเข้าใจ" น้าน้อยก็หน้าบูดหน้าบึ้ง ออกมาจากห้อง คืนนั้นยายยังไม่หลับ จึงได้ยินบทสนทนา ของทั้งคู่ชัดเจน
"เมิง....มาทำไมอีกไอ้อ่วม" น้าอ่วมไม่อ้อมค้อม ยิงคำถามตรงๆเลยว่าน้าน้อย จะแต่งงานกับหนุ่มบ้านไกลคนนั้นจริงๆหรือ น้าน้อยก็ตอบว่าใช่ พรุ่งนี้ จะตกลงค่าสินสอด น้าอ่วม ขอน้าน้อยว่าอย่าแต่งกับน้าพุดได้ไหม ฝ่ายนั้นให้สินสอดเท่าไหร่ น้าอ่วม จะให้มากกว่าเป็นเท่าตัว น้าน้อยเลยตัดรำคราญ พูดตรงๆ ว่าไม่เคยรักน้าอ่วม ไม่เคย คิดจะรัก และชาตินี้ก็จะไม่รัก ต่อให้เหลือผู้ชายคนเดียวในโลกก็จะไม่เอาน้าอ่วม มาทำผัว น้าอ่วมขู่น้าน้อยว่า จะผูกคอตาย และสั่งเสียไว้ว่าชาตตินี้จะรักน้าน้อยคนเดียว และจะรักน้าน้อยทุกๆชาติ....
น้าน้อยก็คิดว่าเป็นแค่ คำขู่ น้าอ่วมคงไมม่กล้าทำจริงๆ เลยไล่น้าอ่วมกลับ ส่วนน้าน้อยก็กลับเข้าห้อง ไปนอน ยายเองซึ่งนอนแอบฟังอยู่ตอนนั้น ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่คิดว่าน้าอ่วม จะรักแรงถึงขนาด ยอมตาย
พอรุ่งเช้า มีคนมาเล่าให้ฟังว่า น้าอ่วมผูกคอตาย ยายจึงรีบวิ่งไปดู ส่วนน้าน้อยซ็อคมาก และกลัวมาก ไม่กล้าไป พอยายไปถึงบ้านน้าอ่วม เสียงร่ำไห้ ระงมทั่วบ้าน คนยืนมุงกันจนเต็มถนน สภาพศพตอนนั้น ตาถลน ลิ้นเหยีดยาว ขรี้เยี่ยวเล็ดกางเกง สงสัยว่าตายตั้งแต่เมื่อคืน และพบจดหมาย ลาตาย 1ฉบับ ที่น้าอ่วมเขียนไว้ก่อนตายในเช้าวันนั้น หมอผี ก็มาทำพธี "กันบ้าน" คร้ายๆกับปิดหมู่บ้าน คนในไม่ให้ออก คนนอกไม่ให้เข้า
ตอนนั้นแม่ตั้งท้องเราได้ประมาณ7เดือน เป็นช่วงฤดู เกี่ยวข้าว พ่อกับแม่ ไม่ได้กกลับเข้าหมู่บ้านมาหลายวัน ซึ่งวันนั่นเป็นวันที่พ่อ จะตีข้าว น้าจ่อยกับเพื่อนมาอยู่ที่ทุ่งนากับแม่ ตั้งแต่ ขนมัดข้าวเข้าลาน กองๆกันไว้แล้ว หนุ่มๆวัยรุ่นก็ช่วยกันตีข้าว เย็นวันนั้นแม่ทำกับข้าวที่เถียงนา แม่ถามน้าจ่อยว่า เพื่อนเอ็งมากันกี่คน น้าบอกแม่ว่าเพื่อนมาช่วย13คน แต่พอตอนมากินข้าว แม่นับยังไง ก็นับได้แค่12คน จึงคิดว่า เอ่อ อีกคนเขาคงนังไม่หิว เลยไม่ขึ้นมากิน
กินข้าวเย็นเสร็จทุกคน ลงมาตีข้าวในลานต่อ ตอนนั้นประมาณ 4ทุ่ม กว่าๆ ได้ยิน น้าจ่อยคุยกันว่า อยากสูบยาเส้น แต่ยาเส้นอยู่บนเถียงนา(ที่แม่เรานอนอยู่) พอสิ้นเสียง มีมือ 1 มาจับมือแม่ มือนั้น เย็นยะเยือกมาก แม่จึงหยิบห่อยาเส้นใส่มือนั้น เพราะคิดว่าคงเป็นเพื่อนน้าจ่อย ที่มา แต่ก็แอบคิดในใจว่าทำไมมันมาเร็วนักวะ สักพักเวลาผ่านไป ประมาณ 15 นาทีมีคนวิ่งมาที่เถียง "พี่...เอายาเส้นให้หน่อย" เอาแล้วไง แล้วเมื่อกี้ ใครมาเอา
เพื่อนน้าจ่อยบอก ยังไม่มีใครมานะ ทุกคนอยู่ลานข้าวหมด ผมก็เพิ่งวิ่งมาเนี่ย.....แม่มองไปที่ ห่อยาเส้น มันยังวางอยู่ข้างมุ้ง ตรงที่แม่หยิบใส่มือนั้น แม่เองก็รู้แล้ว และข่มตานอน จนเช้า แม่เล่าให้พ่อกับน้าจ่อย ฟังเรื่อง เมื่อคืนที่แม่เจอ ทุกคนลงความเห็นเดียวกัน ว่าคงเป็นผี น้าอ่วม คงมาช่วยเพื่อนๆตีข้าว
แม่จึงบอกน้าจ่อย ลองนับดูดีๆ ว่าเพื่อนมาช่วยกี่คน จะนับกี่รอบๆ ก็นับได้แค่12......."ฮ่วย".....น้าจ่อยอุทาน แล้วทำไม เมื่อคืนนับได้13คนวะ ส่วนทางบ้าน ยายพาน้าน้อย ไปงานศพ น้าอ่วม คนในงานมองน้าน้อยแปลกๆโดยเฉพาะ ญาติของน้าอ่วม ยายพาน้าน้อยเข้าไปช่วยงานในครัว มีคนพูดเข้าหูให้ได้ยินว่า "ผูกคอตายเพราะผู้หญิงคนนี้ล่ะ" ต่างพากันซุบซิบนินทา จนน้าอยู่ไม่ได้ รีบกลับบ้าน ยายเล่าว่าน้าน้อยเองก็รู้สึกผิด จนวันถึงวันเผา น้าน้อยกลัวมากขึ้นไปวาง ดอกไม้จรร(เขียนอย่างนี้เปล่าคะ) ไม่กล้ามองหน้าศพ กลัวภาพติดตา ยายแอบมองนิดหนึ่งเล่าว่า น้าอ่วมตายตาไม่หลับ สัปเหรอเอามือลูปปิดแล้ว แต่ก็หลับไม่มิด หน้ากลัวมาก
งานศพผ่านไป เหมือทุกอย่างจะปกติ แต่น้าน้อยเหมือนคนจิตตก ได้ยินเสียงอะไรก็กลัวไปหมด จะเข้าห้องน้ำแต่ละทียายต้อง มาลงมาเฝ้าหน้าห้องน้ำตลอด
ตอนนั้นแม่ใกล้จะคลอดเรา พอดีเกี่ยวข้าวเสร็จ พอก็ขนข้าวขึ้นเล้า ประมาณเดือนกว่าๆแม่ก็คลอดเรา สมัยก่อนไม่ได้ไปโรงบาลนะคะ ยายเป็นหมอตำแย ออกกันตรงชานเรือนเลยค่ะ แม่เล่าว่าเอา "รก" เราไปฝังไว้ได้บรรไดบ้าน แล้วเอาหนามโปาะไว้หนาๆ ไม่อย่างนั้น กระสือ จะมาขุด (ความเชื่อเรื่อง ฝัง รก เพื่อให้คนๆนั้นไม่ลืมถิ่นถานบ้านเกิด) ตอนแม่อยู่ไฟที่ชานเรือน คืนแรกเลย ประมาณตี2 ทุกคนในบ้านหลับหมด แม่มองลอดไม้พื้นเห็นแสงไฟดวงสีส้มๆ แดงๆ ตรงน้ำครำ ข้างล่าง แม่เขี่ยขี้ไฟร้อนๆแดงๆ ลงรู แล้วแสงก็ดับไป
หลังจากนั้นไม่นานน้าน้อย ก็แต่งงานกับน้าพุด ทั้งเขยใหญ่ เขยเล็ก ย้ายเข้ามาอยู่ ด้วยกัน ทุกอย่างเหมือนจะราบรื่นดี ยายได้ยินข่าวแว่วๆเรื่องเนื้อความในจดหมาย ลาตายของน้าอ่วม ทำนองว่าจะตาม เอาของที่น้าน้อยรักมาอยู่ด้วย แต่จริงๆบ้านเราไม่มีใครได้อ่านจดหมายฉบับนั้น แต่คนที่ไได้อ่านแล้ว เขามาเล่าให้ฟัง ทำนองสาบแซ่งน้าน้อย จะตามน้าน้อยไปทุกๆที่ ไม่มีใครแก้ไขอดีตได้ น้าน้อยก็ไแค่ ไปวัด ทำบุญ อทิศส่วนบญให้น้าอ่วม
ต่อมาไม่นานนักน้าน้อยท้อง ตอนนั้นน้าพุด อยากออกเรือน เพรายายแบ่งที่ทำกินให้แล้ว คนละ20ไร่ และแบ่งที่ปลูกบ้านให้อีกต่างหาก แต่ตอนนั้นยายยังไม่ให้ออกเรือน เพราะน้าน้อยท้องอยู่ ไว้คลอดแล้ว แข็งแรงทั้งแม่ทั้งลูก ค่อยย้าย ตอนนี้ให้อยู่กับยายไปก่อน
แม่ว่าจริงๆแล้วเราจะเกิดก่อนน้อง 13เดือน แต่น้าน้อย คลอดก่อนกำหนด อายุครรย์เพิ่งได้แค่7เดือน น้องเกิดมาเป็น ผู้หญิงตัวเล็กมาก และตอนคลอดก็ไม่ร้อง ป้อนนมก็ไม่กิน คือนิ่งๆอ่ะ แต่ยังหายใจอยู่ แล้วสักพัก น้องก็หายใจรวยริน ยายอุ้มน้องวิ่งไปให้หมอธรรม เป่า กะหม่อม.........เงียบ..........ไม่มีสัญญาณตอบรับ ตา หมอธรรม บอกกับยายว่าเขาแค้นแรงมากนะ แต่ฝั่งเราก็เหมือนมีของดี คุ้มครอง เขาถึงทำอะไรได้ไม่มาก
ยายกระเต็งหลานไปบ้าน หมอธรรม อีกหมู่บ้านหนึ่งเพื่อให้ช่วยเป่า เพราะยังมีหวัง ก็อีกเหมือนเดิม ยายอุ้มหลานขึ้นมาบนบ้านเข้าไปปลอบ ใจน้าน้อย "ทำใจเถอะนะลูกเอ้ย" แล้วหันมาบอก น้าพุด ให้ไปขุดหลุมเตรียมฝัง น้าน้อยกอดน้องร้องไห้ ปริ่มจะขาดใจ "อย่าเพิ่งฝังเลยนะแม่ ขอดูให้แน่ใจอีกสักคืนก่อนเผื่อลูก จะฟื้นคืน" ยายก็สงสารน้า เลยไม่ห้ามอะไร
ตอนเย็นชาวบ้านได้ยินข่าว คนในหมู่บ้าน ก็มาถามไถ่กัน มียายคนหนึ่งแนะนำให้ไปเป่า กับลุง...แกไม่ใช่หมอธรรมนะคะ แต่แกมีวิชา คาถา(ไม่ได้เปิดสำนัก) เอาวะไม่มีอะไรจะเสีย "ลองดู" ยายก็กระเต็งหลานไปอีก
ลุง...สวดคาถาสักพัก อมน้ำมนต์ พ่นลงบนร่างน้อยๆ เสียงร้อง จ้า ตามมาทันที ขรี้แตก เยี่ยวราด ตรงนั้นเลย พอกลับมาบ้านก็เหมือนเด็กปกติ ตั้งแต่นั้น ลุง...ก็ได้บอกว่าน้องคือลูกสาว ของลุง (น้องจะะได้แข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุข) แต่ก่อน คนเก่าแก่โบราณ เรียกโรคนี้ว่า "กำเริบ"
พอน้องเริ่มโตประมาณ1ขวบ น้าพุดก็พาน้าน้อยออกเรือน มาอยู่นา ไกลจากบ้านประมาณ 3กิโลเมตร แต่ก่อนไม่มีรถนะคะ เดินค่ะดินลูกรังแดงๆ ฝุ่นตลบ ผ่านป่าผ่านหนอง ผ่านทุ่งนา อยู่มาเรื่อยๆ ประมาณ7-8ปี น้าน้อยท้องค่ะ แกดีใจมาก ตั้งแต่อยู่กินกับน้าพุด น้าน้อยไม่เคยคุมกำเหนิด เลยนะคะ น้าท้องได้3เดือนกำลังจะเข้า เดือนที่4 คืนนั้นน้าน้อย ฝันเห็นน้า อ่วม มายืนอยู่หน้าบ้าน เหมือนเข้า มาในบ้านไม่ได้ จ้องมองมาที่น้าน้อย ตาเขม็ง แล้วอยู่ๆน้าอ่วมก็ยิ้ม เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวมาก แล้วอยู่ๆคอก็ หัก พับลงตาถลนออก แต่ปากยังยิ้มอยู่
น้าน้อยสดุ้งตื่น และคืนนั้นก็ไม่กล้านอนต่อ เช้ามาน้า มาเล่าให้แม่เราฟัง แม่เราปลอบน้องว่าไม่มีอะไรหรอก มันก็แค่ ฝัน สายมาหน่อยประมาณ 10โมงกว่าๆ น้องวิ่งมาเรียก แม่เราที่บ้านบอกว่า น้าน้อยปวดท้อง แม่รีบวิ่งไป ภาพที่เเห็นคือ น้านั้ง อยู่พื้นห้องน้ำ เลือดท่วมขา เป็นกองๆ เหม็นกลิ่นคราวเลือดคระครุ้ง แม่รีบพาน้าส่งโรงบาล สรุปเด็กเสียชีวิตแล้วค่ะ หมอถามว่า ล้ม หรือเปล่า น้าบอกไม่ได้ล้ม ปวดท้องเข้าห้องน้ำ พอเดินเข้าไปยังไม่ถึง โถส้วมเลย เลือดก็ไหลออกมาไม่หยุด
หมอตรวจร่างกาย มดลูกก็ปกติ หมอให้พักฟื้น และให้ยาบำรุงมากิน
ปีต่อมา น้าน้อย ท้องอีกรอบ เหมือนหนังม้วนเก่าเลยค่ะกำลังจะเข้า เดือนที่4 แท้งอีกเหมือนว่าพอจะมีเรื่อง ร้ายๆ เกิดกับตัวเอง น้าน้อยต้องฝันเห็นน้าอ่วมทุกๆครั้ง จนพอเราเริ่มโต จำความได้ และรู้เรื่องบ้าง ตอนนั้นเรา อยู่ประมาณ ป.6 น้าน้อยมาที่บ้านเราตั้งแต่เช้า ร้องไห้มาด้วยเราก็ งงๆ คือตอนนั้นเราไม่รู้ว่าน้าท้องอีก(3ปี ซ้อน) น้ามีความหวัง เพราะ อยากมีลูกอีก
ที่ร้องไห้มาหาแม่ตั้งแต่เช้ามือ เพราะเมื่อคืนฝัน ว่าน้าอ่วม มายืนหัวเราะ ที่หน้าบ้าน(เหมือนเคย) แม่รีบพาน้าน้อย มาหายายในหมู่บ้าน
ยายเอาที่นอนมาปู แล้วให้น้าน้อยนอนอยู่เฉย ยายกับแม่ นั่งเฝ้าอยู่ตลอด กลัวว่าจะเกิด อะไรไม่ดีกับน้าอีก แต่แล้วก็เป็นอย่างที่ทุกคนคิด ครั้งนี้น้าไม่ได้ปวดท้องแต่อยู่ดีๆ เลือดก็ไหลออกมาเอง วินาทีนั้นยายกับแม่ต่างมองหน้ากัน ยายตะโกนให้น้าพุด รีบไปเหมารถ พาน้าน้อยส่งโรงพยาบาล
สรุปวันนั้นก็ไปไม่ทันอีกตามเคย (บ้านเรากับโรงพยาบาลห่างกัน ประมาณ30กิโลเมตร) น้าน้อยร่ำไห้ หมดหวังแล้ว ด่าสาดเสีย เทเสีย "ต้องการอะไร ทำไมต้องจองเวร จองกรรมกู"
ต่อมาน้าให้หมอ ฉีดยาคุมไว้เลย แก บอกว่าจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจอีก
ผ่านมาอีกหลายปี ตอนนั้นเราอายุ14ปี น้องลูกน้าน้อย อายุ13ปี มีโรงงานจะมาเปิดแถวบ้าน น้าพุด โรงงานกว้านซื้อที่ดินแถวนั้นเกือบ100ไร่ และ ที่ของน้า พุด ก็ติดไปด้วย ตอนนั้นเราไม่รู้ว่าน้าพุด มีที่อยู่กี่ไร่ ย่า(แม่น้าพุด)ขายที่ขายที่ได้เงิน ประมาณ 3ล้าน แบ่งให้น้าพุด กับน้องสาว คนละ ราวๆ7แสนบาท
ตอนนั้นน้าพุด กลัวว่าญาติ จะรู้ว่ามีเงิน ก็โกหกพี่น้อง ว่าย่า แบ่งให้แค่ แสนกว่าบาท (น้าน้อย กับผัว กลัวพี่น้อง จะไปยืมเงิน) เหมือนว่าทุกอย่างจะดี มีเงิน มีทองมากมาย น้าพุดเอาเงินไปซื้อวัวมาเลี้ยง ฝูงใหญ่ ลงทุนไปประมาณ 140000บาท เลี้ยงไปได้ประมาณปีกว่าๆ น้าพุดอย่ากไปทำงาน เมืองนอก (มีนายหน้ามาติดต่อ) ได้ขายวัวฝูงนั้น ในราคา แค่ 60000 บาท แบบว่าขาดทุน ย่อยยับ
มีคนในหมู่บ้านที่จะไปต่างประเทศ พร้อมกัน7คน ทำเรื่องอยู่นาน ถ่ายรูป โน่นนี่นั่น อยู่หลายอาทิตย์ ละนายหน้าก็มาเก็บเงินก่อน คนละประมาณ 1 แสนกว่าบาท.......และแล้ว......นายหน้าก็ หาย ไปกับสายลมแสงแดด(โดนต้ม)
ในปีเดียวกัน เงินก้อน ที่ขายที่ได้ น้าพุด เอามาซื้อรถไถ แบบเดินตาม จอดไว้ไต้ถุนบ้าน "หาย" ยายเริ่มจะไม่ไหว พาน้าน้อย กับน้า พุด ไปดูดวงกับพระ พระท่านบอกแค่ว่า "เขายังไม่ได้ ไปไหนนะโยม" "มันยังไม่ถึงฆาติของเขา เขายังไปผุดไปเกิดไม่ได้ เขาจึงยังคงวนเวียนไม่ไปไหน" จริงๆแล้ว ยายเองก็ไม่รู้ ว่าจะแก้ยังไง เพราะเราเองนับถือหมอธรรม ไม่ใช่หมอผี แค่รู้ว่าเขาเข้าใกล้เรา ไม่ได้ ทำร้ายเราชึ่งๆหน้า ไม่ได้ ก็ดีถมเถแล้ว จริงๆแล้วเหมือนกับรู้แค่ว่าเขายังวนเวียนไม่ไปไหน(นานๆมาที พร้อมเหตุร้าย)
2ปีต่อมา น้องลูกสาวคนเดียว ของน้าน้อย หนีตามผู้ชาย ฝ่ายเราก็ไปลากผู้ชายมารับผิดชอบ ตกลงว่าเขาจะมาแต่ง พอถึงวันนัดฝ่ายชายไม่มา อายชาวบ้านเขา2เท่าเลย น้าน้อยกีดกันน้องกับผู้ชายคนนั้น
น้าน้อยพาน้องหนีมา กทม อายที่จะยู่จุดๆนั้น พากันมาค้าขายทั้งครอบครัว อยู่ได้สักพัก น้องก็แอบหนีไปหาผู้ชายคนนั้น อีก เริ่มก้าวยุกค์ที่มีมือถือ ทุกๆอย่างจึงดูง่ายไปหมด น้าน้อย ฝืน ลูกสาวไม่ได้ จึงยอมให้ฝ่าย ชาย มาอยู่กินกับลูกสาว โดยที่ไม่ได้ ตกแต่ง ตามประเพณี
น้า พุด รับไม่ได้ เกรียจขี้หน้าลูกเขย และพ่อแม่ฝ่ายชาย จึงขอเลิกกับน้าน้อย ต่างคนต่างอยู่ น้าน้อยกับน้อง ช่วยกันค้าขาย เหมือนจะดีขึ้นใช่ไหมคะ แต่เปล่าเลย ปี2554 น้อง ท้อง เป็นธรรมดา มีผัวก็ต้องท้องได้ น้องยังออกไปค้าขายปกติ
น้าน้อย เดินทาง กลับบ้านเกิด เพื่อมาขายบ้าน อ้างกับยายว่าบ้านหลังนี้มีอะไร แปลกๆ (แปลกจริงๆ) ยายก็ไม่ขวางยอมให้ขาย อยู่บ้าน 2-3วัน น้าก็กลับ กทม นั่งรถทัวกลับค่ะ
คืนนั้นขณะ ที่หลับ อยู่บนรถ น้าน้อยฝันว่า คนที่นั่งข้างๆคือ น้าอ่วม นั่งหันหน้ามาทางน้าน้อย ตลอดเวลาหลาย ปีที่เคยฝัน เห็นเขาจะไม่เคยพูดเลย.......แต่คืนนี้บนรถทัว......."เมิง หนี กู ไม่ พ้น หรอก" น้าน้อยสะดุ้ง เฮือก จ้องคนที่นั่ง ข้างๆ ตาไม่กระพริบ.......คิดในใจไม่ใช่แล้ว น้ารีบโทร หายาย กลางดึกคืนนั้นเลย ทุกๆคนพอรู้ก็ต่าง ตกใจ คนที่น่าห่วงที่สุด ตอนนี้ คือ"น้อง"อย่างที่ทุกๆคนคิดไว้เลยค่ะ สายๆของวันต่อมาอยู่ๆ น้องเกิดปวดท้อง แฟนน้อง พาไปหมอที่ศิริราช หมอฉีดยา กันแท้ง และคอยดูอาการเป็นระยะๆ ยื้อได้ค่อน วัน เย็นของวันนั้น หมอบอกว่า หัวใจเด็กเต้น อ่อนมากๆ โอกาศ รอดแทบไม่มี ที่ยั้งยื้อไว้ได้ ขนาดนี้เพราะมาถึงมือหมอเร็ว ทันท่วงที
"หมอ เอาเด็กออก และขูดมดลูก"เรียบร้อย
ในปี2554-2555 น้าน้อย ขายที่ มรดก ที่ยายยกให้จนหมด ที่ตรงนั้นยังเป็น สปก ราคาจึงถูกมาก ยายพยายามห้ามแล้ว แต่ก็เกินจะฉุด ราคาที่น้า ขายทั้งหมด รวมๆบ้านด้วย ได้ราคา ราวๆ1500000 บาท ซึ่งจริงๆแล้วถูก มากนะคะ น้าทยอย ขายทีละแปลง เรื่อยๆ จนหมด ตอนนี้เจ้าของ ที่ดินตรงนั้น ก็ถือหลายมือค่ะ ทุกๆคนต่างมี สัญญาชื้อขาย ในมือ แต่ใบ สปก อยู่ใน ธนาคาร ค่ะ ติดหนี้ ธกส อีก300000 บาท ยายมารู้ทีหลัง ว่าน้าติด การพนัน ก็ตอนที่น้าน้อย หมดสิ้นทุกอย่างแล้ว พี่น้องที่เคย ช่วยเหลือ ตอนนี้หันหน้าไปทาง ไหน ก็เจอแต่ทางตัน
2556 น้อง ท้องอีกรอบ ยายไปวัดป่าประจำหมู่บ้าน บนบาล ว่าถ้าหลาน คนนี้เกิดมาปลอดภัย แข็งแรง สมบูรณ์ ยายจะมาบวชชี แก้ บน3เดือน สรุปว่าได้เลี้ยงค่ะ ยายก็ไปแก้ บน ตามระเบียบ ส่วนน้าน้อย ตอนนี้ ชีวิตเหมือน เดินถอยหลัง ทีละก้าวๆ ติดหนี้รายวัน ที่บ้านนอก กลับบ้านก็ไม่ได้ กลัวเจ้าหนี้ฆ่าทิ้ง แรกๆ แม่เรากับน้าๆก็ช่วย นะคะ แต่หลังๆนี่เริ่มไม่ไหว เหมือนได้ใจว่าเดี๋ยวพี่น้อง ก็ต้องยื่นมือเข้าช่วย.
................ปี2557 น้าน้อย ทะเลาะ กับลูกเขย อยากจะให้ลูกช่วยใช้หนี้ ที่ตัวเองก่อ ลูกเขยแกจึงพาน้องหนี ไปตั้งหลักปักฐาน ที่ จ.อื่น โดยที่น้องเอง ก็เลือกผัว ไม่สนใจว่าคนเป็น แม่จะอยู่กินยังไง คือทิ้งไปเลย ไม่ติดต่อ ไม่มาหา คงเพราะน้าน้อย ไม่มี มรดก ตกถึงมือลูก.....เค้าเลยไม่คิดจะเลี้ยงดู
ตอนนี้น้าน้อย ตัวคนเดียว หันหน้าไปทางไหน ก็มืดไปหมด ส่วน จขกท เองก็แอบช่วยบ้าง เวลาที่แก ไม่มีจะกิน (พ่อเราห้ามยุ่งกับน้าน้อยค่ะ เพราะไปอยู่ที่ไหน เดือดร้อนที่นั่น ต้องมีเรื่องให้ทุกข์ อก ทุกข์ใจตลอด) เรื่องราว เล่ามาจนถึงปัจจุบัน แล้วค่ะ ไม่เห็นหน้ากลัวเลย เนาะ สิ่งที่มองไม่เห็น สัมผัส ไม่ได้ ก็ใช่ว่าจะไม่มีนะคะ บางทีน้าอ่วม อาจจะรอน้าน้อยอยู่ก็ได้ หมู่บ้าน เรา ยังมีอีกเรื่อง ที่ดังไป ทั่ว อำเภอ คือเรื่อง"กระสือ" ค่ะ ไว้ว่างๆเราจะมาเล่าอีกนะคะ
ขอบคุณที่อ่าน มาถึงบรรทัดนี้นะคะ สิ่งที่เรากลัว ที่สุดคือ กลุ่มคนที่ไปตีข้าว12คนในคืนนั้น อาจจะรู้ว่าเราเป็นใคร ถ้าเรื่องถึงหูยายเราอาจจะโดน ยาย เนรเทศ ก็เป็นได้.......
ปล.ยายแต่งงานกับตาที่เป็น ลูกชายคนเดียว ของบ้าน ยายมีลูกชาย1คนคือน้าจ่อย หลานยายมีทั้งหมด 6คน ผู้หญิง5 ชาย1........หลานสาวทั้ง5คน ไม่มีใครเรียน จบ เลย ไม่มีใครได้ทำงานดีๆ เป็นเจ้าคนนายคน ส่วนหลานชาย 1คนที่กล่าวถึง คือลูกของน้าจ่อย คือคนๆเดียวที่ได้นามสกุล จากพ่อ ของตามาใช้....แต่มันไม่ปกติที่ "น้องคนนี้...ปัญญาอ่อน"
**กะสินี่ล่ะน้อ.....ที่ผู้เฒ่า เพิ่ลว่า....ดับเชี่ย....ดับแนว**
ปล2.เราเอง ก็ไม่คิดจะเอา บรรพบุรุษ มาล้อเล่น นะคะ แต่นี่คือสิ่งที่ยายเล่ามา และหลังๆ เราก็รับรู้